ผลคะแนนและราคา 2 in 1 คะแนนในการแข่งสด ผลการแข่งขัน ตารางการแข่งขัน อัตราต่อรอง ข้อมูล คะแนนบาสเก็ตบอล
ฟุตบอล » พรีเมียร์ลีก อังกฤษ » ไม่ไกลเกินฝัน! ทำไม แมนยู ถึงมีโอกาสติดท็อปโฟร์ซีซั่นนี้

ไม่ไกลเกินฝัน! ทำไม แมนยู ถึงมีโอกาสติดท็อปโฟร์ซีซั่นนี้

Posted 22/01/2019 by siamsport

"พยายามเก็บแต้มให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และทำเรื่องที่ยากจนเกือบถึงขั้นเป็นปาฏิหาริย์อย่างการจบฤดูกาลด้วยการเป็นอันดับ 4 ให้ได้" นั่นคือสิ่งที่ โชเซ่ มูรินโญ่ ให้สัมภาษณ์เอาไว้เมื่อช่วงต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา โดยที่ตอนนั้นเขายังมีฐานะเป็นผู้จัดการทีมของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อยู่

ในตอนนั้นแฟนบอล แมนฯ ยูไนเต็ด หลายคนก็ก้มหน้ายอมรับเหมือนกันว่าทีมรักของพวกเขามีโอกาสน้อยพอตัวที่จะติดท็อปโฟร์ได้ เพราะช่วงนั้น "ปีศาจแดง" โชว์ฟอร์มได้ย่ำแย่สุดๆ จนได้ผลการแข่งขันที่เลวร้ายหลายนัด แถมมันยังข่าวลือเกี่ยวกับเรื่องความสัมพันธ์ที่ย่ำแย่ระหว่าง มูรินโญ่ กับลูกทีมด้วย จนทำให้ดูแล้วหนทางสู่ท็อปโฟร์ของ แมนฯ ยูไนเต็ด มันมืดมนลงไปอีก

ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อว่าภายในเวลาราว 1 เดือนกว่าๆ สิ่งที่ "ยากจนเกือบเป็นปาฏิหาริย์" กลับกำลังจะเกิดขึ้นได้จริงๆ เพราะตอนนี้ แมนฯ ยูไนเต็ด เก็บได้ถึง 44 คะแนน จากการลงเล่น 23 นัด และถึงแม้จะอยู่อันดับ 6 แต่พวกเขาก็ตามหลัง เชลซี ทีมในอันดับ 4 อยู่เพียง 3 แต้มเท่านั้น

แน่นอนว่าเครดิตส่วนใหญ่ต้องยกให้ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ที่พาทีมเก็บชัยชนะในลีกได้ครบทั้ง 6 นัด นับตั้งแต่ที่เขาเข้ามาคุมทีมเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม ที่ผ่านมา โดยที่ โซลชา ยังพาทีมชนะในเกม เอฟเอ คัพ ได้อีก 1 นัดด้วย และถ้าพิจารณาจากหลายๆ ปัจจัยแล้วนั้น ตอนนี้ แมนฯ ยูไนเต็ด ก็มีโอกาสดีมากที่จะจบซีซั่นนี้ด้วยการติดอยู่ใน 4 อันดับแรกของตารางคะแนน พร้อมกับได้สิทธิ์เล่นศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในฤดูกาลหน้า ซึ่งเหตุผลที่ว่ามีดังต่อไปนี้

- บรรดานักเตะคืนฟอร์มเก่ง

ก่อนหน้าที่ โซลชา จะเข้ามาคุมทีม บรรดาพ่อค้าแข้งชุดปัจจุบันของ แมนฯ ยูไนเต็ด เล่นกันได้แย่สุดๆ ในฤดูกาลนี้ จนดูแล้วไม่คู่ควรกับการสวมชุดแข่งของ "ปีศาจแดง" และไม่สมควรได้รับค่าเหนื่อยก้อนโตเลย ทั้งที่ขุมกำลังเกือบทุกคนก็มาจากชุดที่เป็นรองแชมป์ลีกเมื่อซีซั่นที่แล้ว

อย่างไรก็ตาม ตลอดช่วงการลงเล่นเกมลีก 6 นัดภายใต้การทำทีมของกุนซือชั่วคราวชาวนอร์เวย์ เหล่าดาวเตะ แมนฯ ยูไนเต็ด ก็กลับมาระเบิดฟอร์มเก่งได้อีกครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ปอล ป็อกบา และ มาร์คัส แรชฟอร์ด ที่ต่างก็ทำผลงานได้น่าประทับใจจนเหมือนเป็นคนละคนกับในยุคของ มูรินโญ่

ถ้าเกิดเหล่านักเตะ แมนฯ ยูไนเต็ด สามารถรักษาฟอร์มการเล่นในตอนนี้เอาไว้ได้แล้วล่ะก็ พวกเขาก็มีโอกาสสูงที่จะพาทีมเก็บชัยชนะได้ และการติดท็อปโฟร์ก็ไม่ใช่เส้นชัยที่ไกลเกินเอื้อมเลย

- ปัญหาของเหล่าคู่แข่ง

หลักๆ แล้วในตอนนี้คงมีอยู่ 4 ทีมที่ต้องลุ้นพื้นที่ท็อปโฟร์กัน อันได้แก่ แมนฯ ยูไนเต็ด, ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์, เชลซี และ อาร์เซน่อล ส่วน ลิเวอร์พูล กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ปล่อยให้เป็นม้าลุ้นแชมป์ 2 ตัวกันไป

