สำหรับตอนนี้บรรดานักเตะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พร้อมเต็มที่ในการเยือน บาร์เซโลน่า ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบก่อนรองชนะเลิศ นัด 2 วันอังคารที่ 16 เมษายนนี้ โดยพวกเขามีภารกิจสำคัญที่จะต้องพลิกนรกเนื่องจากตกเป็นรองเจ้าบ้านจากการที่แพ้มาก่อนนัดแรกสกอร์ 1-0

แน่นอนว่าสาวก "เร้ด อาร์มี่" ยังคงคาดหวังที่จะเห็น โอเล่ กุนนาร์ โซลชา นายใหญ่ชาวนอร์เวย์ สร้างผลงานสุดยอดเหมือนที่เขานำ "ผีแดง" พลิกสถานการณ์คว่ำ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย แต่งานนี้อาจจะไม่ง่ายเพราะการเยือน บาร์ซ่า ต้องยอมรับว่า แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นรองหลายขุม

กระนั้นเรื่องที่ไม่น่าเป็นไปได้ก็อาจเป็นไปได้ เพราะลูกกลมๆ อะไรๆ ก็สามารถเกิดขึ้นได้เสมอ ฉะนั้นสิ่งสำคัญที่สุดก็คือ โซลชา เตรียมแผนในการรับมือกับบรรดาแข้งระดับโลกของ "เจ้าบุญทุ่ม" ยังไง แถมต้องลุ้นอย่างให้ ลิโอเนล เมสซี่ ระเบิดฟอร์มโหด เพราะหากเป็นแบบนั้นก็ปิดประตูชนะไปได้เลย

1. ซานเชซ ลงซ้อมได้แล้ว
อเล็กซิส ซานเชซ หายเจ็บกลับมาลงฝึกซ้อมร่วมกับเพื่อนร่วมทีมได้แล้ว โดยนักเตะโชว์ให้เห็นถึงความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าที่จะลงสนามในแมตช์เยือน บาร์เซโลน่า อย่างมาก โดยพยายามเลี้ยงบอลในช่วงระหว่างอบอุ่นร่างกายที่สนามคัมป์ นู

หัวหอกทีมชาติชิลี สามารถเรียกความฟิตได้แล้วหลังจากที่บาดเจ็บไปนาน โดยตอนนี้เขาคาดหวังว่าจะมีโอกาสได้ระเบิดฟอร์มเก่งช่วยทัพ "ปีศาจแดง" ในการบุกเยือนถิ่นเก่าสมัยที่ค้าแข้งในสีเสื้อด "เลือดหมูน้ำเงิน" เพื่อโอกาสที่จะนำแมนฯ ยูไนเต็ด พลิกสถานการณ์เข้ารอบรองชนะเลิศให้ได้

อย่างไรก็ตาม ซานเชซ ต้องพยายามที่จะทำผลงานในช่วงฝึกซ้อมให้เข้าตาโดนใจ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ผู้จัดการทีมให้มากที่สุด เพื่อพิสูจน์ว่าเขามีคุณค่าคู่ควรแก่การลงสนามยิงประตูให้ "เร้ด เดวิลส์" แน่นอนว่าไม่มีอะไรต้องสงสัยสำหรับแมตช์นี้ เพราะเจ้าตัวต้องทุ่มสุดตัวเพื่ออนาคตในการแข้งค้ากับ แมนฯ ยูฯ

2. เจ้าของสโมสรแวะมาให้กำลังใจ
โจเอล กับ อัฟราม เกลเซอร์ 2 พี่น้องตระกูลเกลเซอร์เจ้าของร่วมสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็พ ลงทุนนั่งเครื่องบินมายังนครบาร์เซโลน่า เพื่อชมเกมที่ทัพ "ปีศาจแดง" บุกปะทะ "เจ้าบุญทุ่ม" ในค่ำคืนวันอังคารที่ 16 เมษายนนี้ (ตามเวลาท้องถิ่น)

