ร่นระยะเวลา "หงส์แดง" ! เปิด 4 ประเด็น สเปอร์ส ดับซ่า แมนซิตี้
Posted 03/02/2020 by siamsport
ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ โชว์ฟอร์มเก่งบวกเฮงในแมตช์เปิดบ้านดับซ่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 2-0 เกมพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 2 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ส่งผลให้ตอนนี้ "ไก่เดือยทอง" มีลุ้นที่จะติดท็อปโฟร์ ขณะที่ "เรือใบสีฟ้า" แทบจะปิดประตูลุ้นคว้าแชมป์ลีก 3 สมัยติดต่อกัน
แมตช์นี้มีเรื่องให้ต้องพูดถึงกันเยอะมากในช่วงครึ่งแรกทั้งจังหวะการทำฟาวล์อย่างรุนแรงของ ราฮีม สเตอร์ลิง ใส่ เดเล่ อัลลี่ แต่โดนแค่ใบเหลือง ขณะที่การเป่าจุดโทษล่าช้าถึง 2 นาทีจนเป็นเหตุให้เกิดคำถามมากมายเกี่ยวกับเรื่องมาตรฐานการใช้ "วีเออาร์"
อย่างไรก็ตามแมตช์นี้ "เฮียมู" ได้แสดงให้เห็นถึงกึ๋นและความเขี้ยวรากดินในการเล่นแผนรถบัส ซึ่งทำเอาเกมบุกของ แมนฯ ซิตี้ ที่แม้จะสร้างโอกาสได้มากมาย แต่ดันเล่นกันแบบรนรานจนยิงพลาดเป้าไปหลายต่อหลายครั้ง สวนทางกับเจ้าบ้านที่มีโอกาสยิงเข้าเป้า 2 ครั้งและได้ 2 ประตู
1. ปีกดัตช์เปิดตัวสวย
นักฟุตบอลทุกคนย่อมอยากจะทำผลงานให้ดีที่สุดเมื่อได้ย้ายมาเล่นให้กับสโมสรใหญ่ โดย สตีเว่น เบิร์กไวจ์น ก็เช่นกัน เพราะเจ้าตัวเพิ่งจะมาเล่นให้ "ไก่เดือยทอง" เมื่อช่วงตลาดพ่อค้าแข้งฤดูหนาวที่ผ่านมาเท่านั้น แต่ได้รับความไว้วางใจจาก มูรินโญ่ ให้ลงตัวจริง
แน่นอนว่าการได้ลงเล่นตัวจริง ทั้งๆ เพิ่งจะย้ายจาก พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น มาร่วมทีมในช่วงโค้งสุดท้ายตลาดนักเตะรอบ 2 ถือว่า เบิร์กไวจ์น ต้องมีของดีมากพอ ไม่งั้น "เฮียมู" ไม่กล้าใช้งานทันที และเจ้าตัวก็ไม่ทำให้ผิดหวังเมื่อพิสูจน์ศักยภาพด้วยการซัดประตูสุดสวยให้ทีมขึ้นนำ "เรือใบสีฟ้า"
ต้องยอมรับว่าการได้ ปีกอนาคตไกลชาวดัตช์ มาเสริมแกร่งช่วยทำให้ สเปอร์ส มีเกมรุกที่น่ากลัวมากขึ้น กอปรกับการมีแข้งเก่งๆ อย่าง โจวานนี่ โล เซลโซ่, แฮร์รี่ วิงค์ส, เดเล่ อัลลี่ และ ตองกีย์ เอ็นดอมเบเล่ ยิ่งทำให้ มูรินโญ่ มีขุมกำลังที่แน่นปึ้กในแดนกลาง
2. ดราม่า วีเออาร์
ในครึ่งแรกต้องยอมรับว่ามีประเด็นให้พูดถึงเยอะมากจากระบบ "วีเออาร์" (VAR) โดยเริ่มตั้งแต่นาที 12 หลัง ราฮีม สเตอร์ลิง พุ่งเข้าเสียบแบบเปิดปุ่มสตั๊ดใส่ เดเล่ อัลลี่ อย่างไรก็ตาม ไมค์ ดีน เช็กรายละเอียดต่างๆ กับห้องวีเออาร์แล้วว่าถึงความเป็นไปได้ที่จะแจกใบแดงหรือไม่ สุดท้าย สตาร์แมนฯ ซิตี้ ดวงเฮงได้รับแค่ใบเหลืองเท่านั้น
