การเป็นแชมป์ว่ายากแล้วการรักษาแชมป์ยากยิ่งกว่า แต่การคว้าแชมป์สามสมัยติดต่อกันยากยิ่งกว่ายาก นั่นจะเป็นเหตุผลที่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า จำเป็นต้องพยายามเสริมทัพให้แข็งแกร่งอยู่เสมอเพื่อที่จะนำ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ครองความเป็นมหาอำนาจแห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ต่อไป
    สำหรับ "เรือใบสีฟ้า" พวกเขามีขุมกำลังที่สุดแกร่งอยู่แล้ว แต่ก็ยังต้องมีการหานักเตะใหม่เข้ามามาทดแทนอย่างต่อเนื่อง เพราะการมีผู้เล่นหน้าใหม่จะช่วยทำให้ทีมมีความสดใส และเต็มไปด้วยความกระหายในความสำเร็จแม้จริงๆ แล้วพวกเขาจะประสบความสำเร็จมากมายก็ตาม

    ในช่วงซัมเมอร์นี้ กวาร์ดิโอล่า ลงทุนเบาๆ แต่เต็มไปด้วยคุณภาพ เมื่อซื้อนักเตะมาเสริม 2 รายได้แก่ อังเคลินโญ่ แบ็กซ้ายเลือดกระทิงดุ ที่พวกเขาเซ็นกลับมาจาก พีเอสวี ไอโฮเฟ่น ด้วยค่าตัว 5.3 ล้านปอนด์ (ราว 206.7 ล้านบาท) ซึ่งถือเป็นเด็กใหม่หน้าเก่าประจำถิ่นเอติฮัด สเตเดี้ยม

    ส่วนอีกราย เป๊ป สะกิดบอร์ดบริหารว่านักเตะคนนี้เจ๋งจริงๆ และต้องทุ่มเต็มสูบเพื่อเอามร่วมทีมให้ได้ เนื่องจาก แมนฯ ซิตี้ มีเป้าหมายใหญ่คือความสำเร็จใน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และหากได้ โรดรี้ กองกลาวชาวสแปนิช มาร่วมทีม มีโอกาสสูงที่ "เรือใบสีฟ้า" จะได้สลักชื่อลงในโทรฟี่ "บิ๊กเอียร์"

    นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้สโมสรทุ่มเงินมหาศาลถึง 63 ล้านปอนด์ (ราว 2,457 ล้านบาท) จาก "ตราหมี" แอตเลติโก มาดริด มาร่วมทีม และทำให้เขากลายเป็นนักเตะที่มีค่าตัวแพงสุดในประวัติศาสตร์แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ซึ่ง กุนซือชาวสแปนิช เชื่อว่าเม็ดเงินที่ทีมเสียไปจะได้สิ่งตอบแทนกลับมาที่แสนคุ้มค่าแน่นอน

    เมื่อนักเตะใหม่ 2 คนมาถึงสโมสรแน่นอนว่าย่อมต้องถูกคาดหวังที่จะได้ลงเล่นเป็น 11 ตัวจริงของทีมในฤดูกาล 2019-2020

    อย่างไรก็ตาม แมนฯ ซิตี้ ยังมีประเด็นที่ต้องขบคิดอย่างมากในเรื่องของ เลรอย ซาเน่ ซึ่งยังเคลียร์เรื่องการขยายสัญากับทีมไม่ได้ โดย ดาวเตะวัย 23 ปี ที่ซัดไป 16 ลูกกับ 15 แอสซิสต์ เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา ตกเป็นข่าวว่าพร้อมลา แมนฯ ซิตี้ เพื่อไปเล่นให้ "เสือใต้" บาเยิร์น มิวนิค

    ขณะที่ เอแดร์ซอน ผู้รักษาประตูชาวบราซิเลียน ยังคงเป็นนายด่านปราการสุดท้ายที่ เป๊ป ไว้ใจได้เสมอ ที่สำคัญผลงาน 20 คลีนชีตในเกมลีกเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา เป็นเครื่องการันตีความเหนียวหนึบของเขา โดยมีเพียง อลีงซง เบ็คเกอร์ โกลเพื่อนร่วมชาติจาก ลิเวอร์พูล ที่ทำผลงานเหนียวกว่าเท่านั้น (21 คลีนชีต)

