หลังจากที่ ลิเวอร์พูล ชนะ วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ ขณะที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แพ้ คริสตัล พาเลซ ทำให้ตอนนี้ "หงส์แดง" ทำแต้มฉีกห่างคู่แข่งเป็น 4 คะแนนแล้ว และในเกมพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ช่วงบ็อกซิ่งเดย์ เป็นโปรแกรมที่สำคัญมากๆ เพราะอาจจะทำให้เกิดจุดเปลี่ยนมากมาย

ตอนนี้ "หงส์แดง" เก็บชัยชนะในเกมลีก 15 เกมจาก 18 แมตช์ โดยที่ยังไม่แพ้ใคร และหากพวกเขาคว้า 3 แต้มในเกมพบ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด จะทำให้ ลิเวอร์พูล ยิ่งมีความฮึกเหิมในการลุ้นแชมป์ลีกมากขึ้น แถมทำให้หลายๆคนตื่นเต้นกับโอกาสที่จะคว้าแชมป์แบบไร้พ่ายซะด้วย

อย่างไรก็ตามหลายๆ ทีมชั้นยอดในอดีตที่ผ่านมา พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าการจะทำสถิติเหมือนกับ อาร์เซน่อล ชุดไร้พ่าย ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ และงานนี้หาก ลิเวอร์พูล จะโดนเปิดซิงในเกมลีกแมตช์แรกฤดูกาลนี้ คงจะมีสามสโมสรนี้ที่มีโอกาสปราบความฮึกเหิมของพวกเขาได้
 
1. อาร์เซน่อล (พบ ลิเวอร์พูล ที่แอนฟิลด์ วันที่ 29 ธันวาคม 2018) 
แมตช์นี้เป็นบททดสอบสำหรับ ลิเวอร์พูล หลังเกมดวล นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด (วันที่ 26 ธ.ค.) แม้ว่า อาร์เซน่อล จะเอาชนะที่แอนฟิลด์ครั้งสุดท้ายในช่วงระหว่างปี 2012 แต่ตอนนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้วเพราะพวกเขามีผู้จัดการทีมคนใหม่อย่าง อูไน เอเมรี่ โดยเขาทำผลงานสุดยอดนำทีมไม่แพ้ใคร 22 เกม ก่อนจะมาเสียท่าให้ "นักบุญ" เซาธ์แฮมป์ตัน

ตอนนี้ อาร์เซน่อล  มีกองหน้าที่ฟอร์มเข้าฝักสุดๆ ทั้ง ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมยอง ที่กำลังนำดาวซัลโวในพรีเมียร์ลีก เหนือกว่า โมฮาเหม็ด ซาลาห์ โดย "เดอะ เร้ดส์" อาจจะเป็นทีมเต็งที่จะคว้าชัยชนะในแมตช์นี้ หรืออย่างน้อยก็ไม่แพ้ แต่ก็เหมือน คริสตัล พาเลซ ที่แสดงให้เห็นตอนที่พวกเขาชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เราอาจจะได้เห็นเซอร์ไพรส์ในสนามเหย้าลิเวอร์พูล ก็ได้

2. แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (พบ ลิเวอร์พูล ที่เอติฮัด สเตเดี้ยม วันที่ 3 มกราคม 2019)
เป็นอะไรที่น่าเหลือเชื่อมากๆ ในการจินตนาการว่าตารางคะแนนจะเป็นยังไงหาก ริยาด มาห์เรซ ซัดจุดโทษเข้าตอนที่ทั้งสองทีมพบกันที่สนามแอนฟิลด์ เกมเมื่อต้นฤดูกาลนี้ นั่นคงเป็นอะไรที่ทำลายความเชื่อมั่นของนักเตะลิเวอร์พูล มากโข หรือหาก จอร์แดน พิคฟอร์ด ไม่ทำผิดพลาดมหันต์ช่วงทดเจ็บในเกมเมอร์ซี่ย์ไซด์ ดาร์บี้แมตช์  งานนี้ "เรือใบสีฟ้า" คงนำ "หงส์แดง" 4 แต้มไปแล้ว

