เกมพรีเมียร์ลีก แมตช์เดย์ที่ 12 มีคู่ใหญ่ให้ชม 2 คู่ คือคู่ระหว่าง เลสเตอร์ ซิตี้ พบ อาร์เซน่อล และ ลิเวอร์พูล ปะทะ แมนฯ ซิตี้

    ในส่วนของประเด็นต่างๆ ในแต่ละคู่จะมีข้อมูลอะไรที่น่าสนใจบ้าง ไปดูกันได้เลย

        เชลซี พบ คริสตัล พาเลซ

    เชลซี มองหาชัยชนะนัดที่ 6 ติดต่อกันในพรีเมียร์ลีก ซึ่งจะเป็นครั้งแรกที่ทำได้นับตั้งแต่ช่วงเดือนพฤษภาคม ซีซั่น 2016/17 ที่พวกเขาได้แชมป์ลีก และแฟร้งค์ แลมพาร์ด เตรียมเป็นผู้จัดการทีมคนอังกฤษคนที่ 7 ที่จะพาทีมคว้าชัยได้ 6 นัดติด คนสุดท้ายที่ทำได้คือ อลัน พาร์ดิว ที่ทำไว้กับ นิวคาสเซิล เมื่อเดือนเมษายน 2012

    นับตั้งแต่เลื่อนชั้นขึ้นมา ตอนฤดูกาล 2013/14 คริสตัล พาเลซ ชนะ เชลซี ได้ 4 จาก 12 แมตช์ที่เจอกัน

    คริสเตียน พูลิซิช มีโอกาสเป็นแข้งมะกันคนที่ 4 จะยิงในพรีเมีนร์ลีก 4 เกมติดต่อกัน ขณะที่ จอร์แดน อาร์ยิว ก็มีโอกาสเป็นผู้เล่นคนที่ 4 ที่ทำประตูได้ในเกมออกเยือน อาร์เซน่อล, แมนฯ ยูไนเต็ด และ เชลซี ในฤดูกาลเดียวกัน

    แทมมี่ อบราฮัม ยิงไป 9 จาก 13 นัด ให้กับเชลซี ในตอนอายุ 22 ปี 38 วัน ซึ่งจะเป็นนักเตะที่อายุน้อยที่สุดของ สิงห์บลูส์ ที่ยิงได้แตะตัวเลข 2 หลัก ต่อจาก อาร์เยน ร็อบเบน (21 ปี 342 วัน)

        สเปอร์ส พบ เชฟฯ ยูไนเต็ด

    หาก เจ้าถิ่น ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ ยิงได้อย่างน้อย 2 ประตู ใส่ เชฟฯ ยูไนเต็ด พวกเขาไม่เคยแพ้เลยใน 6 นัดหลังสุดที่เจอกัน (ชนะ 4 เสมอ 2)

    เชฟฯ ยูไนเต็ด จะเป็นทีมที่ 29 ที่ แฮร์รี่ เคน เผชิญหน้า โดยกองหน้าทีมชาติอังกฤษ รายนี้ ยิงได้ทุกทีมที่ผ่านมา 28 ทีม ซึ่งจะทำให้เขาเป็นผู้เล่นคนแรกที่มีสถิติ 100% ที่ยิงคู่แข่งได้ในการเจอกันอย่างน้อย 2 เกม

    ทีมดาบคู่ เสียไปเพียง 8 ประตูในซีซั่นนี้ ซึ่งทีมน้องใหม่ทีมล่าสุดที่เสียประตูน้อยกว่าหลังผ่านไป 11 เกม คือ วีแกน โดยตอนนั้นเสียไปเพียง 5 ประตู ในฤดูกาล 2005/06

    นอกจากนี้ เชฟฯ ยูไนเต็ด ไม่ชนะที่ ลอนดอน ในพรีเมียร์ลีก มาแล้ว 17 เกม (เสมอ 6 แพ้ 11) ครั้งสุดท้ายที่เก็บชัยที่เมืองหลวง อังกฤษ ได้คือ ชนะ เชลซี เมื่อเดือนตุลาคม ปี 1992 ยิ่งไปกว่านั้น ยามไปเยือน สเปอร์ส พวกเขาแพ้ไปถึง 10 จาก 12 นัด ซึ่งอีกสองเกมคือ ชนะ 1 เสมอ 1

