สิ้นเสียงนกหวีดในวันเสาร์ที่ 23 พ.ย.ที่ผ่านมา ปรากฏว่า โยโกฮามา เอฟ มารินอส บุกชนะ มัตซึโมโตะ ยามากะ 1-0 เก็บเพิ่มเป็น 64 คะแนน แซง เอฟซี โตเกียว 1 แต้ม หลังเปิดบ้านเสมอ โชนัน เบลมาเร่ 1-1 ขึ้นไปเป็นจ่าฝูงทันที ขณะที่เหลือโปรแกรมในการฟาดแข้งกันทั้งหมดเพียงแค่ 2 แมตช์เท่านั้น
    ณ ตอนนี้ การลุ้นแชมป์เหลือเพียงแค่ 3 ทีมเท่านั้น นั่นคือ โยโกฮามา เอฟ. มารินอส (64 คะแนน), เอฟซี โตเกียว (63 คะแนน) และ คาชิมา แอนท์เลอร์ส (60 คะแนน) ซึ่งสถานการณ์จากนี้ไปเกิดขึ้นได้ทั้งนั้น อยู่ที่ว่าสมาธิของใครจะดีกว่ากัน

    เริ่มกันที่ โยโกฮามา เอฟ. มารินอส นัดต่อไป จะออกไปเยือน คาวาซากิ ฟรอนตาเล่ แชมป์เก่า 2 สมัย ในวันที่ 30 พ.ย.นี้ และเกมสุดท้ายกลับไปเปิด นิสสัน สเตเดี้ยม รับมือ เอฟซี โตเกียว ซึ่งคาดว่า น่าจะเป็นนัดตัดสินแชมป์ลีกสูงสุดญี่ปุ่นเวอร์ชั่น 2019 วันที่ 7 ธ.ค. ทั้งสองเกมเล่นตามเวลาไทย 12.00 น.

    การออกไปเยือน คาวาซากิ ฟรอนตาเล่ นับว่าเป็นงานที่ยากของ "บุญจัง" และพวกพ้อง เพราะหญ้าสนามของแชมป์เก่า 2 สมัย ได้ขึ้นชื่อว่ามีการตัดสั้น แต่อยู่ที่ 20-30 มิลลิเมตร ตามที่ฟีฟ่ากำหนดเอาไว้ แถมก่อนแข่งยังมีการฉีดน้ำเพื่อให้การเดินทางของลูกบอลแบบเท้าสู่เท้าตามที่พวกเขาถนัด เพิ่มประสิทธิภาพความเร็วอีกด้วย
 
    อีกทั้งผลงานการไปเยือนที่ คาวาซากิ โทโดริ สเตเดี้ยม ของ มารินอส ไม่ค่อยจะสู้ดีนักในช่วง 4 เกมที่ผ่านมา เพราะชนะหนสุดท้ายเกิดขึ้นในปี 2015 โดยบุกไปอัด 1-0 แต่จากนั้นปี 2016 เสมอ 0-0 (ลูวาน คัพ), ปี 2016 แพ้ 2-3 (เจ ลีก), ปี 2017 แพ้ 0-3 (เจ ลีก) และปี 2018 แพ้ 0-2 (เจ ลีก)

    เรียกได้ว่าการเจอกัน 4 ครั้งหลังสุด เสมอ 1 แพ้ 3 และเป็นการปราชัยในสังเวียนของลีกสูงสุดญี่ปุ่นอีกด้วย ถึงกระนั้นฟอร์มในปี 2019 ยามลงเล่นใน คาวาซากิ โทโดริ สเตเดี้ยม ของแชมป์เก่า 2 สมัยซ้อน ก็ไม่ได้ดีอย่างที่คิด เพราะว่ามีการแพ้ไป 2 เกม คือ แพ้ กัมบะ โอซาก้า 0-1 กับ แพ้ วิสเซล โกเบ 1-2 โดยภาพรวมแล้ว ชนะ 5 เสมอ 9 แพ้ 2 ในบ้านตัวเองของปีนี้