สำหรับโปรแกมนี้ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ลิเวอร์พูล ต้องเจอกับงานที่สุดหินที่สุดในฤดูกาลนี้ ชัยชนะสำหรับ ลิเวอร์พูล แน่นอนว่าจะทำให้พวกเขาขยับเข้าใกล้ตำแหน่งแชมป์ แต่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ไม่ใช่คนที่นำทีมแพ้บ่อยๆ โดยเฉพาะในบ้านตัวเอง แมนฯ ซิตี้ มี ดาบิด ซิลวา และ แฟร์นันดินโญ่ คอยสนับสนุนทีม และ ลิเวอร์พูล คงแทบไม่ค่อยได้เล่นบอล

ฉะนั้น เกมนี้ไม่ใช่แค่บทพิสูจน์ความคงเส้นคงวาของ ลิเวอร์พูล เท่านั้น แต่ยังเป็นการวัดโอกาสในการลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีก เพราะหาก "หงส์แดง" พลาดนอกจากจะทำให้ แมนฯ ซิตี้ ไล่จี้ก้นแล้ว ยังทำให้ความมั่นใจของพวกเขาสั่นคลอนด้วยเช่นกัน

3. แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (พบ ลิเวอร์พูล ที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2019)     
หากเกิดกรณีที่ ลิเวอร์พูล ออกไปเยือนเอติฮัด สเตเดี้ยม แล้วได้ผลการแข่งขันที่น่าพอใจ งานนี้พวกเขาย่อมมีกำลังใจในการพบกับทีมอื่นๆ และเก็บชัยชนะอย่างต่อเนื่อง แม้อาจจะเจอกับงานยากอย่าง เชลซี กับ สเปอร์ส แต่ "เดอะ เร้ดส์" คงจะเจอเกมสุดหินเมื่อต้องพบกับ แมนฯ ยูไนเต็ด

ลองคิด ลิเวอร์พูล ไม่เคยชนะที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด นับตั้งแต่ยุค เดวิด มอยส์ คุมแมนฯ ยูไนเต็ด จริงแล้วก็น่าจะอย่างน้อย 10 ปีเลยทีเดียว ที่สำคัญพวกเขาเคยคว้าชัยชนะแค่ 2 ครั้งเท่านั้นในการเยือน "เธียเตอร์ ออฟ ดรีม" หรือ "โรงละครแห่งความฝัน"

สำหรับสองครั้งที่เกิดขึ้นนั้น ลิเวอร์พูล จบในตำแหน่งรองแชมป์ลีก โดย แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่จำเป็นต้องหวนนึกถึงโปรแกรมสำคัญในการพบกับ ลิเวอร์พูล มากนัก โดย โอเล่ กุนนาร์ โซลชา เพิ่งเข้ามารับงานร้อนให้กับต้นสังกัดเก่า และดูเหมือนว่าแข้ง "ผีแดง" กลับมามีความเชื่อมั่นมากยิ่งขึ้น

แน่นอนว่านี่เป็นโปรแกรมการแข่งขันที่กุนซือเจอร์เก้น คล็อปป์ อยากที่จะจัดการให้เสร็จสิ้นให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ขณะที่ แมนฯ ยูไนเต็ด คงมีเสียงเชียร์ดังสนั่นลั่นสนาม เพราะพวกเขาคงไม่ยอมให้คู่อริร่วมชาติคว้าชัยชนะจนมีแต้มทิ้งห่าง แถมมีลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกด้วย

ทั้งนี้อาจเป็นไปได้ที่ ลิเวอร์พูล จะเหมือนกับ แมนฯ ซิตี้ ที่โดน คริสตัล พาเลซ พลิกชนะ เพราะในวงการฟุตบอล ลูกกลมๆ ไม่มีอะไรแน่นอน ฉะนั้นทุกอย่างสามารถเกิดขึ้นได้ และงานนี้ คล็อปป์ ก็รู้เรื่องนี้ดีจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เขามักเตือนลูกทีมว่าห้ามประมาทในการพบกับคู่แข่งทุกทีม