ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมชนิดหักปากกาเซียน ด้วยการไล่ถลุง โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ยับเยิน 3-0 ที่สนามเวมบลีย์ ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดแรก เมื่อวันพุธที่ 13 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ทำให้โอกาสในการเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายค่อนข้างสดใสเลยทีเดียว

    แมตช์นี้ สเปอร์ส ขาดแข้งสำคัญอย่าง แฮร์รี่ เคน, เดเล่ อัลลี่, เบน เดวิส และ แดนนี่ โรส แต่พวกเขายังคงเล่นได้ดี ที่สำคัญเกมนี้ ซน ฮึง-มิน แสดงให้เห็นแล้วว่าเขาสามารถพึ่งพาได้เสมอเมื่อทีมต้องการ นอกจากนี้ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ ยังใช้แท็กติคด้วยการจับ ยาน แฟร์ต็องเก้น ขึ้นมาเล่นเป็นวิงแบ็กซ้าย และได้ผลดีเยี่ยมมากๆ

    แน่นอนว่าสกอร์ที่นำขาดขนาดนี้ทำให้ "ไก่เดือยทอง" ตีปีกเฮฮากันได้สบายๆ เพราะในแมตช์ที่สอง ในการเยือน "เสือเหลือง" วันที่ 5 มีนาคมนี้ ยอดทีมแห่งกรุงลอนดอน คงไปเล่นด้วยสภาพที่ไม่กดดัน สวนทางกับเจ้าบ้านที่งานนี้คงเปิดเกมบุกแบบไม่ลืมหูลืมตาแน่นอน

1. คู่กลาง สเปอร์ส โดดเด่น

 มุสซ่า ซิสโซโก้ ทำผลงานได้ดีเยี่ยมให้กับ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ในฤดูกาลนี้ ขณะที่คู่หูของเขา แฮร์รี่ วิงส์ ก็มีส่วนสำคัญกับชัยชนะที่สุดยอดในแมตช์นี้เช่นกัน

    สำหรับในกรณีของ ซิสโซโก้ แม้ในช่วง 2 ปีแรกกับ สเปอร์ส จะเล่นไม่ค่อยคุ้มค่าตัวจำนวน 30 ล้านปอนด์ (ราว 1,230 ล้านบาท) ที่จ่ายให้ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด แต่สำหรับฤดูกาบนี้เขากับ วิงส์ เล่นได้เข้าขากันมากๆ และทำให้แดนกลาง "ไก่เดือยทอง" แน่นปึ้ก

ในส่วนของ วิงส์ ต้องบอกว่าค่อยๆ ทำผลงานได้ดีขึ้นเมื่อจับคู่กับ ซิสโซโก้ เพราะการได้ ดาวเตะเลือดเฟร้นช์ คอยทำหน้าที่ประคองทำให้ มิดฟิลด์ชาวอังกฤษ มีโอกาสได้ใช้ศักยภาพของเขาได้อย่างเต็มที่ และนักเตะยังโชว์ทักษะการผ่านบอลที่สุดยอดด้วย

    จริงๆ แล้วมีนักเตะมากมายของ สเปอร์ส พัฒนาฝีเท้ามากขึ้นภายใต้การกุมบังเหียนของ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ แต่ยังน้อยกว่าสองแข้งนี้
 
2. ซานโช่ ขาดการสนับสนุน 

เจดอน ซานโช่ เป็นดาวรุ่งพุ่งแรงในวงการลูกหนังอังกฤษที่กำลังทำผลงานได้อย่างโดดเด่นเป็นสง่าในศึกบุนเดสลีกา เยอรมนี และนี่เป็นโอกาสที่เขาได้กลับมายังลอนดอนบ้านเกิด และจะได้แสดงศักยภาพบนแผ่นดินแม่ที่สนามเวมบลีย์ เมกะลูกหนังที่ยิ่งใหญ่ของชาติ

    สำหรับเกมนี้ ซานโช่ ฉายแสงเจิดจรัสในช่วงครึ่งแรกทั้งความรวดเร็ว และเทคนิคสามารถป่วนเกมรับของ สเปอร์ส ได้ตลอด แต่น่าเสียดายที่ ดอร์ทมุนด์ ไม่สามารถฉกฉวยประโยชน์จากการสร้างโอกาสของเขา  ส่งผลให้พลาดยิงประตูขึ้นนำเจ้าบ้าน

 ในส่วนของครึ่งหลัง ซานโช่ หายไปจากเกม โดยไม่มีบทบาทในการเล่นเกมบุกเลย หนึ่งในสาเหตุที่ทำให้นักเตะช่วยทีมไม่ได้ก็เพราะการที่เขาขาดผู้เล่นที่จะช่วยสนับสนุน เนื่องจากทีมขาด มาร์โค รอยส์ และ ปาโก้ อัลกาเซร์ เพราะมีปัญหาบาดเจ็บรบกวน

    ต้องยอมรับว่า รอยส์ กับ อัลกาเซร์ มีความสำคัญมากๆ เพราะทั้งสองคนช่วยกันยิงรวมกัน 30 ประตูในฤดูกาลนี้ และหากทีมได้ทั้งคู่กลับมารวมพลังประจัญบานกับ ซานโช่ ในเกมนัด 2 วันที่ 5 มีนาคมนี้ ก็ไม่แน่ว่า ดอร์ทมุนด์ อาจจะพลิกนรกก็ได้ เพียงแต่ค่อนข้างยากซะหน่อย
 