ทั้งสองพี่น้องพยายามที่จะเดินทางไปให้กำลังใจบรรดานักเตะ "เร้ด เดวิลส์" ให้เร็วที่สุดโดยนั่งนกเหล็กไปถึงสนามคัมป์ นู 1 วันก่อนเกมนี้ โดยหวังว่าแมนฯ ยูไนเต็ด จะสร้างปาฏิหาริย์เหมือนเกมดับซ่า ปารีส แซงต์-แชร์กแมง หรือย้อนไปตอนชนะ บาเยิร์น มิวนิค ที่สนามแห่งนี้ในนัดชิงถ้วยใบโตยุโรปเมื่อปี 1999

หลังจากที่ไปถึงสนาม โจเอล กับ อัฟราม ได้ร่วมกันถ่ายเซลฟี่กับ โซลชา โดยทั้งสามคนดูผ่อนคลายมากๆ หลังจากนั้นก็พูดคุยแลกเปลี่ยนความเห็นกันพอสมควร แน่นอนว่า กุนซือชาวนอร์เวย์ และลูกทีมมีความมุ่งมั่นที่จะสร้างผลงานให้ดีที่สุดต่อหน้าสองเจ้าของทีมที่ลงทุนเดินทางไกลมาเชียร์ทีม

3. แรชฟอร์ด ผ่อนคลาย
มาร์คัส แรชฟอร์ด แสดงให้เห็นถึงอาการผ่อนคลายสุดๆ ในช่วงฝึกซ้อมก่อนเกมสำคัญ โดยสิ่งนี้แสดงให้เห็นว่า กองหน้าดาวรุ่งทีมชาติอังกฤษ มีสมาธิกับแมตช์เยือน บาร์เซโลน่า อย่างมาก โดยไม่สนใจเรื่องนอกสนามที่ถาโถมเข้ามาในช่วงเวลานี้

อย่างล่าสุด เดอะ มิร์เรอร์ สื่อในบ้านเกิด ตีข่าวว่า บาร์ซ่า อยากได้นักเตะไปร่วมทีมอย่างมากถึงขนาดลงทุนควัก 100 ล้านปอนด์ (ประมาณ 4,100 ล้านบาท) เพื่อล่อใจให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ยอมปล่อยตัว แรชฟอร์ด ออกมาไล่ล่าตาข่ายให้กับทัพ "เจ้าบุญทุ่ม" ในช่วงซัมเมอร์นี้ แม้นักเตะจะได้รับข้อเสนอค่าเหนื่อยก้อนโตจาก "ผีแดง" ก็ตาม

กระนั้น แรชฟอร์ด ไม่ได้มีอาการเครียดหรือกระวนกระวายอะไรเลย โดยเขามาถึง สเปน ด้วยอาการสดชื่นและร่างกายฟิตเปรี๊ยะเนื่องจากได้พักมาเต็มทีม โดยเขาลงเล่นเป็นตัวสำรองแถมยังโชว์ฟอร์มได้สุดยอดในแมตช์ชนะ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด เกมลีกเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา

ทั้งนี้บรรดาสาวก "เร้ด อาร์มี่" ต่างฝากความหวังเอาไว้กับ แรชฟอร์ด ว่าเขาจะงัดฟอร์มเก่งออกมาได้ที่สนามคัมป์ นู และตะบันประตูสำคัญนำ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พลิกนรกปราบซ่า บาร์เซโลน่า พร้อมคว้าตั๋วทะลุเข้ารอบรองชนะเลิศได้

4. ป็อกบา เต็มไปด้วยสมาธิ 
ปอล ป็อกบา กองกลางเลือดเฟร้นช์ เป็นอีกหนึ่งนักเตะที่ตกเป็นข่าวลือแพร่สะพัดว่าจะย้ายออกจากถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด โดยจุดหมายปลายก็ก็คือดินแดนกระทิงดุ เนื่องจาก "ราชันชุดขาว" เรอัล มาดริด แสดงความสนใจอยากกระชากตัวมาเล่นในช่วงซัมเมอร์นี้

