บรรดาสื่อของอังกฤษแทบทุกเจ้าต่างก็ประโคมข่าวว่า ราฮีม สเตอร์ลิง ปีก แมนฯ ซิตี้ พยายามจะเข้าไปหาเรื่อง โจ โกเมซ ปราการหลัง ลิเวอร์พูล ตอนเจอกันที่แคมป์ของทีมชาติอังกฤษ ยังดีที่สุดท้ายเรื่องไม่ร้ายแรงจนเกินไป
    ราฮีม สเตอร์ลิง ปีกคนดังของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ สโมสรดังแห่งเวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เข้าไปหาเรื่อง โจ โกเมซ กองหลัง ลิเวอร์พูล ในตอนที่พวกเขาเข้าไปรายงานตัวกับทีมชาติอังกฤษที่ เซนต์ จอร์จส์ พาร์ค เมื่อวันจันทร์ที่ 11 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ตามรายงานของสื่อแทบทุกหัวในเมืองผู้ดี อย่างเช่น เดอะ เทเลกราฟ, เดลี่ เมล, เพรส แอสโซซิเอชั่น และ เดอะ มิร์เรอร์ เป็นต้น

    สเตอร์ลิง กับ โกเมซ เพิ่งดวลกันมาหมาดๆ ในเกม พรีเมียร์ลีก นัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดรัง แอนฟิลด์ เอาชนะ แมนฯ ซิตี้ 3-1 เมื่อวันอาทิตย์ที่ 10 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา โดยในเกมนั้นทั้งคู่มีปากเสียงกันด้วย ก่อนที่เหมือนจะคืนดีกันได้ไม่นานหลังจากนั้น

    ทั้งนี้ สเตอร์ลิง กับ โกเมซ ต่างก็ถูกเรียกติดทีมชาติอังกฤษ ชุดลงเล่นเกม ยูโร 2020 รอบคัดเลือก รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม เอ นัดดวลกับ มอนเตเนโกร วันพฤหัสบดีที่ 14 พฤศจิกายนนี้ และเกมกับ โคโซโว ในวันที่ 17 พฤศจิกายนนี้ทั้งคู่ ซึ่งทั้งสองคนก็เข้าไปรายงานตัวกับทีมตามกำหนดการ เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ซึ่งตอนที่ โกเมซ เข้าไปในโรงอาหารแล้วเจอ สเตอร์ลิง นั้น เขาก็เข้าไปทักทายกับอดีตปีก ลิเวอร์พูล พร้อมกับยื่นมือไปเพื่อพยายามที่จะจับมือกับเขาด้วยความเป็นมิตร

    อย่างไรก็ตาม สเตอร์ลิง กลับพยายามจะบีบคอ โกเมซ ซึ่งตอนแรกนักเตะคนอื่นๆ ของทีมชาติอังกฤษคิดว่าปีกจาก แมนฯ ซิตี้ แค่ตั้งใจจะหยอกล้ออีกฝ่ายเล่นๆ แต่ไม่นานหลังจากนั้นก็รู้ว่าแข้งวัย 24 ปีตั้งใจจะเล่นงาน โกเมซ จริงๆ พร้อมกับพยายามจะเข้าไปแยกทั้งคู่ออกจากกัน

    นอกจากนี้ สเตอร์ลิง ยังพูดยั่วใส่ โกเมซ ด้วยว่า "แกยังคิดว่าตัวเองเป็นพี่เบิ้มอยู่รึเปล่าวะ" ซึ่งสื่อถึงว่า โกเมซ สามารถทำตัวให้ดูน่าเกรงขามได้ก็เฉพาะตอนอยู่กับ ลิเวอร์พูล ที่มีเพื่อนร่วมทีมคอยหนุนหลังหลายคน ต่างกับที่ทีมชาติอังกฤษชุดนี้ที่มีนักเตะ "หงส์แดง" อยู่ในทีม 4 คน

    หลายสื่อรายงานตรงกันว่า โกเมซ ไม่คล้อยตามการยั่วยุของอีกฝ่าย และปฏิเสธที่จะมีเรื่องทะเลาะวิวาทกับ สเตอร์ลิง โดยเจ้าตัวเลือกถอยหลังไปเฉยๆ โดยไม่นานหลังจากนั้น สเตอร์ลิง ก็สงบสติของตัวเองได้ รวมถึงขอโทษทั้ง โกเมซ และนักเตะคนอื่นๆ ซึ่งดาวเตะจาก ลิเวอร์พูล ก็ยอมรับคำขอโทษด้วยดี