ด้วยความที่เกมรับของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยอดสโมสรแห่งเวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เสียประตูเป็นว่าเล่นในฤดูกาลนี้ ทำให้พวกเขาตกเป็นข่าวกับกองหลังมากหน้าหลายตา ซึ่งคนที่มีข่าวกับพวกเขามากที่สุดในช่วงนี้คือ คาลิดู คูลิบาลี่ เซนเตอร์แบ็กคนเก่งของ นาโปลี

    ผลงานอันยอดเยี่ยมของ คูลิบาลี่ ทำให้เขามีค่าตัวแพงระยับตามไปด้วย ซึ่งแน่นอนว่าการใช้เงินก้อนโตกับนักเตะแค่คนเดียวในช่วงกลางฤดูกาลดูเป็นการลงทุนที่เสี่ยงพอตัว แต่ถ้ามันสามารถแก้ไขปัญหาให้ทีมได้มันก็ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า กรณีของ เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ กองหลังชาวดัตช์ที่ย้ายไปอยู่กับ ลิเวอร์พูล เมื่อช่วงเดือนแรกของปีก่อน ด้วยค่าตัว 75 ล้านปอนด์ (ประมาณ 3,375 ล้านบาท) ถือเป็นตัวอย่างที่สื่อถึงเรื่องนั้นได้เป็นอย่างดี ซึ่งนี่คือสาเหตุว่าทำไมการเสียเงินเพื่อ คูลิบาลี่ จึงอาจจะเป็นผลดีกับ แมนฯ ยูไนเต็ด เหมือนกรณีระหว่าง ฟาน ไดค์ กับ ลิเวอร์พูล

    - ความสามารถด้านเกมรับที่โดดเด่น
    คูลิบาลี่ เป็นกำลังหลักของ นาโปลี ได้อย่างรวดเร็วในช่วงที่เพิ่งย้ายมาจาก เกงค์ เมื่อปี 2014 ซึ่งสาเหตุที่เป็นอย่างนั้นก็เพราะเขาทำผลงานในโดดเด่นมากๆ ในตำแหน่งแนวรับ จนถึงขนาดเกือบช่วยให้ทีมดังของเมืองเนเปิ้ลส์ได้แชมป์ลีกเมื่อฤดูกาลก่อน

  ด้วยส่วนสูง 195 เซนติเมตร คูลิบาลี่ สามารถรับมือกับลูกกลางอากาศได้ดี แถมยังเข้าสกัดได้แม่นยำและหนักหน่วง โดยซีซั่นนี้เขาเข้าสกัดสำเร็จจากการลงเล่นทุกรายการเฉลี่ยแล้ว 2 ครั้งต่อเกม และเคลียร์บอลได้เฉลี่ย 3.9 หนต่อนัดด้วย

    ขณะที่ด้านความเร็วนั้น คูลิบาลี่ ก็วิ่งได้เร็วพอตัวทั้งที่เขาตัวสูงขนาดนี้ โดยเขาสามารถไล่ตามแนวรุกได้เกือบทุกคน และยังรับมือกับจังหวะสวนกลับเร็วได้ดีด้วย ต่อให้เขาจะหลุดตำแหน่งในบางครั้งก็ตาม นอกจากนี้ การที่เขาเร็วแบบนี้มันก็ทำให้เขาสามารถไล่ปิดพื้นที่ได้ดีเช่นกัน

    - เล่นเกมบุกได้ดีในระดับหนึ่ง
    บางครั้งการขึ้นเกมก็ต้องเริ่มจากแนวหลัง ซึ่ง คูลิบาลี่ ทำได้ดีพอตัวในด้านนี้ เขามีค่าเฉลี่ยผ่านบอลต่อเกมราว 75 ครั้งในฤดูกาลนี้ ซึ่งในจำนวนนั้นเป็นการผ่านบอลสำเร็จสูงถึง 88 เปอร์เซ็นต์ เรียกได้ว่าดูเผินๆ แล้วเหมือนเป็นผลงานของกองกลางเลย

 ขณะเดียวกัน ในซีซั่นนี้ คูลิบาลี่ ก็ผ่านบอลยาวเฉลี่ยแล้ว 4.5 ครั้ง นั่นหมายความว่าเขาสามารถผ่านบอลยาวไปถึงกองหน้า จนทำให้ทีมมีโอกาสสูงที่จะทำประตูได้ ซึ่งสไตล์การเล่นของ แมนฯ ยูไนเต็ด ในตอนนี้นั้น การมีกองหลังที่ผ่านบอลได้ดีแบบ คูลิบาลี่ จะเป็นประโยชน์อย่างมากเลยทีเดียว

    - ความฟิตเป็นเลิศ
    มันเป็นเรื่องธรรมดาที่นักฟุตบอลจะได้รับบาดเจ็บจนต้องอดลงเล่น เพราะการลงเล่นติดต่อกันจะส่งผลเสียต่อสภาพความฟิต แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาสำหรับ คูลิบาลี่ เท่าไหร่ เพราะตลอดการเป็นนักเตะอาชีพราว 8 ฤดูกาลของเขา เจ้าตัวอดลงเล่นเพราะมีอาการบาดเจ็บเพียงแค่ 12 นัดเท่านั้น!

