ผลคะแนนและราคา 2 in 1 คะแนนในการแข่งสด ผลการแข่งขัน ตารางการแข่งขัน อัตราต่อรอง ข้อมูล คะแนนบาสเก็ตบอล
ฟุตบอล » พรีเมียร์ลีก อังกฤษ » เทรนด์ศิษย์เก่ามาแรง! แมนฯยู ควรรีบใช้โมเดล บาเยิร์น - อาแจ็กซ์ หรือไม่ ?

เทรนด์ศิษย์เก่ามาแรง! แมนฯยู ควรรีบใช้โมเดล บาเยิร์น - อาแจ็กซ์ หรือไม่ ?

Posted 01/05/2019 by siamsport

ผลงานที่ยอดเยี่ยมของ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม กับการเล่นศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในฤดูกาล 2018-19 เป็นสิ่งที่สร้างความฮือฮาให้กับคอบอลหลายคนอย่างมาก เพราะแน่นอนว่าตอนเริ่มต้นซีซั่นคงไม่มีใครกล้าคิดหรอกว่าตัวแทนจากศึก เอเรดิวิซี่ ฮอลแลนด์ รายนี้จะมาถึงรอบรองชนะเลิศได้ เพราะพวกเขาไม่มีแข้งดังระดับโลกเหมือนทีมอื่นๆ จะมีก็แต่นักเตะระดับดาวรุ่งพุ่งแรงหลายคนเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ทีมของกุนซือ เอริค เทน ฮาก กลับทำผลงานได้ยอดเยี่ยมแบบหักปากกาเซียนทุกสำนัก แถมตอนนี้ยังดูมีโอกาสดีที่จะเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศด้วยซ้ำ หลังจากที่ในนัดแรกของรอบตัดเชือกพวกเขาบุกไปชนะ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ถึงบ้านของอีกฝ่าย 1-0 เมื่อวันอังคารที่ 30 เมษายน ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ หลายคนเชื่อว่าหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ อาแจ็กซ์ พัฒนาขึ้นอย่างน่าทึ่งแบบนี้เป็นเพราะพวกเขาเอา เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ และ มาร์ค โอเวอร์มาร์ส อดีต 2 ยอดนักเตะของทีมมาทำงานเป็นผู้บริหารให้ โดยตอนแรก ฟาน เดอร์ ซาร์ เข้ามาเป็นผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด ก่อนที่ปัจจุบันจะขึ้นเป็นประธานบริหารเลย ส่วน โอเวอร์มาร์ส เป็นผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิค

การเอาคนที่เกี่ยวข้องกับสโมสรอย่าง ฟาน เดอร์ ซาร์ และ โอเวอร์มาร์ส มาทำงานมันหมายความว่าทั้งคู่รู้ดีว่าการดำเนินการแบบไหนที่จะเป็นประโยชน์กับทีม ซึ่งที่จริงมันก็เคยมีทีมที่แนวทางนี้มาก่อนแล้วหลายปี นั่นคือ บาเยิร์น มิวนิค และแนวทางนี้ก็ทำให้ "เสือใต้" ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เองก็กำลังคิดที่จะใช้แนวทางเดียวกัน หลังจากมีข่าวลืออย่างหนาหูว่าพวกเขาจะเอา ริโอ เฟอร์ดินานด์ อดีตกองหลังของทีมมาเป็นผู้อำนวยการฟุตบอล ซึ่งที่จริงนี่ก็เป็นมาตรการที่มีทั้งข้อดีและข้อเสียทั้งคู่

- ข้อดี
    อย่างที่บอกไปในเบื้องต้นว่าการเอาคนที่เคยเล่นให้ทีมมาก่อนมารับงานบริหารมันหมายความว่าคนๆ นั้นจะเข้าใจดีว่าทีมต้องการอะไร รวมถึงตัดสินใจทำในสิ่งที่ตรงตามแนวทางหลักของทีม ทั้งรายของ บาเยิร์น และ อาแจ็กซ์ ต่างก็ได้รับประโยชน์จากเรื่องนั้นทั้งคู่

