ผ่า 5 ประเด็นร้อน ลิเวอร์พูล โชว์หรูบุกถล่ม ปอร์โต้ ลิ่วแชมเปี้ยนส์ ลีก
Posted 18/04/2019 by siamsport
ลิเวอร์พูล ยังคงโชว์ฟอร์มได้อย่างร้อนแรงในเกมเยือน ปอร์โต้ ด้วยการจัดหนักจัดเต็มคว้าชัยชนะ 4-1 ที่เอสตาดิโอ โด ดราเกา ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบก่อนรองชนะเลิศ นัด 2 เมื่อวันพุธที่ 17 เมษายนที่ผ่านมา ส่งผลให้สกอร์รวมสองนัด ถล่มไปเบาๆ สบายๆ 6-1
เกมนี้ "หงส์แดง" ค่อนข้างจะมาเล่นแบบไม่เกร่งเพราะทีมได้เปรียบจากสกอร์ 2-0 ในนัดแรก และ เจอร์เก้น คล็อปป์ มีการปรับเปลี่ยนตัวผู้เล่นด้วยการดร็อป โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่, นาบี เกอิต้า และ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน โดยให้โอกาส ดิว็อค โอริก้า ทำหน้าที่เป็นหัวหอก ส่วน จอร์จินโย่ ไวจ์นัลดุม กับ เจมส์ มิลเนอร์ คอยคุมแดนกลางร่วมกับ ฟาบินโญ่
แม้ว่าเจ้าบ้านพยายามไล่กดดันตั้งแต่เสียงนกหวีดดังขึ้นก็ตาม แต่ ลิเวอร์พูล สามารถป้องกันเอาไว้ได้หมด โดยจุดเปลี่ยนเกิดขึ้นในนาทีที่ 24 จากประตูของ ซาดิโอ มาเน่ ซึ่งต้องอาศัย "วีเออาร์" ในการตัดสิน เนื่องจากตอนแรกไลน์แมนยกธงล้ำหน้า แต่เมื่อมีการเช็คจากเทคโนโลยีผู้ช่วยผู้ตัดสิน ก็มีการเป่าให้เป็นประตูขึ้นนำ
ส่วนครึ่งหลังเมื่อ คล็อปป์ ตัดสินใจปรับเปลี่ยนแท็กติดด้วยการถอด โอริกี้ ออกและส่ง ฟีร์มีโน่ ลงมาแทน เช่นเดียวกับการเปลี่ยน แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ออกโดยส่ง "เฮนโด้" ลงสนาม ซึ่งทั้งสองคนนี้มีส่วนในการสร้างสรรค์เกม และนำไปสู่ 3 ประตูที่เกิดขึ้นในครึ่งหลัง
1. เปลี่ยนแท็กติคพิชิตชัย
คล็อปป์ เปลี่ยนแผนการเล่นในช่วงพักครึ่งเมื่อตัดสินใจส่ง โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ลงสนามแทน ดิว็อค โอริกี้ ที่อุตสาห์ได้รับโอกาสลงเล่นตัวจริงในเกมเยือน ปอร์โต้ แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สามารถทำอะไรแนวรับเจ้าบ้านได้เลยในช่วงครึ่งเวลาแรก
หลังจาก สตาร์ชาวบราซิเลียน ลงสนาม "เดอะ เร้ดส์" มีความเฉียบคมในการเล่นมากขึ้น จังหวะการสร้างเกมก็ดีขึ้น โดยเฉพาะคุณภาพในการเข้าทำบริเวณพื้นที่สุดท้ายก็น่ากลัวมากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า ฉะนั้นนี่คือความแตกต่างของระดับชั้นระหว่าง ฟีร์มีโน่ กับ โอริกี้ ที่สำคัญการปรับแท็กติคทำให้ ลิเวอร์พูล เล่นได้เหนือกว่า ปอร์โต้ ในช่วง 45 นาทีหลัง