    ในส่วนแข้งใหม่หน้าเก่าอย่าง  อังเคลินโญ่ แม้อายุเพียง 22 ปี แต่ศักยภาพและประสบการณ์กล้าแกร่งเหลือเกิน แน่นอนว่าเขาจะได้ลงเล่นตัวจริงในตำแหน่งแบ็กซ้าย เคียงข้างกับ อายเมริค ลาปอร์เต้ และ จอห์น สโตน ส่วน ไคล์ วอล์คเกอร์ คงเป็นตัวเลือกแรกในตำแหน่งแบ็กขวา แต่กระนั้น เป๊ป ก็อาจจะเลือกส่ง ดานิโล่ ลงเล่นแบ็กขวาในบางครั้งก็ได้

    สำหรับแผงกองกลาง โรดรี้ คงจะลงสนามในฐานะโฮลดิ้ง มิดฟิลด์ หลังจากที่เขาถูกดึงตัวมาเพื่อทดแทน แฟร์นันดินโญ่ ที่ร่วงโรยไปตามกาลเวลาเนื่องจากปัจจุบันอายุ 34 ปีแล้ว ขณะที่ เควิน เดอ บรอยน์ กับ ดาบิด ซิลบา ซึ่งจะอยู่กับทีมในซีซั่น 2019-2020 เป็นฤดูกาลสุดท้าย น่าจะได้รับความไว้วางใจจาก กวาร์ดิโอลา ให้ลงเล่นตัวจริง
 
    ด้าน ฟิล โฟเด้น มิดฟิลด์ดาวโรจน์ คงจะต้องต่อสู้อย่างหนักเพื่อตำแหน่งของเขา หลังจากมีโอกาสได้ลงสนามในเกมลีก 13 แมตช์เมื่อซีซั่นล่าสุด ขณะเดียวกันหากเกิดกรณีที่ ซาเน่ ตัดสินใจอำลาถิ่นเอติฮัด สเตเดี้ยม งานนี้ เป๊ป ก็คงจัด แบร์นาร์โด้ ซิลวา หรือ กาเบรียล เชซุส เป็นตัวเลือกแรกแทน

    ส่วนสองแข้งที่ดูเหมือนทีมจะขาดไม่ได้ และได้สิทธิ์ติด 11 ตัวจริงแบบไม่ต้องสงสัยนั่นก็คือ ราฮีม สเตอร์ลิง ที่ครองตำแหน่งตัวรุกริมเส้นฝั่งซ้าย หลังระเบิดฟอร์มเทพตะบัน 25 ประตู กับ 14 แอสซิสต์ เมื่อซีซั่นที่ผ่านมา สำหรับ เซร์คิโอ "กุน" อเกวโร่ จะยังคงเป็นดาวยิงตัวหลักของทีมต่อไปหลังซัดไป 32 ประตูจากการเล่นทุกรายการให้ต้นสังกัด

    ในกรณีที่ แมนฯ ซิตี้ ตกลงค่าตัว มอร์แกน โรเจอร์ส วันเดอร์คิดจาก เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน มาร่วมทีมด้วยสัญญา 4 ล้านปอนด์ (ราว  156 ล้านบาท) แต่ด้วยการที่เขามีอายุเพียง 16 ปีเท่านั้น งานนี้คงมีอะไรที่ต้องพิสูจน์อีกมากก่อนที่จะได้ทะลุขึ้นมาสู่ทีมชุดใหญ่

    ว่าที่ 11 นักเตะตัวจริง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ลุยฤดูกาล 2019-2020

ผู้รักษาประตู : เอแดร์ซอน

กองหลัง : อังเคลินโญ่,  อายเมริค ลาปอร์เต้, จอห์น สโตน, ไคล์ วอล์คเกอร์ (ดานิโล่)

กองกลาง :  โรดรี้, เควิน เดอ บรอยน์, ดาบิด ซิลบา , แบร์นาร์โด้ ซิลวา  (กาเบรียล เชซุส)

กองหน้า :  ราฮีม สเตอร์ลิง,  เซร์คิโอ  อเกวโร่