ทีมชาติไทย ผงาดเข้าชิงฯ ไชน่า คัพ 2019 หลังกำราบทีมชาติจีนถึงถิ่น 1-0 จากจังหวะประสานงานสุดสวยของคู่หูเจลีก ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ จ่ายให้ ชนาธิป สรงกระสินธ์ ยิงเน้นๆ ไม่เหลือ หักหน้า ฟาบิโอ คันนาวาโร่ อดีตกัปตันทีมชาติอิตาลีชุดแชมป์โลกในการประเดิมงาน พร้อมถอนแค้นที่เคยถูกเขี่ยร่วง เอเชี่ยน คัพ เมื่อต้นป

แมตช์เปิดสนามศึก 4 เส้ารายการ "ไชน่า คัพ 2019" ที่นครหนางหนิง สาธารณรัฐประชาชนจีน เป็นเกมคู่ระหว่าง ทัพ "ช้างศึก" ทีมชาติไทย พบกับเจ้าภาพ "มังกรแดง" ทีมชาติจีน แข่งกันที่สนาม กว่างซี สปอร์ต เซ็นเตอร์ เวลา 19.00 น. ตามเวลาประเทศไทย

นัดนี้ "โค้ชโต่ย" ศิริศักดิ์ ยอดญาติไทย กุนซือช้างศึก จัดระบบ 3-5-2 ประกอบด้วย ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน (ผู้รักษาประตู) , สุพรรณ ทองสงค์ , อดิศร พรหมรัตน์ , นัสตพล มาลาพันธ์ , ธนบูรณ์ เกษารัตน์ , สารัช อยู่เย็น , ธีราทร บุญมาทัน (กัปตันทีม) , ทริสตอง โด , ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ , ชนาธิป สรงกระสินธิ์ , อดิศักดิ์ ไกรษร หวังล้างแค้นเจ้าถิ่นที่เคยพ่ายให้จนตกรอบ เอเชี่ยน คัพ 2019 เมื่อต้นปี

ออกสตาร์ทครึ่งแรก เป็นฝั่ง จีน ที่ได้ครอบครองบอลมากกว่า แต่ยังหาจังหวะเข้าไปทำประตูไม่ได้ ก่อนที่ น.12 จีน ได้โอกาสจบก่อนจากจังหวะไหลบอลตามช่องมาให้กับ อู๋ ซี หน้ากรอบเขตโทษ ก่อนที่จะซัดเต็มข้อด้วยขวาบอลไปแฉลบกองหลังไทยออกหลังไป

มาถึง น.14 โอกาสแรกของทีมชาติไทย และเกือบจะได้ประตูขึ้นนำเมื่อ ชนาธิป สรงกระสินธิ์ อาศัยความสามารถเฉพาะตัวแวกผู้เล่นของจีนเข้าไปในกรอบเขตโทษ ก่อนจะหาจังหวะยิงด้วยขวา แต่บอลดันไปเข้าซองของนายด่านมังกรจีนอย่างน่าเสียดาย

เข้าสู่ น.18 ธีราทร บุญมาทัน ได้ปั่นฟรีคิกทางฝั่งซ้ายโค้งเข้าไปในกรอบเขตโทษก่อนที่ อดิศักดิ์ ไกรษร จะโฉบเข้ามาพุ่งโหม่งบอลเหินข้ามคานออกไป แต่ก็ถูกผู้ตัดสินจับเป็นลูกล้ำหน้าอยู่ดี น.29 ใบเหลืองแรกของเกมเป็นของฝั่ง จีน เมื่อ หวัง หยวน โป้ วิ่งมาสไลด์พุ่งเสียบใส่ ชนาธิป สรงกระสินธิ์ ที่กำลังจะหลุดเดี่ยวเข้ากรอบเขตโทษนิดเดียว

ถัดมาสองนาที ทีมชาติไทยน่าจะได้ประตูขึ้นนำเมื่อ ชนาธิป สรงกระสินธิ์ พาบอลทะลุเข้ามาในกรอบเขตโทษฝั่งซ้าย ก่อนจะจ่ายเข้าตรงกลางให้กับ อดิศักดิ์ ไกรษร แต่เจ้ากอล์ฟดันยิงไม่โดนบอล พลาดโอกาสทองขึ้นนำอย่างน่าเสียดาย

กระทั่ง น.32 แฟนๆ ช้างศึกเฮสนั่นเมื่อทีมรักทะยานนำ 1-0 เมื่อ อดิศักดิ์ ไกรษร จ่ายบอลแทงทะลุช่องให้กับ ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ พาบอลไปถึงสุดเส้นหลังทางฝั่งขวา และปาดเข้ามาตรงกลาง และเป็น ชนาธิป สรงกระสินธิ์ ที่วิ่งมาแปด้วยขวาส่งบอลเข้าประตูไปอย่างสวยงาม พาทีมชาติไทย ขึ้นนำ 1-0 ในครึ่งแรก