ฟีร์มีโน่ ถูกจับให้เล่นในตำแหน่งหน้าต่ำ โดย ซาลาห์ มีอิสระในการขึ้นไปเล่นอยู่หน้าเขา ที่สำคัญ "บังโม" ยังมักจะคอยทำหน้าที่เชื่อมเกมแดนกลาง และทะลุเข้าไปบริเวณกรอบเขตโทษเจ้าบ้านได้ตลอด นอกจากนี้ "บ็อบบี้" ยังมีอิทธิพลต่อการเล่นของทีมนับตั้งแต่ที่ลงสนาม และสมควรที่จะมีชื่อเป็นผู้ทำประตูในเกมนี้
2. "วีเออาร์" เป็นพระเอกในเกมนี้
แฟนบอลต้องยอมรับว่าเทคโนโลยีนี้ช่วยให้เกมมีความบริสุทธิ์ยุติธรรมมากยิ่งขึ้น เพราะ "วีเออาร์" มีส่วนต่อจังหวะสำคัญๆ มากมายในการแข่งขันถ้วยใบโตยุโรปฤดูกาลนี้ ที่เห็นได้ชัดก็คือเกมนัด 2 ระหว่าง แมนฯ ยูไนเต็ด กับ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง
สำหรับแมตช์นี้ ลิเวอร์พูล ก็ได้ประโยชน์จากเทคโนโลยีผู้ช่วยผู้ตัดสิน ในจังหวะที่ได้ประตูแรก เมื่อ มาเน่ พุ่งเข้าชาร์จช่วยให้ทีมได้ประตูนำ แต่ผู้ช่วยผู้ตัดสินยกธงล้ำหน้า อย่างไรก็ตาม ดานนี่ มัคเคลี่ เชิ้ตดำกลางสนามขอฟังทีมงาน "วีเออาร์" ก่อนจะกลับคำตัดสินให้ "หงส์แดง" ได้ประตู
แน่นอนว่า "วีเออาร์" สามารถเปลี่ยนคำตัดสินที่ก่ำกึ่งให้เป็นถูกต้องที่สุด ฉะนั้นก็ต้องมีทั้งผู้ที่ได้รับประโยชน์ และเสียผลประโยชน์ แต่หากมองในเรื่องของความถูกต้อง แน่นอนว่าเทคโนโลยีนี้ ทำให้การแข่งขันมีความขาวสะอาดมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า
3. มาเน่แรงไม่หยุด
ตอนนี้สาวก "เดอะ ค็อป" ยอมรับเป็นเสียงเดียวกันว่า ซาดิโอ มาเน่ คือนักเตะสำคัญของทีมไม่ยิ่งหย่อนไปกว่า "โม ซาลาห์" และ ฟีร์มีโน่ โดยเกมนี้ก็เป็นอีกแมตช์ที่เจ้าตัวทำผลงานได้อย่างโดดเด่น และไม่ทำให้แฟนบอลต้องผิดหวังเมื่อเขาช่วยทีมทำประตูแรกได้สำเร็จ
ประตูในเกมกับ ปอร์โต้ ทำให้เขายิงประตูทุกรอบในเกม แชมเปี้ยนส์ ลีก 2 ฤดูกาลที่ผ่านมา พร้อมกับยิงประตูในเกมเยือน 2 รอบในเกมถ้วยใบโตยุโรปซีซั่นนี้ ยิ่งไปกว่านั้นประตูขึ้นนำ 8 จาก 10 เกมหลังสุของ "เดอะ เร้ดส์" มาเน่ มักจะยิงประตูเบิกร่อง
ทีเด็ดของ มาเน่ ไม่ใช่แค่เรื่องคุณภาพในการเล่น แต่ยังรวมถึงการเล่นไว้วางใจได้ และมีความสามารถในการรับมือกับช่วงเวลาสำคัญ ตอนนี้ ดาวเตะเซเนกัล ขึ้นไปรั้งดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของ ลิเวอร์พูล ในแชมเปี้ยนส์ ลีก/ยูโรเปี้ยน คัพ เท่ากับ เอียน รัช จำนวน 14 ประตู เป็นลองแค่ สตีเว่น เจอร์ราร์ด (30 ประตู) เท่านั้น