    ถือว่าเป็นสถิติที่ โยโกฮามา เอฟ. มารินอส เอง ก็แอบหวังลึกๆว่า ถ้าสามารถเอาชนะได้ พร้อมกับลุ้นให้ เอฟซี โตเกียว เปิดบ้านแพ้รองแชมป์ เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก 2019 อย่าง อุราวะ เรด ไดม่อนส์ ในวันที่ 30 พ.ย.นี้

    หรือถ้าเสมอขึ้นมาแล้ว เอฟซี โตเกียว เสมอเหมือนกัน ช่องว่างก็ยังคงอยู่ที่ 1 คะแนน ก่อนตัดสินในเกมสุดท้าย วันที่ 7 ธ.ค.63 ที่ทั้งคู่ต้องมาพบกันเอง แต่ถ้า โยโกฮามา เอฟ. มารินอส แพ้ให้ คาวาซากิ ฟรอนตาเล่ และ เอฟซี โตเกียว เอาชนะ อุราวะฯ ขึ้นมา จะทำให้ยอดทีมจาก นิสสัน สเตเดี้ยม ตกลงมาเป็นอันดับ 2 ตามหลัง 2 แต้ม พร้อมกับกลายเป็น "ไฟน่อล แมตช์"นัดสุดท้ายที่สนุกไม่น้อย

    ขณะที่ คาชิมา แอนท์เลอร์ส ซึ่งมี 60 คะแนน ถ้าอยากจะเป็นแชมป์ เจ ลีก 2019 แบบว่าพลิกสถานการณ์ ก็คือ จะต้องเอาชนะ 2 เกมรวดหลังจากนี้ ไม่ว่าจะเป็น พบ วิสเซล โกเบ (ห) และ พบ นาโงยา แกรมปัส (ย) พร้อมลุ้นให้ โยโกฮามา เอฟ มารินอส กับ เอฟซี โตเกียว เสมอทั้ง 2 เกมสุดท้าย

    นั่นจะทำให้อดีตรองแชมป์สโมสรชิงแชมป์โลก 2016 มี 66 คะแนน จะเท่ากับ โยโกฮามา เอฟ มารินอส ทว่า คาชิมา แอนท์เลอร์ส จะได้แชมไปครอง เนื่องจากกฏของ เจ ลีก นั้น หากว่ามีแต้มเท่ากันจะมีการตัดสินด้วยเรื่องของลูกได้เสีย และไปดู เฮด ทู เฮด ก่อนไปนับใบเหลือง-แดง

    ถ้า โยโกฮามา เอฟ. มารินอส อยากจะเป็นแชมป์สมัยที่ 4 นับตั้งแต่การก่อตั้งของ เจ ลีก รอบ 28 ปี หลังเคยได้ก่อนหน้านี้ในปี 1995, 2003, 2004 และ ธีราทร บุญมาทัน จะกลายเป็นแข้งอาเซียนของสโมสรในรอบ 47 ปี ที่จะเถลิงบัลลังก์แชมป์ลีกสูงสุดของญี่ปุ่น หนทางเดียวก็คือต้องโฟกัสกับตัวเอง ในการชนะรวดทั้งสองเกม
 
    หากทำได้ จะกลายเป็นปีที่เมืองโยโกฮามา มีความสุขอย่างแน่นอน เพราะว่าทีมน้องเล็กอย่าง โยโกฮาม่า เอฟซี ที่มี ชุนสุเกะ นากูมูระ ในวัย 41 กะรัต ที่ย้ายมาร่วมทีมในช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ผนึกกำลังกับ คาซูโยชิ มิอุระ หรือ "คิงคาซู" ยอดแข้งในวัย 52 ปี ตีตั๋วกลับไปเล่นในลีกสูงสุดเป็นครั้งแรกในรอบ 12 ปี หลังจากที่พวกเขาเคยเล่นในเจ 1 ลีกตั้งแต่เมื่อปี 2007