จากนั้นก็เกิดประเด็นถกเถียงกันอีกครั้ง โดยเป็นเหตุการณ์ในนาที 37 เมื่อ แซร์ช โอริเย่ร์ สกัด เซร์คิโอ อเกวโร่ ล้มลงในเขตโทษ แต่ท่านเปาผายมือให้เล่นต่อไป อย่างไรก็ตามหลังจากเกมผ่านไป 2 นาที ห้องควบคุมวีเออาร์ ได้ส่งสัญญาณมาหา ดีน ทำให้ต้องหยุดเกมเพื่อทำการตรวจเช็คจังหวะปัญหาอย่างละเอียด สุดท้าย ดีน เป่าให้ แมนฯ ซิตี้ ได้จุดโทษ เนื่องจากมองว่า โอริเย่ร์ ไปเข้าเสียบด้านหลัง "กุน" ก่อนถึงบอล จนเป็นเหตุให้สตาร์ดาวยิงชาวอาร์เจนไตน์ ล้มกลิ้ง
ในจังหวะดังกล่าวได้เกิดคำถามขึ้นมาว่าทำไม ศูนย์กลางระบบอยู่ที่สต็อคลี่ย์ พาร์ค ถึงต้องใช้เวลานานขนาดนั้นในการแจ้งเรื่องจุดโทษ ? แล้วลองคิดในมุมที่แย่กว่านี้ก็คือหากเกมเล่นต่อเนื่องไม่หยุดเพราะบอลไม่ตาย แล้วดันกลายเป็นว่า แมนฯ ซิตี้ยิงประตูได้ ? ท่านเปาจะกลับมาให้จุดโทษอีกไหม ? แล้วหากตอนนั้น "ไก่เดือยทอง" ได้ประตูละมันจะเป็นยังไง ? บอกเลยว่าคงวุ่นวายสุดๆ
เดชะบุญที่สวรรค์ไม่ทำให้มีเรื่องดราม่ามากเกินไป เมื่อ อูโก้ โยริส สามารถป้องกันจังหวะการยิงของ อิลคาย กุนโดกัน ได้ แม้จังหวะต่อมา สเตอร์ลิง จะสปีดไปแตะบอลแล้วล้มลงแต่ผู้ตัดสินก็ไม่ว่าอะไร ขณะที่ โกลเลือดเฟร้นช์ วิ่งไปต่อว่า ดาวเตะเลือดผู้ดี เจตนาพุ่งเอาจุดโทษจนเกิดการกระทบกระทั่งกัน ก่อนที่ท้ายสุดวีเออาร์จะยืนยันไม่ให้จุดโทษ
จากจุดนี้ก็มีคำถามเกิดขึ้นอีกว่าในเมื่อไม่ใช่จังหวะฟาวล์ งั้นก็แปลว่า สเตอร์ลิง เจตนาพุ่งล้ม ? ซึ่งหากเป็นในกรณีนี้นั่นหมายความว่า อดีตดาวเตะ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล จะต้องโดนใบเหลืองที่สองเป็นใบแดง แต่สุดท้ายเรื่องดราม่าทั้งหมดไม่มีผลกระทบต่อผลการแข่งขันในเกมนี้
กระนั้น วีเออาร์ ยังคงเป็นประเด็นให้ต้องพูดคุยกันอีกเยอะ เกี่ยวกับมาตรฐานในการตัดสิน และจำเป็นต้องมีการปรับปรุงให้เกิดความยุติธรรมที่สุด
3. สเปอร์ส ไล่บี้ท็อปโฟร์
การคว้า 3 คะแนนในเกมนี้มีผลต่อขวัญกำลังใจของแฟนบอล ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ อย่างมาก เพราะนั่นหมายความว่าพวกเขาตามหลัง เชลซี ทีมอันดับ 4 เพียงแค่ 4 แต้มเท่านั้น ทำให้โอกาสที่จะลุ้นคว้าตำแหน่งท็อปโฟร์ เพื่อชิงตั๋วใบสุดท้ายโควตายูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เริ่มสดใสมากขึ้น
