แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สามารถเรียกฟอร์มสุดยอดกลับมาได้อีกครั้งหลังเสียขวัญไปกับการแพ้ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง เมื่อสัปดาห์ก่อน แต่แมตช์ล่าสุดที่บุกชนะ เชลซี 2-0 เกม เอฟเอ คัพ รอบ 5 เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา เป็นบทพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า "ปีศาจแดง" ยังแกร่งเหมือนเดิม

    โอเล่ กุนนาร์ โซลชา สามารถกระตุ้นลูกทีมให้ลืมความผิดหวังในเกมกับ "เปแอสเช" ด้วยการร่วมพลังประจัญบานบุกไปเยือนถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ พร้อมกับความมั่นใจ และฟอร์มที่สุดยอดเยี่ยมในการต่อกรกับเจ้าบ้าน ที่ดูเหมือนผลงานไม่ค่อยดีนักในช่วงที่ผ่านมา

 เกมนี้ ปอล ป็อกบา โชว์ฟอร์มเก่งได้อีกครั้งหลังเล่นได้แย่ในเกมกับ แชมป์ลีก เอิง และไม่ต้องแปลกใจที่เขาได้รับเลือกเป็นแมน ออฟ เดอะ แมตช์ ในเกมนี้ เพราะผลงานที่ทั้งยิงและแอสซิสต์ คงไม่มีใครโดดเด่นไปกว่า กองกลางแชมป์โลก อีกแล้ว

    ส่วน เมาริซิโอ ซาร์รี่ ผู้จัดการทีมชาวอิตาเลียน ตอนนี้บอกได้เลยเก้าอี้ร้อนสุดๆ เพราะนอกจากจะแพ้แล้วฟอร์มของทีมก็ไม่ดีด้วย ขณะที่แนวรับในแมตช์นี้ย่ำแย่สุดๆ เนื่องจากจังหวะที่ทีมเสียทั้งสองประตูเป็นความรับผิดชอบของแบ็กโฟร์

1.  โซลชา วางแท็กติคเยี่ยม 
    โอเล่ กุนนาร์ โซลชา แสดงให้เห็นว่าไม่เคยมีปัญหาในการสับเปลี่ยนแท็กติค โดยเขาเปลี่ยนระบบจาก 4-3-1-2  กับ 4-3-3 ซึ่งผลงานของทีมก็ยังยอดเยี่ยมเหมือนเดิม

 การที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่มี อองโตนี่ย์ มาร์กซิยาล กับ เจสซี่ ลินการ์ด เนื่องจากมีปัญหาบาดเจ็บ ทำให้ โซลชา ตัดสินใจเล่นหน้าสามตัวโดยส่ง โรเมลู ลูกากู, มาร์คัส แรชฟอร์ด และ ฆวน มาต้า แทนที่จะเป็น อเล็กซิส ซานเชซ ซึ่งงานนี้ "น้าลูกอม" คิดถูก เพราะแข้งสแปนิช โชว์ผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมป่วนเกมรับของเจ้าบ้านได้ตลอด

    ต้องยอมรับว่า โซลชา สามารถกระตุ้นลูกทีมกลับมาร่วมแรงร่วมใจกันได้อีกครั้ง หลังจากที่แพ้ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง 0-2 ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดแรก ที่สนามโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เมื่อสัปดาห์ก่อน และนี่ถือเป็นชัยชนะที่ทำให้แข้ง "ผีแดง" ฮึกเหิม ก่อนทำศึก "แดงเดือด" กับ ลิเวอร์พูล สุดสัปดาห์นี้

   
2. แนวรับ เชลซี ย่ำแย่
    แมตช์นี้ต้องบอกว่าเลยสองประตูที่ เชลซี เสียไปเกิดจากการเล่นที่น่าผิดหวังมากของแบ็กโฟร์ ทั้ง อันโตนิโอ รือดิเกอร์, ดาวิด ลุยซ์, มาร์กอส อลอนโซ่, เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า ฟอร์มออกทะเล ทุกครั้งที่แนวรุกแมนฯ ยูไนเต็ด บุกเข้ามาพวกเขามีโอกาสทำประตูได้ตลอด