3. ซน พึ่งได้

 
แฮร์รี่ เคน และ เดเล่ อัลลี่ มีปัญหาบาดเจ็บส่วน ซน ฮึง-มิน ต้องไปช่วยทีมชาติเกาหลีใต้ในศึกเอเอฟซซี เอเชียน คัพ 2019 ซึ่งการขาดทั้ง 3 คนใน 2 เกม ทำให้เส้นทางในการลุ้นแชมป์ฟุตบอลถ้วยของ สเปอร์ส จบสิ้นไม่เป็นทาง ด้วยการแพ้ เชลซี กับ คริสตัล พาเลซ

    หลังจากที่ ซน กลับมาช่วยทีม ตอนนี้เขายิงประตูเป็นว่าเล่นและนำ "ไก่เดือยทอง" รักษาโอกาสในการลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีก ด้วยการชนะ วัตฟอร์ด, นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด และ เลสเตอร์ ซิตี้ และตอนนี้ก็ช่วยให้ทีมได้ชัยชนะที่สุดแสนล้ำค่าในเกมแรกถ้วยใบยุโรป

แม้ว่าเกมกับ ดอร์ทมุนด์ นั้น ดาวยิงโสมขาวอาจจะค่อนข้างเงียบในครึ่งแรก แต่ครึ่งหลังเขาทำผลงานได้ดีมากๆ โดยเฉพาะเรื่องพละกำลังต้องบอกว่ามีเหลือเฟือ และสิ่งนี้ช่วยทีมได้เยอะ ที่สำคัญตอนนี้เขาซัดไปแล้ว 11 ประตูในเกมลีก และสถิติการยิงประตูคงยังไม่หยุดอยู่แค่นี้แน่นอน 

4. โยริส ซูเปอร์เซฟสุดสำคัญ 

 สเปอร์ส ดูเหมือนจะตกรอบแชมเปี้ยนส์ ลีก อีกครั้ง หังจากที่ 3 เกมแรกในรอบแบ่งกลุ่มพวกเขาแพ้ทั้ง อินเตอร์ มิลาน และ บาร์เซโลน่า และเสมอ พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น หนึ่งในผลงานที่ย่ำแย่ช่วง 3 เกมแรกเกิดจากการเล่นที่ผิดพลาดของ อูโก้ โยริส นายทวารแชมป์โลก โดยเฉพาะจังหวะเสียประตูแรกในเกมแพ้ บาร์ซ่า 2-4 ที่สนามเวมบลีย์

    ยังไม่หมดแค่นั้น กัปตันทีมชาติฝรั่งเศส ยังโดนไล่ออกตอนที่ สเปอร์ส นำ พีเอสวี 2-1 (สุดท้ายเสมอ 2-2) ที่ไอนด์โฮเฟ่น อย่างไรก็ตามในเกมนี้ โยริส กลับมาโชว์ฟอร์มเก่งอย่างน่าเหลือเชื่อ เพราะเจ้าตัวได้สร้างช็อตสุดยอดในการเซฟแห่งชีวิตของทีมจริงๆ

 จังหวะแรกมาจากการแสดงให้เห็นความเหนียวหนึบสมเป็นโกล์แชมป์โลก ด้วยการปัดลูกยิงทรงพลังของ คริสเตียน พูลิซิช และจากนั้นในช่วงนาทีสุดท้ายของครึ่งแรกก็โชว์เซฟสุดเหลือเชื่อด้วยการปัดลูกโหม่งจ่อๆ ของ ดาน-อาเซล ซากาดู ออกไปชนิดที่ทุกๆ คนได้เห็นต้องช็อกว่าเซฟได้ยังไง

    สำหรับเซฟสำคัญทั้งสองครั้งของ โยริส พิสูจน์ให้เห็นว่ามีความสำคัญกับ สเปอร์ส มากๆ เพราะในครึ่งหลังพวกเขาสามารถครองเกมได้อย่างเหลือชั้น และจัดการซัด 3 ประตูรวด ทำให้ทีมก้าวขาเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายไปแล้วข้างนึง

5. แฟร์ต็องเก้น โชว์เปิดบอลแม่นยำ

  
 สเปอร์ส ต้องประสบปัญหาขาดแคลนผู้เล่นเกมรุกที่ใช้ขู่กองหลังคู่แข่ง เพราะทีมไม่มีทั้ง เบน เดวิส กับ แดนนี่ โรส ที่เจอปัญหาบาดเจ็บเล่นงาน ด้วยเหตุผลนี้ทำให้ โปเช็ตติโน่ ตัดสินใจต้องลองใช้แท็คติกด้วยการใช้แนวรับ 3 ตัว โดยให้ ยาน แฟร์ต็องเก้น ซึ่งเล่นตำแหน่งเซนเตอร์แบ็ก ขยับไปเล่นวิงแบ็กซ้าย

    ขอบอกว่าแท็กติคนี้ได้ผลดีจริงๆ เพราะ ดาวเตะชาวเบลเยียม สามารถช่วยทีมเต็มเกมรุกได้ดีมากๆ แถมยังเปิดบอลได้อย่างแม่นยำให้กับ ซน ซัดวอลเล่ย์สุดสวยส่งให้ สเปอร์ส ขึ้นนำตั้งแต่ต้นครึ่งหลัง จากนั้นก็ยังขึ้นมาทำประตูที่สองให้ทีม ด้วยการตะบันงามหยดจากจังหวะการเปิด แซร์จ ออริเยร์

 งานนี้ โปเช็ตติโน่ คงเก็บแผนการเล่นนี้เอาไว้ในใจหากว่าทีมมีปัญหาเรื่องเกมบุก เพราะการส่ง แฟร์ต็องเก้น ทำหน้าที่วิงแบ็กซ้าย น่าจะช่วยสร้างโอกาสในการทำประตูให้กับทีมเพิ่มขึ้น เพราะนักเตะรายนี้มีดีจากการเปิดบอลที่แม่นยำนั่นเอง