ผลคะแนนและราคา 2 in 1 คะแนนในการแข่งสด ผลการแข่งขัน ตารางการแข่งขัน อัตราต่อรอง ข้อมูล คะแนนบาสเก็ตบอล
ฟุตบอล » ยูฟ่า /ยูโรป้าลีก/ยูโรคัพ » เมสซี่โหด2ตุง! บาร์ซ่าโชว์เหนือถล่มลิเวอร์พูลยับ ยกแรกตัดเชือกชปล.

เมสซี่โหด2ตุง! บาร์ซ่าโชว์เหนือถล่มลิเวอร์พูลยับ ยกแรกตัดเชือกชปล.

Posted 02/05/2019 by siamsport

บาร์เซโลน่า โอกาสผ่านเข้าไปเล่นในรอบชิงชนะเลิศนั้นมีสูง หลังโชว์ฟอร์มสุดโหดในนัดแรกไล่ถล่ม ลิเวอร์พูล 3-0 หลุยส์ ซัวเรซ ยิงเบิกร่องครึ่งแรก ก่อนที่ลิโอเนล เมสซี่จะร่ายมนต์ร้ายกาจเหมาสองเม็ดครึ่งหลัง กุมความได้เปรียบไว้ได้ก่อน โดยเกมที่สองจะมาเล่นต่อที่แอนฟิลด์ในวันอังคารหน้า ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบรองชนะเลิศ นัดแรก เมื่อคืนวันพุธที่ 1 พฤษภาคม ที่ผ่านมา

สนาม : คัมป์ นู (ผู้ชม 98, 299)

      บาร์เซโลน่า จ่าฝูงลีกสเปน เปิดคัมป์นูรับการมาเยือนของ ลิเวอร์พูล ทีมรองจ่าฝูงพรีเมียร์ลีกล่าสุด โดยสถิติในการเจอกันนั้นล่าสุด "หงส์แดง" ไล่ถล่มบาร์ซ่าในเกมปรีซีซั่น อินเตอร์เนชั่นแนล แชมเปี้ยนส์ คัพ 4-0 ขณะที่ผลงานใน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เจอกันล่าสุดเมื่อปี 2006-07 รอบ 16 ทีมสุดท้าย ซึ่งเกมแรก ลิเวอร์พูล บุกไปชนะบาร์ซ่ามาถึงคัมป์นู 2-1 ก่อนจะมาพ่ายในแอนฟิลด์ 0-1 แต่ "หงส์แดง" เข้ารอบต่อไปด้วยกฎประตูทีมเยือน

      ส่วนซีซั่นนี้ เอร์เนสโต้ บัลเบร์เด้ เทรนเนอร์บาร์เซโลน่า พาทีมเจอกับสโมสรจากผู้ดี 4 เกม ในรอบแบ่งกลุ่ม เสมอและชนะ สเปอร์ส ก่อนจะมาปราบ "ปีศาจแดง" ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย ด้วยสกอร์รวมสองนัด 4-0 ส่วนผลงานในลีก ล่าสุดการันตีแชมป์ลีกได้แล้วหลังเปิดบ้านบดเอาชนะ เลบันเต้ 1-0 และยังอยู่บนเส้นทางลุ้นทริปเปิ้ลแชมป์ในปีนี้อีกด้วย

    โดยเกมนี้สภาพทีมสมบูรณ์ นำทัพโดยสามแนวรุกสุดโหดทั้ง ลิโอเนล เมสซี่, หลุยส์ ซัวเรซ และฟิลิปเป้ คูตินโญ่ ขณะที่แดนกลางมี อิวาน ราคิติช, เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ และอาร์ตูโร่ วิดาล

    ทางฝั่งทีมเยือน "หงส์แดง" ของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ผลงานสุดยอดมากชนะมารวด 11 เกมติดทุกรายการ ล่าสุดเพิ่งเปิดแอนฟิลด์ถล่ม ฮัดเดอร์สฟิลด์ 5-0

    สำหรับเกมนี้เครียดไม่น้อยเมื่อ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ไม่ผ่านความฟิตลงตัวจริง แต่มีชื่อสำรองข้างสนามโดยแนวรุกฝากความหวังไว้ที่ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และซาดิโอ มาเน่ โดยมี จอร์จินโญ่ ไวนัลดุม สนับสนุน ส่วนตรงกลาง ฟาบินโญ่ สตาร์ตัวจริงลงปั้นเกมร่วมกับ นาบี เกอิต้า และเจมส์ มิลเนอร์

