แมนฯ ยูไนเต็ด ระบุเอง พวกเขามีหนี้เพื่มขึ้นบานเบอะถ้าเทียบช่วง 3 เดือนแรกของฤดูกาลนี้กับช่วงเวลาเดียวกันของซีซั่นก่อน แถมคาดกันว่าพอจบฤดูกาลนี้แล้วรายได้โดยรวมของทีมประจำปี 2020 ก็จะลดลงด้วย
    แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สโมสรดังของศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เปิดเผยว่าในผลประกอบการช่วง 3 เดือนแรกประจำฤดูกาล 2019-20 พวกเขามีหนี้โดยรวมเยอะกว่าช่วง 3 เดือนแรกของซีซั่น 2018-19 เป็นจำนวน 137.3 ล้านปอนด์ (ประมาณ 5,217.4 ล้านบาท)

    ทั้งนี้ หนี้ในช่วง 3 เดือนแรกของ แมนฯ ยูไนเต็ด เมื่อฤดูกาลก่อนอยู่ที่ 247.2 ล้านปอนด์ (ประมาณ 9,393.6 ล้านบาท) แต่พอเป็นช่วง 3 เดือนแรกของปีนี้กลับอยู่ที่ 384.5 ล้านปอนด์ (ประมาณ 14,611 ล้านบาท) หรือคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ก็ถือว่าเพิ่มขึ้นถึง 55.5 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งสาเหตุหลักที่ทำให้หนี้มันพุ่งสูงขนาดนี้เป็นเพราะในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมาพวกเขาใช้เงินเสริมทัพในเบื้องต้นรวม 145 ล้านปอนด์ (ประมาณ 570 ล้านบาท) ไปกับการซื้อ แฮร์รี่ แม็กไกวร์, แดเนี่ยล เจมส์ และ อารอน วาน-บิสซาก้า มาร่วมทีม

    อีกด้านหนึ่ง แมนฯ ยูไนเต็ด สามารถทำรายได้ในช่วง 3 เดือนแรกของซีซั่นนี้ไป 135.4 ล้านปอนด์ (ประมาณ 5,145.2 ล้านบาท) ซึ่งถ้าเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของฤดูกาลก่อนก็ถือว่าเพิ่มขึ้น 400,000 ปอนด์ (ประมาณ 15.20 ล้านบาท) แถมรายได้ด้านการตลาดก็เพิ่มขึ้น 5.9 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับ 3 เดือนแรกของฤดูกาลที่แล้ว จนกลายเป็น 80.4 ล้านปอนด์ (ประมาณ 3,055.2 ล้านบาท) ด้วย

    อย่างไรก็ตาม "ปีศาจแดง" ก็คาดว่าพอจบฤดูกาลนี้แล้วนั้น รายได้ประจำปี 2020 ของพวกเขาก็จะลดจากเดิม 627.1 ล้านปอนด์ (ประมาณ 23,829.8 ล้านบาท) ไปเหลือราว 560-580 ล้านปอนด์ (ประมาณ 21,280-22,040 ล้านบาท) ซึ่งสาเหตุสำคัญเป็นเพราะพวกเขาไม่ได้สิทธิ์เล่น ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในซีซั่น 2019-20 โดยการอดเล่นศึกชิงแชมป์ระดับสโมสรที่ใหญ่ที่สุดในทวีปยุโรปมันทำให้พวกเขามีรายได้ด้านลิขสิทธิ์การถ่ายทอดเกมการแข่งขันลดลงถึง 9.9 ล้านปอนด์ (ประมาณ 376.2 ล้านบาท)