การเตรียมความพร้อมสำหรับฤดูกาลใหม่ของ ลิเวอร์พูล เริ่มต้นแล้ว แม้ตอนนี้นักเตะกำลังหลักหลายคนจะยังไม่ได้เดินทางมาร่วมทีมก็ตาม แต่ขุมกำลังที่มีอยู่ทั้งบรรดาแข้งดาวรุ่ง และนักเตะชุดใหญ่ที่มีอยู่ในทีม ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในแมตช์บุกถล่ม ทรานเมียร์ โรเวอร์ส 6-0 ในเกมอุ่นเครื่องปรีซีซั่นที่สนาม เพรนตัน พาร์ค เมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา
    สำหรับแมตช์นี้ เจอร์เก้น คล็อปป์ ตัดสินใจให้โอกาสนักเตะดาวรุ่งมากมายได้ลงสนาม โดยงานนี้แข้งวัยละอ่อนทั้ง ยาสเซอร์ ลารูซี่, อดัม ลูอิส, บ็อบบี้ ดันแคน และ ไรอัน บรูว์สเตอร์ โชว์ฟอร์มได้ถูกอกถูกใจสาวก "เดอะ ค็อป" และงานนี้พวกเขาน่าจะมีอนาคตสดใสกับทีมชุดใหญ่ในซีซั่นนี้

    ขณะที่นักเตะรุ่นใหญ่อย่าง อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน, เจมส์ มิลเนอร์, โจ โกเมซ, นาธาเนียล ไคลน์ และ อดัม ลัลลาน่ พยายามที่จะเรียกฟอร์มเก่งของพวกเขาเช่นกัน โดยเฉพาะในรายของ ไคลน์ ที่ยิงประตูเบิกร่องให้ทีม ส่วนอ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน อาจจะยังดูไม่ค่อยเต็มที่มากนัก แต่คาดว่าน่าจะฟิตสมบูรณ์เมื่อถึงช่วงเปิดฤดูกาล

    ในส่วนของ ดิว็อก โอริกี้ ฮีโร่ผู้ซัดประตูตอกฝาโลงเกมชนะ สเปอร์ส 2-0 นำ "หงส์แดง" คว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก โชว์ทักษะชั้นยอดในการยิงประตูซึ่งถือเป็นการฉลองสัญญาฉบับใหม่ของเขาที่เพิ่งจะสลัดน้ำหมึกไปเมื่อช่วงวันพุธที่ผ่านมา

1. ฟอร์มการเล่นยอดเยี่ยม
    ลิเวอร์พูล แพ้เพียงแค่เกมเดียวเท่านั้นในศึกพรีเมียร์ลีก เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา (แพ้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทีมแชมป์) และในช่วงอุ่นเครื่องปรีซีซั่นของพวกเขาเปิดฉากด้วยการคว้าชัยชนะเพื่อเอาฤกษ์เอาชัย แถมเป็นชัยชนะที่แบบสวยหรูอลังการงานสร้างซะด้วย

    เกมนี้ไม่มีสัญญาณของความเหนื่อยล้าจากความสำเร็จในแชมเปี้ยนส์ ลีก ที่พวกเขาทำได้เมื่อเดือนที่ผ่านมา โดย "เดอะ เร้ดส์" โชว์ฟอร์มสุดยอดเมื่อขึ้นนำตั้งแต่ 6 นาทีแรก งานนี้ทีมของกุนซือเจอร์เก้น คล็อปป์ ทำผลงานได้โดดเด่นเป็นสง่า แถมมี โฌแอล มาติป คอยคุมเกมในตำแหน่งเซนเตอร์แบ็ก ส่วน อดัม ลัลลาน่า เล่นได้ยอดเยี่ยมในแผงกองกลาง

    ขณะที่นักเตะดาวรุ่งที่ได้รับโอกาสลงสนามก็โชว์ฟอร์มได้สุดยอด เพราะพวกเขาคาดหวังที่จะมีโอกาสในการเบียดแย่งตำแหน่งทีมตัวจริงของ "หงส์แดง" ส่วนนักเตะอีกรายที่เล่นได้ยอดเยี่ยมก็คือ เจมส์ มิลเนอร์ ซึ่งเล่นได้ยอดเยี่ยมเหมือนเดิมตั้งแต่ต้นเกม