    เกมเปิดฉากมาสนุก แค่ไม่ถึงสองนาที โม ซาลาห์ ตะลุยเลี้ยงเข้าไปในกรอบแต่จังหวะล็อกแล้วซัดด้วยซ้ายไปติดแนวรับเจ้าถิ่น อีกสองนาทีต่อมา บาร์ซ่าหวิดได้ลุ้นขึ้นนำ อีวาน ราคิติช ทำชิ่งหนึ่งสองกับ คูตินโญ่ ก่อนที่ห้องเครื่องชาวโครแอตจะหลุดเข้าไปถึงเส้นหลังแต่จังหวะจะปาดมาให้ ซัวเรซ ยังไปติดบล็อก มาติป ช่วยสกัดแบบหวุดหวิด ก่อนถัดมา คูตี้ จะเปิดคอนเนอร์มาเสาสองให้ หลุยส์ ซัวเรซ พุ่งโขกชนข้างตาข่าย

    บอลเล่นกันเร็ว แลกกันสนุกมาก นาที 12 เมสซี ตะลุยเข้าไปในกรอบก่อนจะโดน มาติป มาตามบล็อกแม้บอลจะกระดอนไปโดนมือจน เมสซี่ ฟ้องเชิ้ตดำว่าเป็นแฮนด์บอลแต่ก็ไม่เป็นผล 

   นาที 15 โอกาสยิงเข้ากรอบหนแรกกลายเป็นเจ้าถิ่นที่ได้ลุ้น เมื่อ ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ ได้อัดนอกกรอบเต็มแรงแต่บอลยังไม่พ้นตัว อลีสซง ที่รับเข้าซองไว้ได้

  นาที 20 เกมต้องหยุดหลัง นาบี เกอิต้า มีอาการเจ็บและเล่นต่อไม่ไหวจน เจอร์เก้น คล็อปป์ ต้องเปลี่ยนตัวคนแรกด้วยการส่ง จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กัปตันทีมลงมาเล่นแทน

  นาที 26 เหล่าอาซูลกราน่าในคัมป์นูต้องเฮลั่นสนามแตก เมื่อ บาร์เซโลน่า ได้ประตูขึ้นนำไปก่อน 1-0 จากจังหวะโยนยาวมาทางซ้ายให้ คูตินโญ่ เอาบอลลงก่อนคืนหลังให้ จอร์ดี ้อัลบา เปิดบอลเลียดตัดแนวรับไปที่จุดนัดพบเสาแรกให้ หลุยส์ ซัวเรซ พุ่งมาสไลด์ด้วยบอลเท้าขวาเปลี่ยนทางสวนตัว อลีสซง เข้าไป

   นาที 35 ลิเวอร์พูล เกือบได้ลุ้นตีเสมอบ้าง บอลขึ้นจากแดนหลังมาให้ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ก่อนห้องเครื่องวัย 28 ปี จะเปิดตัดหลังทะลุถึง มาเน่ วิ่งมาโฉบยิงบอลเหินคานไปแบบได้เสียว

   อีกสองนาทีถัดมา "หงส์แดง" ได้ลุ้นต่อ บอลมาถึง โม ซาลาห์ บังบอลก่อนหมุนตัวอัดด้วยซ้ายแต่ไปติดบล็อค ล็องก์เล่ต์ ทว่าแถวสอง เจมส์ มิลเนอร์ เก็บได้แล้วสับไกซัดเต็มข้อบอลพุ่งหลุดกรอบไปแบบได้ลุ้นเหมือนกัน

   จบครึ่งแรก บาร์เซโลน่า ออกนำ ลิเวอร์พูล 1-0

   ครึ่งหลัง เปิดฉากมาได้ไม่ถึงสองนาที ลิเวอร์พูล เกือบไล่เจ๊าสำเร็จ หลัง ไวนัลดุม คืนบอลให้ เจมส์ มิลเนอร์ วิ่งมาแปด้วยขวาบอลพุ่งจะเสียบเสาไกลอยู่แล้วแต่ มาร์ก-อันเดร แทร์ ชเตเก้น ยังเร็วพุ่งมาปัดบอลออกหลังหวุดหวิด

   นาที 53 แทร์ สเตเก้น ต้องออกแรงพุ่งปัดอีกรอบ หลัง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ซัดด้วยซ้ายนอกกรอบบอลพุ่งเกือบเสียบเสาสองแต่นายด่านชาวเยอรมันยังปฎิเสธออกไปได้

  กลายเป็นอาคันตุกะ เร้ด แมชีน ที่เดินเครื่องรุกเต็มสูบ นาที 59 ได้ลุ้นอีกครั้ง เป็นจังหวะเข้าทำอันสวยงามเริ่มจากแดนหลังวางยาวมาให้ ซาลาห์ เอาบอลลงอย่างนิ่มนวล ก่อนเลี้ยงตัดเข้ากลางจ่ายให้ จอร์จินโญ่ ไวนัลดุม ข้ามหลอกมาถึง เจมส์ มิลเนอร์ วิ่งมาแปเต็มแรงแต่บอลไม่หนีมือ แทร์ ชเตเก้น ที่พุ่งรับบอลไว้ได้หนึบ