นอกจากนี้ สภาพของ แมนฯ ยูไนเต็ด ในตอนนี้ ยังต้องการขั้นตอนการทำงานที่เข้าขากันในทุกฝ่ายเพื่อที่ทีมจะได้กลับไปสู่ความยิ่งใหญ่ด้วย ซึ่งถ้าเกิด เฟอร์ดินานด์ ได้รับงานในตำแหน่งนี้จริงๆ เขาก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรในการประสานงานกับ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ผู้จัดการทีมชาวนอร์เวย์ และ นิคกี้ บัตต์ หัวหน้าฝ่ายพัฒนาเยาวชนของทีมในตอนนี้

เฟอร์ดินานด์ มักจะพูดถึงเรื่องสิ่งที่ "ปีศาจแดง" ชุดปัจจุบันขาดหายไป เมื่อเทียบกับยุครุ่งเรืองในสมัยของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน อยู่บ่อยๆ และเขาก็อาจจะทำให้สิ่งเหล่านั้นกลับมาสู่ แมนฯ ยูไนเต็ด ชุดปัจจุบันได้

- ข้อเสีย
    หลังจากแขวนสตั๊ดไปแล้วนั้น เฟอร์ดินานด์ ก็ได้ทำธุรกิจด้านเสื้อผ้าและร้านอาหารของตัวเอง ซึ่งนั่นทำให้หลายคนมองว่าเขามีความรู้เรื่องธุรกิจในระดับหนึ่ง และน่าจะเอามันมาใช้ในการบริหาร แมนฯ ยูไนเต็ด ได้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม การทำธุรกิจทั่วไปกับการบริหารหนึ่งในทีมฟุตบอลชื่อดังของโลกมันถือว่าต่างกันราวฟ้ากับเหว

หนึ่งในปัจจัยที่แตกต่างกันอย่างมากคือเรื่องของ "ความกดดัน" สภาพของ แมนฯ ยูไนเต็ด ในตอนนี้มันทำให้พวกเขาจะเดินไปในทางที่ผิดพลาดแทบไม่ได้เลย โดยถ้าเกิดทำพลาดติดต่อกันสักพักหนึ่งแล้วนั้น เขาก็จะโดนตำหนิอย่างหนัก เหมือนที่ วู้ดเวิร์ด เจอเหมือนในทุกวันนี้

หลายคนอาจจะบอกว่า บาเยิร์น เป็นทีมใหญ่เหมือนกัน แต่ยังกล้าใช้อดีตนักเตะมาเป็นผู้บริหารเลย แต่ที่จริง "เสือใต้" เริ่มใช้โมเดลนี้มานานแล้ว ซึ่งในช่วงนั้นความกดดันในวงการฟุตบอลยังไม่เยอะเหมือนในทุกวันนี้ ขณะที่ อาแจ็กซ์ ก็ไม่ได้มีสภาพที่เจอกับแรงกดดันในการที่ต้องรีบประสบความสำเร็จมากเท่าไหร่นัก

สรุป : บาเยิร์น กับ อาแจ็กซ์ อาจจะเป็นตัวอย่างที่ดีในการใช้โมเดลเอาศิษย์เก่ามาเป็นผู้บริหาร แต่สภาพตอนนี้ของ แมนฯ ยูไนเต็ด มันก็ดูจะเสี่ยงพอตัวถ้าพวกเขาจะใช้โมเดลนี้ โอเค ถ้าเกิดผู้บริหารสามารถรอการสร้างทีมได้ การเอา เฟอร์ดินานด์ มาเป็นผู้อำนวยการฟุตบอลก็ดูจะไม่ใช่เรื่องแย่อะไร แต่ถ้าพวกเขาต้องการรีบกลับไปประสบความสำเร็จจริงๆ นี่ก็ออกจะเป็นทางเลือกที่เสี่ยงพอตัว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน

อัลบั้มภาพเด็ดๆ

More »

คลิปไฮไลท์

More »