ครึ่งหลังทีมชาติไทย ยังคงใช้ผู้เล่นชุดเดิม น.55 ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ เปิดบอลข้ามกองหลังไปทางฝั่งขวาให้กับ ทริสตอง โด พาบอลเข้ามาเกือบเส้นกรอบเขตโทษและตะบันด้วยขวาเต็มข้อ แต่บอลดันเหินข้ามคานออกไปนิดเดียว

ช้างศึกลุยใส่ไม่กลัว จังหวะถัดมา ชนาธิป สรงกระสินธิ์ โชว์สเต็ปพาบอลลากเลื้อยตั้งแต่กลางสนามคนเดียวไปถึงกรอบเขตโทษของจีน ก่อนจะซัดด้วยซ้ายทว่าบอลนั้นเบาไปเข้ามือของนายทวารมังกรแดงอย่างน่าเสียดาย

หลังจากนั้นเป็นทางฝั่งจีน ที่ได้โอกาสเกือบได้ประตู 2-3 ครั้ง แต่พอถึงจังหวะสุดท้ายยังคงไม่เฉียบขาดมากพอ รวมไปถึงเกมรับของทีมชาติไทย ที่ยังรักษามารตฐานเกมรับเอาไว้ได้เป็นอย่างดี

เข้าสู่ น.71 ทีมชาติไทย น่าจะไดประตูหนีห่างเมื่อ ทริสตอง โด ที่ได้บอลอยู่ริมเส้นฝั่งขวาจ่ายให้กับ สารัช อยู่เย็น ก่อนจะทำชิ่งกับ อดิศักดิ์ ไกรษร บอลออกมาทางฝั่งขวาในกรอบเขตโทษก่อนที่ สารัช อยู่เย็น จะปาดเข้ากลางและเป็น อดิศักดิ์ ไกรษร ที่พุ่งเข้ามาสไลด์ยิงแต่ดันถูกนายด่านจีนบินชกออกหลังไปอย่างฉิวเฉียด

จากนั้น น.77 ทีมชาติไทย ขยับเปลี่ยนผู้เล่นคนแรกโดยถอดทาง ทริสตอง โด ออกและส่ง นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม ลงสนามมาเล่นแทน ขณะที่ จีน เกือบได้ประตูตีเสมอในช่วงท้ายเกม น.88 เมื่อบอลโยนมาในกรอบเขตโทษของไทย ทว่า สุพรรณ ทองสงค์ เกิดลื่นก่อนที่บอลจะไปเข้าทาง เหว่ย ซื่อ หาว หันกลับตัวยิงด้วยขวา ยังดีที่บอลเบาไปเข้ามือของ ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน รับเอาไว้ได้

น.90 ไทย เปลี่ยนอีก 2 คนโดยส่ง พีระพัฒน์ โน๊ตชัยยา กับ ศิวกรณ์ เตียตระกูล ลงมาเล่นแทน สารัช อยู่เย็น และ อดิศร พรหมรัตน์ ช่วงเวลาที่เหลือไม่มีสกอร์เพิ่ม จบเกม ทีมชาติไทยเอาชนะทีมชาติจีนถึงถิ่น 1-0 ล้างแค้นได้สำเร็จหลังเกมล่าสุดที่เจอกันก่อนหน้านี้แข้งช้างศึก แพ้ จีน 1-2 ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ศึก "เอเชี่ยนคัพ 2019" ที่ยูเออี เมื่อวันที่ 20 ม.ค.62นอกจากนี้ ยังนับเป็นการบุกเอาชนะ จีน ในรอบ 6 ปีหลังเคยเอาชนะครั้งล่าสุดที่แดนมังกร เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 15 มิ.ย.56 ที่เมืองเหอเฝ่ย์ ในเกมอุ่นเครื่องกระชับมิตร โดยทีมชาติไทย ที่มี "โค้ชซิโก้" เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง คุมทีมในสมัยนั้น บุกโค่น จีน ไปอย่างขาดลอย 5-1 นั่นเอง

สำหรับ ทีมชาติไทย จะผ่านเข้าไปรอพบผู้ชนะระหว่าง อุรุกวัย ที่จะพบกับ อุซเบกิสถาน ในวันศุกร์ที่ 22 มี.ค.62 เวลา 18.35 น. (ตามเวลาประเทศไทย) ที่ สนามกว่างซี สปอร์ต เซนเตอร์ โดยผู้ชนะจะเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ และผู้แพ้จะลงเล่นนัดชิงอันดับ 3 ในวันจันทร์ที่ 25 มี.ค.62 ต่อไป