  นาที 75 เมื่อทัพหงส์ดาหน้าบุกแต่ไม่ได้ประตู กลายเป็นเจ้าถิ่นที่ตอบโต้ด้วยการนำห่าง 2-0 แบบเจ็บปวด จากจังหวะที่ ลิโอเนล เมสซี่ พาบอลขึ้นมาก่อนแทงเข้าในกรอบ บอลไปโดนโรเบิร์ตสันเบียดจนกระดอนมาเข้าทาง ซัวเรซ ใช้เข่ากระแทกไปชนคาน บอลตกหน้าประตูมาเข้าทาง เมสซี่ ที่ยืนโล่งๆคนเดียวตามซ้ำเข้าไปไม่เหลือ เป็นประตูแรกที่ เมสซี่ ยิงใส่ลิเวอร์พูลได้นับแต่เจอกันมา

   นาที 82 สถานการณ์ของ "หงส์แดง" ย่ำแย่ไปอีก เมื่อมาเสียประตูที่สาม จากความเหนือชั้นของ ลิโอเนล เมสซี่ ที่ปั่นฟรีคิกนอกกรอบบอลข้ามกำแพงพุ่งเสียบสามเหลี่ยมเข้าไปชนิดที่ อลีสซง หมดสิทธิ์เซฟ  บาร์เซโลน่า นำห่าง 3-0

  ถัดมา นาที 84 หงส์แดง เกือบตีไข่แตกได้บ้าง เมื่อมิลเนอร์ยิงยัดเข้าไปบอลไปติดแนวรับเจ้าถิ่นสกัดบนเส้น โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ตามซ้ำด้วยซ้ายจ่อๆ แต่บอลไปพุ่งชนเสาแบบน่าเสียดาย

   ท้ายเกมช่วงทดเจ็บ นาที 90+6 เจ้าบุญทุ่มน่าจะได้ประตูที่สี่ หลังจังหวะสวนกลับเจ้าถิ่น เมสซี่ พาบอลตะลุยกินแดนก่อนไหลบอลนิ่มๆ ให้ อุสมาน เดมเบเล่ ตัวสำรองที่ลงมาได้ซัดเหน่งๆหน้าประตูแต่ยิงไปตรงตัว อลีสซง

  ช่วงเวลาทีเ่หลือไม่มีประตูเพิ่มเติม จบเกม บาร์เซโลน่า โชว์ฟอร์มโหดไล่ถล่ม ลิเวอร์พูล 3-0 กุมความได้เปรียบในเกมแรกไว้ได้ ก่อนที่นัดที่สองจะบุกไปเล่นที่ แอนฟิลด์ บ้านของลิเวอร์พูล ในวันอังคารที่ 7 พฤษภาคม นี้

      รายชื่อนักเตะที่ลงสนาม    
   
        บาร์เซโลน่า (4-3-3) : มาร์ก-อันเดร แทร์ ชเตเก้น - เซร์จี้ โรแบร์โต้ (การ์เลส อาเลนญ่า น.90+4), เคราร์ด ปีเก้, เกลม็องต์ ล็องก์เล่ต์, จอร์ดี้ อัลบา - อิวาน ราคิติช, เซร์คิโอ บุสเก็ตส์, อาร์ตูโร่ วิดาล - ลิโอเนล เมสซี่, หลุยส์ ซัวเรซ (อุสมาน เดมเบเล่ น.90+3), ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ (เนลซอน เซเมโด้ น.60)

        เทรนเนอร์ : เอร์เนสโต้ บัลเบร์เด้
 
        ลิเวอร์พูล (4-3-3) : อลีสซง เบ็คเกอร์ - โจ โกเมซ, โฌแอล มาติป, เฟอร์กิล ฟาน ไดค์, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน - เจมส์ มิลเนอร์ (ดิว็อก โอริกี้ น.84), ฟาบินโญ่, นาบี เกอิต้า (จอร์แดน เฮนเดอร์สัน น.24) - โมฮาเหม็ด ซาลาห์, ซาดิโอ มาเน่, จอร์จินโญ่ ไวนัลดุม (โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ น.78)

        เทรนเนอร์ : เจอร์เก้น คล็อปป์

        ผู้ตัดสิน : บียอร์น ไคเปอร์ส (ฮอลแลนด์)

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน

อัลบั้มภาพเด็ดๆ

More »

คลิปไฮไลท์

More »