2. ลารูซี่ กับ ลูอิส ยางอะไหล่ชั้นดี
    หลังจาก อัลแบร์โต้ โมเรโน่ อำลาทีมไปเล่นกับ บียาร์เรอัล ทำให้ตอนนี้ทีมขาดยางอะไหล่ของ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ในตำแหน่งแบ็กซ้าย แน่นอนว่าสาวก "เดอะ ค็อป" รู้สึกกังวลเกี่ยวกับการที่ทีมไม่ได้ซื้อนักเตะคนไหนมาทดแทนดาวเตะเลือดสแปนิช ที่ย้ายทีมไป

    อย่างไรก็ตาม คล็อปป์ เล็งเห็นเพชรเม็ดงามอยู่ในศูนย์ฝึกเยาวชนโดยเลือกที่จะลองใช้งาน ยาสเซอร์ ลารูซี่ กับ อดัม ลูอิส ในช่วงอุ่นเครื่องปรีซีซั่นนี้ ในรายของ ลารูซี่ ได้รับโอกาสลงเล่นตัวจริงในเกมที่สนามเพรนตัน พาร์ค และงานนี้นักเตะไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดรอดไปเมื่อโชว์ฟอร์มได้อย่างสุดยอดในการวิ่งเติมเกมทะลุทะลวงแนวรับทรานเมียร์จนปั่นป่วนไปหมด

    ฟอร์มของ ฟูลแบ็กวัย 18 ปี โดดเด่นมากๆ ในการเล่นเกมรุก โดยมีความรวดเร็วทั้งการกระชากลากเลื้อย และการเชื่อมเกมกับเพื่อนร่วมทีม โดย ลารูชี่ เกือบยิงประตูได้หลังจากเล่นชิ่งหนึ่งสองกับ อดัม ลัลลาน่า แต่ยิงไปโดน สกอตต์ เดวิส โกล์ทรานเมียร์ปัดป้องเอาไว้ น่าเสียดายที่ ลารูซี่ ได้มีโอกาสแจกความสดใสเพียงแค่ครึ่งแรกเท่านั้น

    ขณะที่ ลูอิส มีโอกาสได้เป็นส่วนหนึ่งของทีมในครึ่งหลัง โชว์ผลงานได้ดีในระดับหนึ่ง และก็ถือว่าน่าพอใจ ฉะนั้นการโต้เถียงเรื่องที่ทีมจะให้โอกาสสองแบ็กซ้ายดาวรุ่งในฤดูกาลน้านั้น เกมกับ ทรานเมียร์ พิสูจน์ได้ในระดับหนึ่งแล้วว่าพวกเขามีอนาคตสดใสจริงๆ

3. เครื่องจักรสังหารนาม บรูว์สเตอร์ 
    หากมองแบบเป็นการต้องยอมรับว่า "เดอะ เร้ดส์" ไม่เคยขาดแคลนตัวจอบสกอร์ชั้นยอดในถิ่นแอนฟิลด์เลยตลอดช่วงหลายปีท่ผ่านมา และตอนนี้พวกเขามีดาวยิงอีกรายที่สุดยอดมากๆ นั่นก็คือ ไรอัน บรูว์สเตอร์ หัวหอกดาวรุ่งพุ่งแรงว่าที่ความหวังใหม่ของทีม

    จริงๆ แล้วอาชีพของ บรูว์สเตอร์ กำลังจะไปได้สวย แต่น่าเสียดายมาโดนอาการบาดเจ็บเล่นงาน อย่างไรก็ตามตอนนี้นักเตะเตรียมที่จะได้รับโอกาสจาก กุนซือชาวด๊อยท์ช และเขาก็ไม่ทำให้ผิดหวัง ฉะนั้นฟอร์มแบบนี้นักเตะพร้อมที่จะก้าวขึ้นมาเล่นให้ทีมชุดใหญ่แล้ว

    หัวหอกวัย 19 ปีสามารถเอาชนะอาการบาดเจ็บได้แล้ว และกลับมาฟิตเต็มถัง แม้ว่าแมตช์นี้นักเตะจะไม่มี โมฮาเหม็ด ซาฮา, ซาดิโอ มาเล่ และ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ แต่ก็ยังคงฉายแสงดาวรุ่งแห่งอนาคตอย่างแท้จริง โดยนักเตะซัดไป 2 ประตูจากระยะ 6 หลาในครึ่งแรก