สำหรับตอนนี้ สเปอร์ส ขึ้นมารั้งอันดับ 5 โดยมี 37 คะแนน ต้องบอกเลยว่าเป็นการหายใจรดต้นคอทีมของกุนซือแฟร้งค์ แลมพาร์ด อย่างมาก ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นก็คือทั้งสองทีมมีคิวต้องทำศึกลอนดอน ดาร์บี้แมตช์ ที่สนามสแตมฟอร์ด บริดจ์ เกมพรีเมียร์ลีก วันที่ 22 กุมภาพันธ์นี้ และหาก "ไก่เดือยทอง" บุกไปตีปีกดับซ่า "สิงห์บูลส์" ค่าถิ่น งานนี้อันดับท็อปโฟร์ อาจจะเปลี่ยนมือก็ได้
ในเวลานี้ต้องยอมรับว่า สเปอร์ส ฟอร์มค่อยๆ กลับมาดีขึ้นเรื่อยๆ ที่สำคัญเมื่อมองจากประสบการณ์ของ มูรินโญ่ ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวกับทีมระดับบิ๊กๆ ในลีกชั้นนำยุโรปทั้งใน อิตาลี, อังกฤษ และ สเปน มาแล้ว ต้องบอกว่าเหนือกว่า แลมพาร์ด ที่เพิ่งจะได้ลิ้มลองการคุมทีมลุยเกมพรีเมียร์ลีก ครั้งแรกเท่านั้น
ฉะนั้นในช่วง 13 เกมสุดท้ายถือว่าสำคัญมากๆ ในการขับเคี่ยวแย่งชิงอันดับ 4 กันอย่างเข้มข้น แต่หากมองจากประสบการณ์แล้ว "เฮียมู" เหนือกว่า แลมพาร์ด, โอเล่ กุนนาร์ โซลชา (แมนฯ ยูไนเต็ด), นูโน่ เอสปิริโต้ ซานโต้ (วูล์ฟส์) และ คริส ไวล์เดอร์ (เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด)
4. (แทบ) ปิดประตูแชมป์ลีก 3 สมัยซ้อน
สำหรับตอนนี้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มีแต้มตามหลัง ลิเวอร์พูล 22 คะแนนจากการแข่งไปแล้ว 25 เกม แน่นอนว่าหากมองกันเชิงทฤษฏีและตัวเลขยังมีเกมให้ลงเล่นอีก 13 แมตช์ ฉะนั้นทุกอย่างยังสามารถเกิดขึ้นได้ แต่หากมองในเชิงปฏิบัติแต้มห่างขนาดนี้แทบมองไม่เห็นโอกาสที่ "เรือใบสีฟ้า" จะแซง "หงส์แดง" ได้เลย
เมื่อคำนวณสถานการณ์ในเวลานี้ ลิเวอร์พูล ต้องการแค่ชัยชนะอีก 6 เกมจาก 13 แมตช์ พวกเขาจะมี 91 แต้ม เพียงพอที่จะคว้าแชมป์ลีกสูงสุดเมืองผู้ดีเป็นสมัยแรกในรอบ 3 ทศวรรษได้ทันที เพราะต่อให้ แมนฯ ซิตี้ เก็บชัยชนะทั้งหมด 13 เกมก็ทำได้แค่ 90 แต้มเท่านั้น
ที่สำคัญ "หงส์แดง" มีโควตาสามารถสะดุดแพ้ได้ถึง 7 เกม ซึ่งเมื่อมองจากโปรแกรมก่อนจะดวลกับ แมนฯ ซิตี้ ต้องบอกเลยว่า ทีมของเจอร์เก้น คล็อปป์ เจอคู่แข่งไม่หนัก เมื่อเทียบกับโปรแกมของ "เรือใบสีฟ้า" ที่ต้องไปเยือนทั้ง เลสเตอร์ ซิตี้, แมนฯ ยูไนเต็ด และเชลซี บอกเลยว่าสาหัสเหลือเกิน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