4. กองกลางอ่อนยวบไปหน่อย
ลิเวอร์พูล มีการเปลี่ยนแผงกองกลาง 2 จาก 3 ตำแหน่งจากเกมลีกที่ทุบ เชลซี เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดย คล็อปป์ เลือกใช้งาน จอร์จินโย่ ไวจ์นัลดุม กับ เจมส์ มิลเนอร์ โดยตัดสินใจพัก นาบี เกอิต้า กับ จอร์แดน แฮนเดอร์สัน กัปตันทีมจอมขยัน
การเลือกส่งสองแข้งลงมาแน่นอนว่าเป็นเรื่องของแท็คติกที่อยากใช้งานผู้เล่นที่ได้พักเต็มที่ แต่กลายเป็นว่าแผงมิดฟิลด์ของ "หงส์แดง" อ่อนยวบ และทำให้ ปอร์โต้ มีโอกาสสร้างเกมได้อย่างต่อเนื่อง ที่สำคัญการที่เจ้าบ้านเน้นบอลโยนยาว ส่งผล ฟาบินโญ่, ไวจ์นัลดุม และ มิลเนอร์ ต้องวิ่งขึ้นวิ่งลงตลอด นั่นทำให้ 3 กองกลางไม่มีโอกาสได้ประสานงานด้วยกันมากนัก
เกมนี้ ไวจ์นัลดุม กับ มิลเนอร์ แทบจะไม่มีบทบาทมากนักตลอดครึ่งแรก อาจเป็นเพราะแท็คติกของเกมทำให้ทั้งสองคนไม่ได้ค่อยโชว์ศักยภาพมากนัก แต่นั่นก็ส่งผลเสียกับทั้งคู่ เนื่องจาก เกอิต้า กับ "เฮนโด้" กำลังอยู่ในช่วงฟอร์มเข้าฝัก โดยเฉพาะกัปตัน "หงส์แดง" ที่ถูกเปลี่ยนตัวลงเล่นในครึ่งหลัก และโชว์ฟอร์มได้อย่างสุดยอด ดังนั้นทั้งคู่น่าจะได้โอกาสลงตัวจริงในเกมลีกนัดต่อไป
5. โอริกี้ มีโอกาสดีแต่ฉกฉวยไม่ได้
ดิว็อค โอริกี้ ได้รับโอกาสทองฝังเพชรจาก คล็อปป์ ที่ส่งรายชื่อเขาลงสนามในฐานะ 11 ตัวจริงในการเยือน ปอร์โต้ แต่เขาไม่สามารถนำโอกาสนี้เปลี่ยนเป็นความไว้วางใจจาก นายใหญ่ชาวเยอรมัน เนื่องจากผลงานตลอด 45 นาทีแรกไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันซักอย่าง
ดาวเตะชาวเบลเยียม ไม่สามารถสร้างความปั่นป่วนเกมรับของ ปอร์โต้ ได้เลย แถมยังดูเหมือนจะเป็นภาระของทีมอีกต่างหาก นั่นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เขาจะโดน คล็อปป์ ถอดออกในช่วงพักครึ่ง และส่ง ฟีร์มีโน่ ลงสนามซึ่งเกมเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือพอดี
สตาร์บราซิเลียน ป่วนเกมรับของเจ้าบ้านได้ตลอด และยังช่วงสร้างเกมรุกให้กับ "เดอะ เร้ดส์" น่ากลัวยิ่งขึ้น ฉะนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ ลิเวอร์พูล จะมาบวกประตูเพิ่มอีก 3 ประตูในครึ่งหลัง และสามประสาน "หิน เหล็ก ไฟ" (เอสเอ็มเอฟ) ซัดคนละประตูซะด้วย
งานนี้บอกสั้นๆแต่ได้ใจความว่า โอริกี้ นายทิ้งโอกาสทองไปเองแท้ๆ!!