อย่างไรก็ตาม โซลชา ประกาศชัดแบบหัวเด็ดตีนขาดต่อสาวก "ผีแดง" ว่า ป็อกบา มีสมาธิเต็มเปี่ยมในการช่วย แมนฯ ยูไนเต็ด ปะทะ บาร์เซโลน่า ในค่ำคืนวันอังคารนี้ที่สนามคัมป์ นู โดยงานนี้ "เร้ด เดวิลส์" คงต้องพึ่งพานักเตะทีมชาติฝรั่งเศส เพราะหากเขางัดฟอร์มเก่งออกมาได้ โอกาสที่จะกลับแบ็กจากนรกก็มีมากเลยทีเดียว

สำหรับ 2 ประตู (จากจุดโทษ) ในเกมชนะ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด เมื่อช่วงวันเสาร์ที่ผ่านมา เจ้าตัวลืมไปหมดแล้ว เพราะ ป็อกบา กำลังมีความมุ่งมั่นในการช่วยต้นสังกัดปัจจุบันตีตั๋วเข้าสู่รอบตัดเชือก แชมเปี้ยนส์ ลีก ให้ได้ และหากทำสำเร็จถือเป็นโบนัสก้อนโตสำหรับเขาเลยทีเดียว

5. สมอลลิ่ง ปะทะ เมสซี่ (อีกครั้ง)
คริส สมอลลิ่ง เพิ่งจะโชว์ฟอร์มแจ่มในการไล่ประกบ ลิโอเนล เมสซี่ แบบไม่ให้กระดิกตัวไปไหนได้ถนัด แถมยังสร้างรอยแผลเอาไว้ที่ใบหน้าของ สตาร์ลูกหนังชาวอาร์เจนไตน์ หลังจัดการแจกศอกเข้าที่ใบหน้าจนเจ้าตัวเลือดกำเดากระฉูดและตาบวมเป่ง

เอร์เนสโต้ บัลเบร์เด้ เทรนเนอร์มากประสบการณ์ "เจ้าบุญทุ่ม" บาร์เซโลน่า ยืนยันว่า สตาร์ลูกหนังทีมชาติอาร์เจนตินา ฟิตเต็มร้อยพร้อมลงสนามตัวจริงในแมตช์ 2 หลังจากที่ได้พักเต็มพิกัดเพราะไม่ได้ลงสนามในเกมลา ลีกา ที่เสมอกับ ฮูเอสก้า 0-0 เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ สมอลลิ่ง มีภาพกำลังฝึกซ้อมอย่างเต็มที่ในสนามคัมป์ นู เพราะเขารู้อยู่เต็มอกว่าจำเป็นต้องพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจสำหรับเกม 2 ที่นครบาร์เซโลน่า เนื่องจากต้องลงนามเพื่อดวลกับหนึ่งในนักเตะที่เก่งสุดตลอดกาลในวงการลูกหนัง

เฮด-ทู-เฮด

- บาร์เซโลน่า ไม่เคยแพ้ในบ้านยามที่ดวลกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ในเกมฟุตบอลถ้วยยุโรป (ชนะ 2 เสมอ 2) ครั้งล่าสุดที่ทั้งสองทีมพบกันเกมจบลงด้วยสกอร์ 0-0 เมื่อเดือนเมษายน 2008

- 70 ทีมก่อนหน้านี้ที่เอาชนะเกมแรก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบน็อกเอาต์ นัดเยือนมักจะได้ผ่านเข้ารอบต่อไป มีเพียงแค่ 4 ทีมเท่านั้นที่ตกรอบ (6 เปอร์เซนต์) 

- ในเกมแรกที่แพ้คาบ้าน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีสถิติยิงเข้าเป้า 1 ครั้งเป็นครั้งแรกในเกมแชมเปี้ยนส์ ลีก นับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2005 (แพ้ มิลาน 0-1)