 จนถึงตอนนี้ คูลิบาลี่ ลงเล่นไปแล้วมากกว่า 300 นัดในทุกรายการ โดยตลอดช่วงเวลาที่อยู่กับ นาโปลี เขาได้รับบาดเจ็บเพียงแค่ 2 ครั้งเท่านั้น ประกอบด้วยในฤดูกาล 2014-15 กับ 2016-17 ซึ่งในช่วงดังกล่าวเขาก็อดลงเล่นแค่ 2 เกม กับ 3 นัด ตามลำดับ

    - เป็นผู้นำที่ดี
    การเป็นผู้นำที่ดีในตำแหน่งแผงหลังถือว่ามีความสำคัญมากๆ เพราะคนที่เป็นผู้นำจะสามารถสั่งการแนวหลังได้ดี ทั้งตอนจับล้ำหน้า และตอนไล่กดดันแนวรุกของคู่แข่งพร้อมๆ กัน ซึ่งในบรรดาเซนเตอร์แบ็กชุดปัจจุบันของ แมนฯ ยูไนเต็ด มันไม่มีใครที่พอจะมีความเป็นผู้นำที่ดีเลย

คูลิบาลี่ คือคนที่มีคุณสมบัติในด้านการเป็นผู้นำ เขามักจะสั่งเพื่อนร่วมทีมในตำแหน่งเกมรับอยู่หลายครั้ง และเวลาเพื่อนร่วมทีมตอบสนองกับเกมรุกของคู่แข่งได้ช้า เขาก็มักจะดุแบบจริงจังเพื่อกระตุ้นให้คนเหล่านั้นโชว์ฟอร์มให้ดีขึ้นด้วย

    ตอนที่โดนแฟนบอล อินเตอร์ มิลาน เหยียดผิวใส่ คูลิบาลี่ ออกอาการหัวเสียจนส่งผลกับการเล่นของเขาอยู่บ้าง ซึ่งบางคนอาจจะบอกว่าคนเป็นผู้นำไม่ควรหวั่นไหวกับเรื่องแบบนั้น แต่การที่เขาจะฉุนขาดเพราะเรื่องดังกล่าวมันเป็นเรื่องที่พอเข้าใจได้ และหลังจบเกมนั้นเจ้าตัวยังออกมาโพสต์ข้อความด้วยว่า "ผมขอโทษกับความพ่ายแพ้ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการที่ผมต้องทิ้งให้พี่น้องของผมสู้ในสนามต่อ! แต่ผมภูมิใจในสีผิวของตัวเอง, ในการเป็นคนฝรั่งเศส, ในการเป็นคนเซเนกัล, ในการเป็นคนเนเปิ้ลส์ และในฐานะคนๆ หนึ่ง" ซึ่งมันถือเป็นการแสดงให้เห็นถึงความหนักแน่นของเขาเป็นอย่างดี

    - คู่หูที่สมบูรณ์แบบของ ลินเดอเลิฟ
    ในขุมกำลังชุดปัจจุบันของ แมนฯ ยูไนเต็ด วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ ถือเป็นกองหลังที่ไว้วางใจได้มากที่สุด ในซีซั่นนี้ดาวเตะชาวสวีดิชพัฒนาการเล่นของตัวเองได้อย่างยอดเยี่ยมจนเป็นคนที่ทีมขาดไม่ได้ไปแล้ว และได้รับคำชมจากแฟนบอลอยู่เรื่อยๆ

 อย่างไรก็ตาม ปัญหาก็คือเขาต้องแบกรับภาระหนักเกินไป บรรดาคู่หูของเขาไม่ว่าจะเป็น เอริก ไบยี่, คริส สมอลลิ่ง และ ฟิล โจนส์ ต่างก็ไม่ใช่พวกที่เชื่อใจได้ ต่อให้จะเก่งแค่ไหน แต่ ลินเดอเลิฟ เพียงคนเดียวก็ไม่สามารถสกัดกั้นเกมรุกได้หมด

 ด้วยเหตุนี้ การเข้ามาของ คูลิบาลี่ จึงจะตอบโจทย์เรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี เพราะคุณภาพของทั้งสองคนจะสามารถเติมเต็มกันและกันได้ จนอาจจะทำให้พวกเขาเป็นคู่ปราการเหล็กเหมือนหลายคู่เซนเตอร์แบ็กก่อนหน้านี้ของ แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ได้