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
3หอกหงส์ดาหน้ายิง-ฟานไดค์ก็มา! ลิเวอร์พูลบุกถล่มปอร์โต้ ลิ่วชนบาร์ซ่ารอบรองฯ
โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ และ ซาดิโอ มาเน่ เหมาคนละเม็ด ก่อนปิดท้ายที่ เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ โขกจมตาข่ายพา "หงส์แดง" บุกถล่ม ปอร์โต้ 4-1 รวมผลสองนัดเข้ารอบรองชนะเลิศด้วยประตูรวม 6-1 เข้าไปพบกับ บาร์เซโลน่า ในรอบรองชนะเลิศได้สำเร็จ ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 8 ทีมสุดท้าย นัดสอง เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมาหงส์ใจชื้น! มาเนบอกชัดอยากเป็นตำนานพรีเมียร์ลีก
แฟนบอลหงส์แดงโล่งใจได้เปลาะหนึ่งกับอนาคตของหอกเซเนกัล เมื่อนักเตะยืนยันว่าต้องการเป็นตำนานของสโมสรและพรีเมียร์ลีกลิเวอร์พูลสุดมั่นจ่อตัดเชือก! "มาเน่" มาแน่ยกทัพหงส์บุกย้ำชัยปอร์โต้
"หงส์แดง" ลิเวอร์พูล โอกาสทะยานเข้าสู่รอบรองชนะเลิศมีค่อนข้างสูง หลังเกมแรกที่แอนฟิลด์ไล่บดเอาชนะ 2-0 กุมความได้เปรียบก่อน แม้เกมนี้จะบุกไปเยือนปอร์โต้แต่ไม่หวั่น พร้อมจัดสามประสานสุดห้าวนำโดย ซาดิโอ มาเน่, โรแบร์ดต้ ฟีร์มีโน่และโมฮาเหม็ด ซาลาห์ ที่พร้อมจะบุกย้ำชัยอีกครา พลาดไม่ได้ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 8 ทีมสุดท้าย นัดสอง คืนวันพุธที่ 17 เมษายน นี้ เริ่มแข่งขันเวลา 02.00 น. (ตามเวลาประเทศไทย)คาร์ร่าชี้ซาลาห์-มาเน่ใครสำคัญต่อลิเวอร์พูลมากกว่า
เจมี่ คาร์ราเกอร์ อดีตปราการหลังคนดังของ ลิเวอร์พูล แสดงความเห็นที่น่าสนใจเกี่ยวกับ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ ซาดิโอ มาเน่ โดยบอกว่า มาเน่ คือคนที่สำคัญกับทีมมากกว่า แถมถึงขั้นบอกว่า "หงส์แดง" คงได้แชมป์ลีกตั้งแต่ฤดูกาล 2008-09 แล้ว ถ้ามีนักเตะแบบนี้อยู่ในทีม
TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน
ห้ามทำตาม! อดีตแข้งอินเตอร์ เมาหยำเป,มีเซ็กซ์ไม่ป้องกัน
ทางการ! เอฟเอลงโทษแบนยาว เบนตานกูร์ เหยียด ซน ฮึง มิน
วิเคราะห์บอล บาเยิร์น พบ เอาก์สบวร์ก วันศุกร์ที่ 22 พ.ย. 67
ดีทั้งปัจจุบันและอนาคต!เด ลา ฟวนเต้ ลั่นวงการบอล สเปน กำลังอยู่ในช่วงรุ่ง
เพื่อนไม่ทิ้งกัน! เป๊ป เผยแพ้ 4 เกมติดเหตุผลต่อสัญญาใหม่ แมนซิตี้
อัลบั้มภาพเด็ดๆ
มาย ฮาเร็ม ส่งภาพเขย่าโซเชียล นุ...
เจนนี่ ธมนภัค พริตตี้สุดฮอต นุ่ง...
ฮาน่า ฮาอึน ชอง ดาว TikTok สาวสว...
นาฟ ฉัฐนันท์ ปล่อยแซ่บท้าลมหนาว ...
เต็มที่แล้ว! ไทย พ่าย อุซเบกิสถา...
ตัดเกรด นักเตะไทย เกมเสมอ โอมาน ...
คลิปไฮไลท์