บาร์เซโลน่า

- บาร์เซโลน่า ผ่านเข้ารอบต่อไปทั้งหมด 39 ครั้งจาก 41 เกมในการแข่งขันฟุตบอลถ้วยยุโรปโดยเกิดขึ้นมาจากการที่พวกเขาเอาชนะเกมเยือนนัดแรก ยกเว้นในเกมพบ เอฟซี โคโลญจน์ ในเกมยูฟ่า คัพ เมื่อฤดูกาล 1980-81 และแมตช์ดวล แอฟเซ เม็ตซ์ ในเกม คัพ วินเนอร์ส คัพ ซีซั่น 1984-85 

- บาร์เซโลน่า ไม่แพ้ 30 เกมในถิ่นคัมป์ นู ศึกแชมเปี้ยนส์ ลีก ซึ่งยาวนานที่สุดในการแข่งขันรายการนี้ (ชนะ 27 เสมอ 3) พวกเขาเสียประตูไม่เกิน 1 ลูกในการแข่งขันแต่ละเกมจากทั้งหมด 30 เกม (เสียแค่ 15 ประตู) นับตั้งแต่ที่แพ้ บาเยิร์น มิวนิค 0-3 ในรอบรองชนะเลิศ นัด 2 เมื่อฤดูกาล 2012-13

- ลิโอเนล เมสซี่ ยิงไป 22 ประตูจาก 31 เกมในแชมเปี้ยนส์ ลีก ที่พบกับสโมสรจากเมืองผู้ดี มากกว่านักเตะคนอื่นๆ ในการแข่งขันรายการนี้ โดย 13 ประตูจาก 9 แมตช์หลังสุดในการพบทีมจากอังกฤษเกิดขึ้นในสนามคัมป์ นู รวมทั้งแฮตทริกที่ซัดดับ อาร์เซน่อล (เมษายน 2010) และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (ตุลาคม 2016)

- ลิโอเนล เมสซี่ กัปตันบาร์ซ่า ครองดาวซัลโว แชมเปี้ยนส์ ลีก ซีซั่นนี้ ร่วมกับ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ของบาเยิร์นที่ตัวเลข 8 ประตู

- บาร์เซโลน่าต้องการอีก 4 ประตู เพื่อจารึกหลักไมล์พังตาข่ายครบ 500 ใน ชปล. เป็นทีมที่ 2 ถัดจากอริตลอดกาลอย่าง เรอัล มาดริด

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

- แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ผ่านเข้ารอบต่อไปจากหนึ่งในสี่เกมฟุตบอลถ้วยยุดโดยโดยที่พวกเขาแพ้เกมแรกในบ้าน และเพิ่งจะเกิดขึ้นในรอบ 16 ทีมสุดท้ายที่พบกับ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง

- ประตูที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทำได้ในแชมเปี้ยนส์ ลีก ในฤดูกาลนี้ 90 เปอร์เซ็นต์มาจากการเล่นเกมเยือน อย่างไรก็ตาม "ปีศาจแดง" ชนะแค่ 1 แมตช์จาก 5 เกมหลังสุดในรอบน็อกเอาต์ในถ้วยใบโตยุโรป (เสมอ 2 แพ้ 2)

- แมนฯ ยูไนเต็ด แพ้ในเกมแชมเปี้ยนส์ ลีก ไปแล้ว 49 แมตช์ และพวกเขามีสิทธิ์กลายเป็นสโมสรที่ 9 ที่แพ้ในศึกชิงโทรฟี่ "บิ๊กเอียร์" ถึง 50 เกม โดยเป็นรองแค่ อาร์เซน่อล สโมสรจากอังกฤษ ที่ทำสถิติแพ้ 53 เกม

- แมนฯ ยูไนเต็ด มีความทรงจำที่ดีกับคัมป์ นู สนามที่พวกเขาแซงชนะบาเยิร์น มิวนิค ผงาดเจ้ายุโรป 1999 โดยที่ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา กุนซือปีศาจแดง คนปัจจุบันสวมบทฮีโร่ทำประตูชัยทดเวลาบาดเจ็บ

- "ปีศาจแดง" ชนะแค่ 2 จาก 16 ครั้งล่าสุดที่เจอทีมสเปน (เสมอ 6 แพ้ 8) และไม่ชนะเลยใน 7 นัดหลัง (เสมอ 3 แพ้ 4)