แน่นอนว่าถ้าเป็นก่อนหน้านี้ แมนฯ ยูไนเต็ด คงไม่ต้องหวังที่จะไล่อีก 3 ทีมให้ทันเลย เพราะนอกจากพวกเขาจะโชว์ฟอร์มได้ย่ำแย่แล้วนั้น สเปอร์ส, เชลซี และ อาร์เซน่อล ต่างก็ทำผลงานได้ยอดเยี่ยมต่อเนื่องจนดูไม่มีทีท่าว่าจะสะดุดด้วย

 อย่างไรก็ตาม ตอนนี้สถานการณ์มันต่างกับแต่ก่อนแบบฟ้ากับเหว ในขณะที่ แมนฯ ยูไนเต็ด เก็บชัยชนะได้แบบต่อเนื่องนั้น อีก 3 ทีมดังกล่าวก็ออกอาการเป๋ให้เห็นบ่อยขึ้น แถมสถานการณ์ด้านอื่นๆ ของทั้ง 3 ทีมก็ดูไม่ดีเท่าไหร่ด้วย

สเปอร์ส อาจจะมีชุด 11 ตัวจริงที่ดูดีระดับลุ้นแชมป์ได้ แต่กลุ่มตัวสำรองของพวกเขามันดูไม่ดีเท่าไหร่มานานแล้ว ยิ่ง แฮร์รี่ เคน กองหน้าตัวความหวังมาเจ็บหนักจนอาจจะต้องพักถึงเดือนมีนาคมนี้อีก ยิ่งทำให้มันมีโอกาสที่ สเปอร์ส จะทำแต้มหล่นเยอะพอตัว

 ในขณะที่ เชลซี อาจจะเปิดตัวได้สวยหรูจนมีแต้มไล่เบียดกับทั้ง ลิเวอร์พูล และ แมนฯ ซิตี้ แต่สุดท้ายพวกเขาก็ยืนระยะไม่ไหว ซ้ำร้ายจนถึงตอนนี้บอร์ดบริหารก็ยังไม่สามารถคว้าใครที่ดูดีพอจะพลิกสถานการณ์ได้เข้ามาร่วมทีมในตลาดช่วงเดือนมกราคมนี้ได้เลย

ทางฝั่ง อาร์เซน่อล ก็อาการหนักไม่แพ้กัน หลังจากเคยไม่แพ้ใครในทุกรายการ 22 นัดติดต่อกัน "ไอ้ปืนใหญ่" ก็สะดุดอย่างต่อเนื่อง แถมว่ากันว่าตอนนี้บอร์ดบริหารของพวกเขาก็ยังมีปัญหากันด้วย หลังมีกระแสข่าวลือว่า สเวน มิสลินทัต หัวหน้าฝ่ายสรรหานักเตะ ส่อแววลาออกจากตำแหน่ง

เรียกได้ว่าสถานการณ์ที่เลวร้ายของเหล่าคู่แข่งมันช่างเข้าทาง แมนฯ ยูไนเต็ด ซะเหลือเกิน

- โปรแกรมเป็นใจ

ในกีฬาฟุตบอลนั้น การได้เล่นในบ้านถือว่ามีส่วนช่วยทีมในระดับหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นเสียงเชียร์จากแฟนบอลที่ดังกระหึ่มจนทำได้ทั้งสร้างกำลังใจให้ทีม และกดดันคู่แข่งกับกรรมการได้เป็นอย่างดี รวมไปถึงความคุ้นเคยกับสภาพสนามมากกว่าทีมเยือน

ในเกมลีกที่เหลืออีก 15 นัดนั้น แมนฯ ยูไนเต็ด จะได้เล่นใน โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด รังเหย้าของพวกเขาถึง 8 เกม และในจำนวนนั้นจะเป็นการเจอกับทีมในกลุ่ม 6 อันดับแรกถึง 3 เกมด้วย ได้แก่การเจอกับ ลิเวอร์พูล วันที่ 24 กุมภาพันธ์นี้, ดวลกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ วันที่ 16 มีนาคมนี้ และเจอกับ เชลซี วันที่ 27 เมษายนนี้

แน่นอนว่าถ้าต้องไปเยือนทั้ง 3 ทีมดังกล่าว แมนฯ ยูไนเต็ด คงลุ้นเก็บแต้มติดมือกลับออกมาได้ยาก แต่เมื่อได้เล่นในบ้านของพวกเขาเอง แมนฯ ยูไนเต็ด ก็มีโอกาสสูงที่จะเก็บ 3 แต้มเต็มได้ ยิ่งเป็นในยุคของ โซลชา ที่ทีมกำลังทำผลงานได้ดี และดูเล่นกันมีความมั่นใจมากกว่าแต่ก่อน มันก็ยิ่งทำให้พวกเขามีโอกาสเก็บชัยชนะเพื่อลุ้นติดท็อปโฟร์มากขึ้นไปอีก

ขณะที่โปรแกรมเยือน 7 นัดนั้น ส่วนใหญ่แล้วเจ้าถิ่นที่ต้องรับการไปเยือนของ แมนฯ ยูไนเต็ด ก็เป็นทีมที่ไม่ได้โหดหินเกินไป โปรแกรมออกนอกบ้านที่แข็งที่สุดในลีกที่เหลืออยู่ของ แมนฯ ยูไนเต็ด เห็นจะเป็นการไปดวลกับ อาร์เซน่อล ที่ เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม วันที่ 9 มิถุนายนนี้

นั่นหมายความว่าในเกมเยือน 7 นัดที่เหลืออยู่ แมนฯ ยูไนเต็ด ก็มีโอกาสสูงที่จะเก็บแต้มได้เป็นกอบเป็นกำอยู่ดี และมันก็อาจจะส่งผลให้พวกเขาติดท็อปโฟร์ตอนปิดฤดูกาลในวันที่ 12 พฤษภาคมนี้ก็ได้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน

อัลบั้มภาพเด็ดๆ

More »

คลิปไฮไลท์

More »