    ในจังหวะทีมเสียทั้งสองประตู อลอนโซ่ มีส่วนรับผิดชอบเต็มๆ โดยลูกแรกดันตามประกบ เอร์เรร่า ไม่ดีทำให้แข้งเลือดสแปนิช ยืนโล่งซัดบอลเข้าไปตุงตาข่ายสบายๆ ขณะที่ในจังหวะเสียประตูที่สอง ก็ปล่อยให้ แรชฟอร์ด หลุดไปโยนบอลแบบง่ายๆ ก่อนที่ ป็อกบา จะพุ่งโหม่งอย่างงดงาม

 ขณะที่  ลุยซ์ ไม่รู้ว่าเป็นเสี่ยบ่อน้ำมันหรือเปล่าถึงได้กลายสบายตัวเองเป็นบ่อให้คู่แข่งเจาะเข้าไปลุ้นทำประตูได้ตลอด แถมจังหวะที่แมนฯ ยูไนเต็ด เปิดบอล ดาวเตะหัวฟูเลือดบราซิเลียนก็ไม่มีปัญญาที่จะช่วยป้องกันอะไรได้เลย  ส่วน อัซปิลิกวยต้า ต้องบอกว่านี่คือหนึ่งในเกมที่น่าผิดหวังสำหรับเขาจริงๆ เล่นบอลสะเปะสะปะ โดน แรชฟอร์ด ป่วนจนหมดสภาพอีกต่างหาก

    ส่วน รือดิเกอร์ ดูเหมือนจะดูดีที่รับมือกับ โรเมลู ลูกากู ซึ่งก็ไม่ได้เล่นดีเด่อะไรนัก แต่ที่เหลือก็เหมือนกับเพื่อนร่วมแนวรับอีก 3 คน เพราะจังหวะเสียประตูที่สองเขาก็มีส่วนต้องรับผิดชอบเช่นกัน  ตบท้ายที่ เกป้า อาร์ริซาบาลาก้า นายทวารค่าตัวแพงระยับ ที่อาจจะทำผลงานได้ดีในช่วงต้นเกม แต่จังหวะเสียประตูที่สองเจ้าตัวน่าจะทำป้องกันได้ดีกว่านี้ งานนี้แฟนบอลเชลซี บ่นพึมพำเสียดายค่าตัว 71ล้านปอนด์ (ราว 2,911 ล้านบาท) ที่จ่ายให้ แอธเลติก บิลเบา จริงๆ 

3. มาต้า ดับรัศมี จอร์จินโญ่
    ฆวน มาต้า โชว์ฟอร์มได้ยอดเยี่ยมในค่ำคืนที่กลับมาเยือนถิ่นเก่า เขาแสดงให้เห็นถึงพัฒนาการในการเล่นมิดฟิลด์ตัวกลางมากกว่าตำแหน่งปีก ที่สำคัญแมตช์นี้ ดาวเตะจอมเก๋าชาวสเปน สร้างผลงานได้สุดยอดด้วยการไล่บี้กับ จอร์จินโญ่ จนเล่นไม่ออก

 การจับ ดาวเตะเลือดสแปนิช ลงเล่นตรงกลาง ยังช่วยให้ ปอล ป็อกบา มีอิสระในการเดินเกมบุกมากยิ่งขึ้น และนั่นยิ่งทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ดูอันตรายเป็นทวีคูณเมื่อ ดาวเตะเลือดเฟร้นช์ มีพื้นที่ในการทำเกม ฉะนั้นด้วยผลงานแบบนี้มีความเป็นไปได้ที่ โซลชา จะใช้งาน มาต้า ลงเล่นในบทบาทนี้อย่างต่อเนื่อง
 
    ที่สำคับในแมตช์นี้ อดีตดาวเตะ เชลซี และ บาเลเนซีย ได้รับเสียงยกย่องเชิดชู จากการเล่นที่ยอดเยี่ยม ฉะนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เขาจะได้รับเสียงปรบมือกึกก้องที่สนามสแตมฟอร์ด บริดจ์

