"ออล-อิงลิช ไฟน่อล" คืนนี้มีเดือด! สองยอดทีมจากอังกฤษเตรียมปะทะกันในศึกลอนดอนดาร์บี้ แมตช์ เวอร์ชั่นยูโรปา ลีก นัดชิงชนะเลิศ ซึ่งยกพลมาเตะกันไกลถึงสนาม บากู โอลิมปิย่า สตาดิโอนู ประเทศอาเซอร์ไบจาน เลยทีเดียว นอกจากจะเป็นศึกแห่งศักดิ์ศรีแล้วยังเป็นการเดิมพันหลายๆอย่างของทั้งสองทีมไม่ว่าจะเป็นโควต้า ชปล. ของ อาร์เซน่อล ฤดูกาลหน้า หรือจะเป็นอนาคตของ เมาริซิโอ ซาร์รี่ เรามีประเด็นน่าสนใจก่อนเกมนี้มาฝากแฟนบอลทุกท่าน

1.ซาร์รี่ vs เอเมรี่ ซีซั่นแรกใครดีกว่ากัน

หลังจบนัดชิงชนะเลิศคืนนี้เชื่อว่าหลายฝ่ายคงจะได้มาพิจารณาผลงานของกุนซือหน้าใหม่ทั้งอาร์เซน่อล และเชลซี เป็นแน่แท้

สำหรับนัดชิงชนะเลิศยูโรปา ลีกนั้นจะเป็นการคุมทีมนัดที่ 58 ของ อูไน เอเมรี่ ในฐานะกุนซืออาร์เซน่อล โดย 57 เกมที่ผ่านมา อาร์เซน่อล มีสถิติชนะ 35 นัด เสมอ 8 นัด และแพ้ 14 นัด (คิดเป็นเปอร์เซนต์ชนะ 61.4%) การมาของ เอเมรี่ นั้นทำให้ อาร์เซน่อล เก็บแต้มได้มากกว่าซีซั่นที่แล้วอยู่ 7 แต้ม อันดับขยับขึ้นหนึ่งที่ และมีโอกาสได้แชมป์ยูโรปา ลีกอีกด้วย อย่างไรก็ตามเขามีสถิติที่ไม่ค่อยน่าจดใจเท่าไหร่นัก เนื่องจากชนะในฐานะทีมเยือนแค่ 7 นัดจากเกมเยือนทั้งหมด 19 นัดในพรีเมียร์ลีก

ส่วน เมาริซิโอ ซาร์รี่ จะคุมทีมเป็นนัดที่ 63 ในคืนนี้ โดย 62 เกมก่อนหน้านี้ ชนะ 39 นัด, เสมอ 11 นัดและแพ้ 11 นัด (คิดเป็นเปอร์เซนต์ชนะ 62.9%) ผลงานที่ดีที่สุดของกุนซือชาวอิตาเลี่ยนน่าจะเป็นพา เชลซี คว้าอันดับ 3 กลับไปเล่น ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกอีกครั้ง ขณะที่เขาก็ยังพา สิงห์บลูส์ ทะลุนัดชิงชนะเลิศ คาราบาว คัพและยูโรปา ลีกอีกด้วย แม้ถ้วยแรกจะพลาดท่าพ่ายแมนฯซิตี้ในการดวลจุดโทษก็ตาม ทว่าแฟนบอลเชลซีมักจะไม่ค่อยพอใจระบบการเล่นของเขามากนัก และทีมก็ผลงานกระท่อนกระแท่นมาโดยตลอด ซึ่งหากคืนนี้เขานำทีมพ่ายแพ้ต่ออาร์เซน่อล ก็น่าสนใจว่าเสี่ยหมี โรมัน อบราโมวิช จะสั่งเชือดเขาหรือไม่

2.สั่งลา อาซาร์ แบบสวยๆ?

อนาคตของแนวรุกเบลเยี่ยมรายนี้ยังคงเป็นหนึ่งในประเด็นร้อนของโลกลูกหนัง จะบอกว่าเป็นมหากาพย์ก็คงไม่ผิดเนื่องจากเขามีข่าวย้ายทีมมาหลายฤดูกาลแล้วแต่เจ้าตัวก็ยังคงปักหลักอยู่ที่ เชลซี มาจนถึงตอนนี้ อย่างไรก็ตามสัญญาของเขาจะหมดลงในช่วงซัมเมอร์ปีหน้า และมีแววว่าเจ้าตัวจะเดินตามความฝันในการมุ่งสู่ เรอัล มาดริด และจะไม่ต่อสัญญากับ สิงห์บลูส์ นั่นทำให้ เชลซี จำเป็นที่จะต้องขายเขาออกจากทีมในซัมเมอร์นี้หากไม่อยากเสียนักเตะไปแบบฟรีๆ หลายฝ่ายจึงคาดว่าคืนนี้เขาอาจจะลงเล่นนัดสุดท้ายในสีเสื้อเชลซี