        เลสเตอร์ พบ อาร์เซนอล

    หาก เลสเตอร์ เอาชนะ อาร์เซน่อล ได้ในเกมนี้จะทำให้เป็นครั้งแรกที่พวกเขาเอาชนะ เดอะ กันเนอร์ส ได้ 3 เกมติด

    เดอะ ฟ็อกซ์ ชนะ 8 จาก 11 นัดที่เล่นในบ้าน (เสมอ 2 แพ้ 1) และยังชนะมา 4 เกมติดที่เล่นใน คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม

    เกมนี้จะเป็นนัดที่ 50 ของ อูไน เอเมรี่ ในพรีเมียร์ลีก ซึ่งไม่มีเกมไหนเลยที่ทีมของเขาจบลงด้วยเสมอ 0-0 มีแค่ จอร์จ เบอร์ลี่ย์(67 นัด), ออสซี่ อาร์ดิเลส (54 นัด) และ โจ รอยล์ (53 นัด) เท่านั้นที่ไม่เคยจบลงด้วยผลเสมอไร้สกอร์นับตั้งแต่เริ่มต้นคุมทีมในพรีเมียร์ลีก

    อีกทั้ง นับตั้งแต่ ปิแอร์ เอเมอริค-โอบาเมย็อง ลงเกมเยือนในพรีเมียร์ลีก ครั้งแรกเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2018 เขายิงไปแล้ว 16 ประตู ซึ่งเป็นอันดับสามที่ดีที่สุดต่อจาก แฮร์รี่ เคน (17 ประตู) และ เจมี่ วาร์ดี้ (21 ประตู)

        แมนฯ ยูไนเต็ด พบ ไบร์ทตัน

    แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่แพ้เกมในบ้านมาแล้ว 11 นัดในการเจอกับ ไบร์ทตัน ทุกรายการ โดยชนะได้ 9 นัด และเสมออีก 2 นัด

    ตลอด 4 เกมที่ทั้งสองทีมเจอกับแล้วทีมเจ้าบ้านชนะนั้น สกอร์จบลงที่ช่องว่างประตูแค่ลูกเดียว

    ในฐานะตอนเป็นนักเตะ เกรแฮม พอตเตอร์ กุนซือเดอะ ซีกัลลส์ เอาชนะ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้เกมเดียวเท่านั้น ตอนที่เล่นให้กับ เซาธ์แฮมป์ตัน ตอนซีซั่น 1996/97 ซึ่ง โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ก็ลงเล่นในเกมนั้นด้วย

        ลิเวอร์พูล พบ แมนฯ ซิตี้

    ลิเวอร์พูล แพ้ต่อ แมนฯ ซิตี้ แค่เกมเดียวตลอด 28 นัดหลังสุดที่เจอกันบนลีกสูงสุด และไม่แพ้ใน แอนฟิลด์ ต่อ เรือใบสีฟ้า มาแล้ว 16 เกม (ชนะ 11 เสมอ 5)

    โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ มีส่วนร่วมกับประตูที่ยิงใส่ ซิตี้ ได้ 7 จาก 8 เกมที่เจอกันในพรีเมียร์ลีก แบ่งเป็นยิงได้ 4 ประตูและ แอสซิสต์อีก 3 ครั้ง

    แมนฯ ซิตี้ ชนะ 11 จาก 12 นัดในการออกไปเยือนในเกมพรีเมียร์ลีก โดยยิงได้ 30 ประตู บนค่าเฉลี่ยทำสกอร์ได้ 2.5 ครั้งต่อนัด

    เซร์คิโอ อเกวโร่ ยิงประตูไปแล้ว 49 ลูก จาก 79 นัดในการเล่นเกมพรีเมียร์ลีกในวันอาทิตย์ และจะเป็นผู้เล่นคนที่สองที่ทำประตูแตะหลัก 50 ลูกในวันอาทิตย์ได้ ต่อจาก เวย์น รูนี่ย์ ที่ซัดไป 63 ลูก จาก 142 นัดในวันนี้