4. ป็อกบา ฟอร์มฮอต 
    ในเกมกับ "เปแอสเช" ปอล ป็อกบา เล่นไม่ออกเมื่อโดน มาร์กินญอส จัดการเล่นงานซะอยู่หมัด ทำให้ "ปีศาจแดง" ต้องพบกับความเจ็บช้ำน้ำใจในแมตช์รับมือ แชมป์ลีกสูงสุดเมืองน้ำหอม แถมที่เจ็บปวดยิ่งกว่านั้นก็คือเจ้าตัวโดนสองใบเหลืองเป็นใบแดงไล่ออกอีกต่างหาก

 อย่างไรก็ตามในแมตช์สแตมฟอร์ด บริดจ์ ดาวเตะเลือดเฟร้นช์คนเก่งคนเดิมกลับฟื้นคืนชีพอีกครั้ง เมื่อเจ้าตัวมีส่วนกับสองประตูของ แมนฯ ยูไนเต็ด โดยในจังหวะได้ประตูแรก ป็อกบา เปิดบอลคมกริบให้ อันเดร์ เอร์เรร่า ส่งบอลเข้าไปซุกก้นตาข่ายแบบสบายอุรา

    ขณะที่จังหวะได้ประตูที่สอง อดีตสตาร์ "ม้าลาย" ยูเวนตุส วิ่งตะบึนมาตั้งแต่ระยะ 40 หลาเพื่อเข้าไปในบริเวณเขตโทษ ก่อนจะพุ่งโหม่งจากจังหวะเปิดบอลของ มาร์คัส แรชฟอร์ด เข้าประตูไปอย่างงามหยดชดช้อยในช่วงนาทีสุดท้ายของครึ่งแรก ฉะนั้นไม่ต้องแปลกใจเลยว่าใครคู่ควรเป็น แมน ออฟ เดอะ แมตช์ ในเกมนี้

5. ซาร์รี่ อนาคตมืดมน
    หลังจากนำ เชลซี โดน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ถลุงยับไม่นับญาติ 0-6 สถานการณ์ในการกุมบังเหียนของ เมาริซิโอ ซาร์รี่ เริ่มสั่นคลอนเรื่อยๆ และการต้องมาแพ้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คาบ้านตัวเอง ทำให้แชมป์เก่าตกรอบ เอฟเอ คัพ ไปด้วยฟอร์มสุดบู่ ยิ่งทำให้อนาคตของเจ้าตัวแทบจะมืดมิดเต็มที

 ในแมตช์นี้บรรดาสาวก "สิงโตน้ำเงินคราม" ตะโกนลั่นสนามพร้อมเพรียงว่า "ไล่มันออกตอนเช้าวันนี้ไปเลย" ใส่ผู้จัดการทีมชาวอิตาเลียน แถมการแก้เกมด้วยการส่ง รอสส์ บาร์คลี่ย์ กับ วิลเลี่ยน ก็ไม่ได้ช่วยทำให้เกมดีขึ้น และเจ้าตัวยังโดนแฟนบอลส่งเสียงโห่ใส่ขณะที่เปลี่ยน ดาวิเด้ ซัปปาคอสต้า ลงมาแทน เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า ในช่วงท้ายเกม

    สำหรับสไตล์การเล่นในแมตช์นี้ หากไม่นับช่วง 20 นาทีแรก ต้องบอกว่าผลงานของ เชลซี แทบทำอะไรไม่เป็นชิ้นเป็นอัน ครองบอลได้แต่ก็ทำได้แค่เพียงผ่านบอลไปมาเท่านั้น ขณะเดียวกันหากได้โอกาสเปิดบอลจากด้านข้างก็เหมือนเปิดไปชนกำแพง เพราะกองหลัง แมนฯ ยูฯ สกัดออกมาได้หมด

    ผลงานแบบนี้ลองคิดเอาก็แล้วกันว่า ซาร์รี่ จะอยู่นั่งเก้าอี้นายใหญ่ได้อีกนานแค่ไหน ?