สำหรับสถิติการเจอกับ อาร์เซน่อล นั้น อาซาร์ ยิงได้ 4 ประตูจาก 18 เกม และหากคืนนี้เขาทำประตูได้จะทำให้ฤดูกาลนี้ยิงรวมกันทุกรายการ 20 ประตูเป็นครั้งแรกของอาชีพการค้าแข้ง มารอดูกันว่า อาซาร์ จะสั่งลาเชลซีด้วยการเป็นแชมป์ยูโรปา ลีก หรือไม่

3.ขาดคนสำคัญ

น่าเสียดายอยู่เหมือนกันที่ อาร์เซน่อล จะขาด เฮนริค มคิทาร์ยาน มิดฟิลด์ชาวอาร์เมเนียในนัดชิงชนะเลิศ เนื่องจากเหตุผลด้านการเมืองที่ อาร์เมเนีย และอาเซอร์ไบจาน กำลังมีปัญหาความขัดแย้งทางการฑูตอย่างหนักทำให้ประชากรทั้งสองชาติถูกห้ามเดินทางไปอีกประเทศ ส่งผลกระทบมาถึงวงการกีฬาที่นัดชิงชนะเลิศจะแข่งขันกันที่เมืองบากู ประเทศอาเซอร์ไบจาน เพื่อความปลอดภัย มคิทาร์ยาน จึงไม่ได้เดินทางไปกับทีมอาร์เซน่อล

ขณะที่ เชลซี นั้นแม้จะมีผู้เล่นเดินทางไปเกือบครบครันขาดแค่นักเตะที่เจ็บอยู่ก่อนหน้านี้แล้วอย่าง อันโตนิโอ รือดิเกอร์, คัลลัม ฮัดสัน-โอดอย และ รูเบน ลอฟตัส-ชีค แต่พวกเขาต้องลุ้นอย่างหนักเมื่อมิดฟิลด์คนสำคัญอย่าง เอ็นโกโล่ ก็องเต้ มีอาการบาดเจ็บที่หัวเข่าระหว่างลงฝึกซ้อมร่วมกับทีม แน่นอนว่าการขาดเขาไป เชลซี คงจะเสียหายอย่างหนัก หากลงเล่นไม่ได้ เมาริซิโอ ซาร์รี่ จะมีแผนรับมือกับปัญหานี้อย่างไรต้องรอดูกัน

4.เช็ค ลงเฝ้าเสานัดอำลา?

อย่างที่ทราบกันดีว่า นายด่านวัย 37 ปีเตรียมจะแขวนถุงมือหลังจากจบซีซั่นนี้ นั่นทำให้คืนนี้เขามีโอกาสจะได้ลงเฝ้าเสานัดสุดท้ายในอาชีพการค้าแข้ง สำหรับรายการ ยูโรปา ลีก นั้น เขาได้รับโอกาสลงเล่นตัวจริงถึง 10 จาก 14 นัดที่อาร์เซน่อลลงแข่งขัน จึงทำให้คาดกันว่าเจ้าตัวน่าจะได้รับโอกาสต่อในเกมรอบชิงฯ อย่างไรก็ตามก็มีบางคนที่ไม่เห็นด้วยกับการให้ เช็ค ลงเล่นตัวจริง ยกตัวอย่างเช่นตำนานอย่าง เดวิด ซีแมน อดีตยอดผู้รักษาประตูของ อาร์เซน่อล ที่มองว่าทีมต้องการถ้วยนี้เป็นอย่างมากจึงต้องส่งผู้เล่นชุดที่แข็งแกร่งที่สุดลงสนาม ซึ่ง แบร์นด์ เลโน่ ที่เป็นมือหนึ่งของทีมควรจะได้ลงเล่นมากกว่า ก็ต้องมาดูกันว่า อูไน เอเมรี่ จะให้โอกาส ปีเตอร์ เช็ค ได้ลงเล่นนัดสั่งลาคืนนี้หรือไม่

5.แคมป์สิงห์บลูส์วุ่น!

เรียกได้ว่าเป็นข่าวสดๆร้อนๆเมื่อคืนที่ผ่านมา ระหว่างการซ้อมของ เชลซี ก่อนนัดชิงชนะเลิศ ดาวิด ลุยซ์และกอนซาโล่ อิกวาอิน สองสตาร์สิงห์บลูส์เกิดการกระทบกระทั่งและมีปากเสียงกันในสนามซ้อม ซึ่งภาพก็จับมาที่ เมาริซิโอ ซาร์รี่ ซึ่งยืนอยู่ข้างสนามได้ขว้างลงพื้นและเตะหมวกของตัวเองทิ้งก่อนเดินออกจากสนามซ้อมด้วยความไม่สบอารมณ์ ซึ่งทางสโมสรได้ออกมาแก้ตัวว่าพฤติกรรมของ ซาร์รี่ ไม่ได้เกี่ยวกับนักเตะคนใดในสนาม แต่ทว่าหลายฝ่ายก็มองว่านี่อาจทำให้เกิดรอยร้าวของทีมก็เป็นได้ และมันไม่ควรมีภาพแบบนี้เกิดขึ้นก่อนแมตช์นัดชิงชนะเลิศเพียงหนึ่งวันเท่านั้น