อากิระ นิชิโนะ กุนซือชาวญี่ปุ่น ตกลงต่อสัญญาคุมทีมชาติไทยเรียบร้อย พร้อมปรับเปลี่ยนทีมงานสต๊าฟฟ์โค้ช โดยคาดรับค่าเหนื่อยสูงสุดในประวัติศาสตร์โค้ชช้างศึก เตรียมตั้งโต๊ะเซ็นและแถลงทางการร่วมกันวันศุกร์ 24 ม.ค นี้
   อดีตกุนซือทีมชาติญี่ปุ่น ทำผลงานเป็นที่ประทับใจของทางบอร์ดบริหารสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย นับตั้งแต่เข้ามากุมบังเหียน "ช้างศึก" ทั้งชุดใหญ่ และ ยู-23 เมื่อปีที่แล้ว และภายหลังจากจบทัวร์นาเม้นท์ชิงแชมป์เอเชียของรุ่น ยู-23 ที่ไทยเข้าถึงรอบแปดทีมสุดท้ายได้สำเร็จเป็นครั้งแรก ทางสมาคมฯ โดย พล.ต.อ.ดร.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมฯ ก็ได้มีการเจรจากับ นิชิโนะ ณ ที่ทำการสมาคมฯ ถึงเรื่องการต่อสัญญาใหม่เมื่อช่วง 11.00 น. ของวันพุธที่ 22 ม.ค. 63 แทนฉบับเดิมที่มีอายุถึงสิ้นเดือนนี้

   ภายหลังการเจรจาราว 2 ชั่วโมงกว่า ทาง "บิ๊กอ๊อด" ได้ออกมายืนยันว่า มีการบรรลุข้อตกลงเรียบร้อยแล้ว และเตรียมแถลงอย่างเป็นทางการในวันศุกร์ที่ 24 ม.ค.63 นี้ โดยระบุว่า "เราบรรลุข้อตกลงในการต่อสัญญาฉบับใหม่กับ อากิระ นิชิโนะ ไปอีก 2 ปี หลังจากสัญญาเดิมเตรียมที่จะหมดลงในเร็ววันนี้ ซึ่งจะมีการเซ็นกันที่ ส.บอล ในวันศุกร์ที่ 24 ม.ค.นี้ เวลา 10.00 น. ส่วนเรื่องของค่าเหนื่อยเราคงจะไม่มีการเปิดเผย เพราะเป็นเรื่องของการให้เกียรติระหว่างเราและเขา"

   พร้อมกันนี้ "บิ๊กอ๊อด" ยังบอกอีกว่า "เราเชื่อว่าผลงานที่ผ่านมาของเขาตอบโจทย์ให้กับทุกคนได้ทราบอยู่แล้ว ทั้งชุด ยู 23 ปี และชุดใหญ่ ซึ่ง อากิระ นิชิโนะ ยังไม่ได้บอกว่าจะเอาสตาฟฟ์คนใดมา แต่เขาต้องการเพิ่มโค้ชฟิตเนสจากญี่ปุ่น รวมทั้งโค้ชผู้รักษาประตูที่ร่วมงานกันมาในทีมอายุไม่เกิน 23 ปี อย่าง อัมรินทร์ เยาว์ดำ"

   ทั้งนี้ ในส่วนของรายละเอียดสัญญา มีการเปิดเผยเพียงระยะเวลาที่ระบุไว้ 2 ปี ขณะที่ตัวเลขค่าตอบแทน มีการคาดหมายกันว่า น่าจะมีการปรับให้สูงกว่าเดิมราว 3 ล้านบาทกลายเป็นตกปีละ 33 ล้านบาท หรือราว 2.75 ล้านบาทต่อเดือน เท่ากับว่า สัญญาฉบับนี้ของ นิชิโนะ มีมูลค่าสูงถึง 66 ล้านบาทเลยทีเดียว อันจะทำให้เขากลายเป็นเฮดโค้ชทีมชาติไทยที่ได้รับค่าตอบแทนการทำงานสูงที่สุดเท่าที่เคยมีมา

   สำหรับ นิชิโนะ เริ่มงานกับ ยู-20 ญี่ปุ่น (ปี 1990-1991), ยู 23 (ปี 1993-1994), ชุดใหญ่ (ปี 1996-1997, 2015-2016, 2017-2018), คาชิวา เรย์โซล (ปี 1997-1998), กัมบะ โอซาก้า (ปี 2001-2002), วิสเซล โกเบ (ปี 2011-2012), นาโงยา แกรมปัส (ปี 2013-2014) และ ทีมชาติไทย (ปี 2019-ปัจจุบัน)

   ส่วนผลงานของเขากับทีมชุดใหญ่ไทย ผ่านการลงเล่นฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบสอง กลุ่ม จี ผลงานประกอบด้วย เสมอ เวียดนาม 0-0 (ห), ชนะ อินโดนีเซีย 3-0 (ย), ชนะ ยูเออี 2-1 (ห), แพ้ มาเลเซีย 1-2 (ย) และ เสมอ เวียดนาม 0-0 (ย) เก็บไป 8 คะแนน อยู่ที่ 3 ของตารางในเวลานี้

   ขณะที่ทีมอายุไม่เกิน 23 ปี ทำศึกเอเอฟซี ยู 23 ชิงแชมป์เอเชีย 2020 รอบแรก กลุ่ม เอ ชนะ บาห์เรน 5-0, แพ้ ออสเตรเลีย 1-2, เสมอ อิรัก 1-1 ผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้าย สร้างประวัติศาสตร์เป็นครั้งแรกของทีมในรอบ 4 ปี ก่อนที่แพ้ ซาอุดิอาระเบีย หวุดหวิด 0-1 พร้อมคำชื่นชมจากแฟนๆ ที่เห็นพัฒนาการจากการตกรอบ ซีเกมส์ ที่ ฟิลิปปินส์