    ทั้งนี้ฟอร์มที่โดดเด่นของ บรูว์สเตอร์ ก็คือปฏิกิริยาที่รวดเร็วในจังหวะวิ่งแซงกองหลังคู่แข่งขึ้นโหม่งทำประตูจากจังหวะเปิดบอลของ แฮร์รี่ วิลสัน ขณะที่อีกประตูเป็นการวิ่งเข้าซ้ำจากจังหวะที่ มิลเนอร์ ซัดไปถูดโกลเซฟ งานนี้ เจสัน แม็คเคเทียร์ ตำนาน "หงส์แดง" ถึงกับเปรียบ บรูว์สเตอร์ กับ ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ เลยทีเดียว

4. อ็อกซ์เลด ต้องใช้เวลาอีกสักพัก
    สิ่งหนึ่งที่น่ากังวลใจสำหรับ คล็อปป์ ก็คงเป็นเรื่องของ อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลนในเกมครึ่งแรก โดย กองกลางเลือดผู้ดี ได้ลงสนาม 45 นาที แต่ดูเหมือนผลของเขายังดูไม่เข้าที่เข้าทาง ที่สำคัญนักเตะแทบไม่มีส่วนร่วมในช่วงระหว่างที่ลงสนามด้วย
 

    แน่นอนว่า อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน ทำงานได้ดีเยี่ยมในการฟื้นร่างกายกลับมาจากอาการบาดเจ็บหนัก แต่หลังจากใช้เวลาส่วนใหญ่กับการฟื้นฟูร่างกายเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา บางที นายใหญ่ชาวเยอรมัน คงคาดหวังว่า มิดฟิลด์ดีกรีทีมชาติอังกฤษ น่าจะพร้อมลงไปโลดแล่นในเกมลูกหนังได้แล้ว

    แม้ว่าผลงานในเกมอุ่นเครื่องกับ ทรานเมียร์ จะไม่โดดเด่นอะไรมากนัก แต่นี่เป็นแค่ช่วงเริ่มต้นเท่านั้นโดยเฉพาะหลังจากผ่านการบาดเจ็บอย่างรุนแรง งานนี้ อดีตเทรนเนอร์ "เสือเหลือง" โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ คงจะแฮปปี้ที่เห็น อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน กลับมาลงสนาม และไม่มีอาการบาดเจ็บอีกแล้ว

5. ดันแคนเดิมตามรอยเฮียสตีวี่จี
    นี่ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญสำหรับดาวรุ่งพุ่งแรงนาม บ็อบบี้ ดันแคนโดยเฉพาะในช่วงท้ายเกมนี้ เพราะเขาสามารถนำชื่อของตัวเองขึ้นบนสกอร์บอร์ดในฐานะคนทำประตูให้กับ ลิเวอร์พูล เป็นครั้งแรกในการลงสนามทีมชุดใหญ่ แมตช์ถล่ม ทรานเมียร์ ครึ่งโหล

    สาวก "เดอะ ค็อป" ค่อนข้างจะคุ้นเคยกับกองหน้าดาวรุ่งรายนี้ เนื่องจากเขาเป็นญาติพี่น้องกับ สตีเว่น เจอร์ราร์ด ตำนานกัปตันทีม "เดอะ เร้ดส์" ที่ปัจจุบันแขวนสตั๊ดไปแล้ว และกำลังทำหน้าที่กุมบังเหียน "เดอะ ไลท์บลูส์" เรนเจอร์ส ทีมในศึกสกอตติช พรีเมียร์ลีก

    ดันแคน ถือเป็นหนึ่งในดาวรุ่งพุ่งแรงของศูนย์ฝึกเยาวชน "หงส์แดง" และแมตช์นี้เขาแสดงให้เห็นถึงพรสวรรค์ในหลายๆ จังหวะ โดยเฉพาะกับจังหวะทำประตูซึ่ง ดันแคน โชว์ปฏิกิริยาที่รวดเร็วเมื่อได้จังหวะทำการก็รีบตวัดเท้ายิงอย่างรวดเร็ว ดังนั้นแฟนบอล "หงส์แดง" คงหวังว่าเขาจะยิงประตูได้เรื่อยๆ