ปืนหงอย-ไก่จมเรือ-ยูเว่เฮ-บาร์ซ่าแค่เบียด สรุปผลบอลต่างประเทศ
สรุปผลฟุตบอลต่างประเทศ เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 2 กุมภาพันธ์ 2563 ที่ผ่านมาเปิด 6 เกมที่อาจนำ ลิเวอร์พูล เถลิงแชมป์พรีเมียร์ลีก
สำหรับตอนนี้สาวก "เดอะ ค็อป" เริ่มวาดฝันถึงการคว้าแชมป์ลีกสูงสุดเมืองผู้ดีสมัยแรกในรอบ 30 ปี หลังจากที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แพ้ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ 0-2 เมื่อวันอาทิตย์ที่ 2 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ส่งผลให้ตอนนี้ ลิเวอร์พูล ต้องการชัยชนะ 6 เกมจาก 13 แมตช์ ก็เพียงพอที่จะได้แชมป์พรีเมียร์ลีก ในฤดูกาลนี้เบิร์กไวจ์นซัดเปิดซิง! สเปอร์สเจ๋งทุบแมนซิตี้10คนส่งหงส์ฉลองแชมป์เร็วขึ้น
"เรือใบสีฟ้า" พลาดทั้งจุดโทษ แถมต้องเหลือแค่ 10 คนก่อนจะโดน "ไก่เดือยทอง" ที่ตัวมากกว่าโหมโจมตีไล่จิกเอาชนะไปได้ 2-0 จาก สตีเว่น เบิร์กไวจ์น แข้งใหม่ป้ายแดงที่ซัดประเดิมสนาม ก่อน ซน ฮึง มิน จะหวดปิดกล่องพา สเปอร์ส คว้าสามแต้มแซงทั้ง "ปีศาจแดง" และดาบคู่ขึ้นไปรั้งอันดับ 5 ส่วนลูกทีมของเป๊ปตามหลัง "หงส์แดง" สุดกู่ 22 แต้ม ในเกมพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมาสนาม : ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร...สเปอร์สลุ้นขึ้นท็อปไฟว์! 'ซน' นำโป้ง,แมนซิตี้เต็มสูบ 'อเกวโร่' พร้อมตะบัน
"ไก่เดือยทอง" สเปอร์ส หากคว้าชัยมีโอกาสขยับขึ้นไปรั้งที่ 5 ของตารางคะแนนโดยเตรียมส่ง ซน ฮึง-มิน ลงล่าตาข่ายเกมรับคม "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ รองฝูงที่มี เซร์คิโอ อเกวโร่ พร้อมปิดสกอร์ ในศึกฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ วันอาทิตย์ที่ 2 ก.พ. ศกนี้ ถ่ายทอดสด : True Premier HD 1, เวลา : 23.30 น. ปรีวิวฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ วันอาทิตย์ที่ 2 กุมภาพันธ์ 2563 สเปอร์ส - แมนฯซิตี้ ถ่ายทอดสด : True Premier HD 1, เวลา : 23.30 น.
TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน
อัลบั้มภาพเด็ดๆ
มาย ฮาเร็ม ส่งภาพเขย่าโซเชียล นุ...
เจนนี่ ธมนภัค พริตตี้สุดฮอต นุ่ง...
ฮาน่า ฮาอึน ชอง ดาว TikTok สาวสว...
นาฟ ฉัฐนันท์ ปล่อยแซ่บท้าลมหนาว ...
เต็มที่แล้ว! ไทย พ่าย อุซเบกิสถา...
ตัดเกรด นักเตะไทย เกมเสมอ โอมาน ...
คลิปไฮไลท์