เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นลามไปถึงวงการฟุตบอล โดยในประเทศอังกฤษทั้ง เอวานเจลอส มารินาคิส เจ้าของทีม น็อตติ้่งแฮม ฟอเรสต์ ควบกับ โอลิมเปียกอส,มิเกล อาร์เตต้า ผู้จัดการทีม อาร์เซน่อล และ คัลลั่ม ฮัดสัน-โอดอย ปีก เชลซี ต่างก็ได้รับการยืนยันว่าติดเชื้อนี้แล้ว ขณะที่ในอิตาลี ดานิเอเล่ รูกานี่ กองหลัง ยูเวนตุส กับ มาโนโล่ กับเบียดินี่ กองหน้า ซามพ์โดเรีย ก็ป่วยเพราะเชื้อนี้ ส่วนใน เยอรมนี, สเปน และ ฝรั่งเศส ถึงแม้จะยังไม่มีคนดังของวงการฟุตบอลติดเชื้อนี้ แต่มันก็มีการดำเนินมาตรการบางอย่างเพื่อรับมือกันไปแล้ว

    สถานการณ์ในตอนนี้มันถึงขั้นมีการมองกันว่าอาจจะถึงขั้นต้องตัดจบฤดูกาลนี้เลย ไม่ใช่แค่พักชั่วคราว ส่วนเรื่องแชมป์กับทีมตกชั้นก็มีการคุยกันหลายแบบ ทั้งการไม่ต้องมอบแชมป์หรือตัดสินให้ทีมการตกชั้นใดๆ ทั้งนั้น, การตัดสินทีมแชมป์และทีมตกชั้นตามผลงานในตอนนี้เลย และการเล่นเพลย์ออฟแบบพิเศษ

    ทั้งนี้ ไม่ว่าจะในรูปแบบไหน มันก็ทำให้เกิดข้อพิพาทกันอย่างมาก อย่างใน พรีเมียร์ลีก อังกฤษ จริงอยู่ว่า ลิเวอร์พูล น่าจะได้แชมป์อยู่แล้ว เพราะนำห่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่เป็นอันดับ 2 ถึง 25 คะแนน แต่ด้านอื่นๆ ก็ยังขับเคี่ยวกันอย่างสูสี อย่างเช่นการชิงอันดับ 4 ที่ช่องว่างระหว่าง เชลซี เจ้าของอันดับ 4 ในปัจจุบัน กับ อาร์เซน่อล ทีมในอันดับ 9 ห่างกันเพียง 8 คะแนน และการหนีตกชั้นที่ นอริช ซิตี้ ทีมในอันดับสุดท้าย อยู่ห่างจากโซนปลอดภัยเพียง 6 แต้ม

    ส่วนใน บุนเดสลีกา บาเยิร์น มิวนิค ก็มีแต้มมากกว่า โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ทีมในอันดับ 2 เพียงแค่ 4 คะแนนเท่านั้น ยังไม่รวมถึง แอร์เบ ไลป์ซิก ที่ยังตามหลัง "เสือใต้" เพียง 5 คะแนนอีก แถมการแย่งท็อปโฟร์ก็ยังขับเคี่ยวกันอย่างสูสี อย่าง เลเวอร์คูเซ่น ที่เป็นอันดับ 5 ก็มีคะแนนน้อยกว่า ไลป์ซฺก เพียงแค่ 3 คะแนน ด้านการหนีตกชั้นก็ยังมี ฟอร์ทูน่า ดุสเซลดอร์ฟ ทีมในอันดับ 16 ซึ่งเป็นโซนที่ต้องเล่นเกมเพลย์ออฟหาทีมเลื่อนชั้น-ตกชั้น ที่ตามหลัง ไมน์ซ 4 แต้ม

    ลา ลีกา สเปน เองก็ยังต้องดูกันไปแบบนัดต่อนัด เพราะตอนนี้ บาร์เซโลน่า ที่เป็นจ่าฝูง มีคะแนนมากกว่า เรอัล มาดริด เพียงแค่ 2 คะแนน ส่วนทีมที่แย่งท็อปโฟร์กันก็มีแต้มเกาะกันสุดๆ โดย เซบีย่า ที่เป็นอันดับ 3 มีคแนนมากกว่า บาเลนเซีย ทีมในอันดับ 7 เพียงแค่ 5 แต้มเท่านั้น ขณะที่การลุ้นหนีตกชั้นก็ยังต้องลุ้นหนักพอๆ กัน โดย เอสปันญ่อล ทีมที่จมบ๊วยนในตอนนี้ ตามหลัง เซลต้า บีโก้ ทีมในโซนปลอดภัยเพียง 6 แต้ม

   ด้าน กัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี ก็ดุเดือดไม่แพ้กัน เพราะ ยูเวนตุส นำหน้า ลาซิโอ ที่เป็นรองจ่าฝูงเพียงแค่ 1 คะแนนเท่านั้น ขณะที่ อินเตอร์ มิลาน แม้ว่าจะตามหลัง "เบียงโคเนรี่" 9 แต้ม แต่พวกเขาก็ยังหวังลุ้นแชมป์ลึกๆ อยู่ ส่วน อาแอส โรม่า ที่เป็นอันดับ 5 ก็ต้องการแย่งอันดับ 4 มาจาก อตาลันต้า ให้ได้ โดยช่องว่างระหว่างทั้งคู่ก็อยู่ที่ 3 คะแนน และถ้ามองไปที่กลุ่มหนีตกชั้น มันก็จะเห็นว่า เลชเช่ ทีมในอันดับ 18 ก็มีคะแนนเท่ากับ เจนัว ทีมในอันดับ 17 ซึ่งเป็นโซนปลอดภัยเลย

   ส่วน ลีก เอิง ฝรั่งเศส แม้ว่า ปารีส แซงต์-แชร์กแมง น่าจะจองแชมป์ได้อีกสมัย จาการที่มีแต้มมากกว่า โอลิมปิก มาร์กเซย ทีมในอันดับ 2 อยู่ถึง 12 คะแนน แต่ถ้าตัดจบฤดูกาลในตอนนี้โดยที่ให้แชมป์หรือโควตาเล่นถ้วยยุโรปตามอันดับในปัจจุบันเลยมันก็คงทำให้ ลีลล์ โมโหพอตัว เพราะพวกเขาตามหลัง แรนส์ ทีมในอันดับ 3 ซึ่งเป็นโควตาสำหรับการได้เล่นรอบคัดเลือกของ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เพียงแค่ 1 คะแนน ส่วน นีมส์ ทีมในโซนที่ต้องไปเล่นเกมเพลย์ออฟหาทีมเลื่อนชั้น-ตกชั้น ก็ตามหลัง แซงต์-เอเตียน ทีมในโซนปลอดภัยเพียง 3 คะแนนเท่านั้น

   ดูแล้วไม่ว่าจะเลือกวิธีการทำให้ซีซั่นนี้เป็นโมฆะ, ให้แชมป์หรือสิทธิ์ต่างๆ ตามอันดับในตอนนี้ หรือเล่นเกมเพลย์ออฟ มันก็น่าจะทำให้มีฝ่ายที่ไม่พอใจอย่างมาก แต่ที่จริงมันมีวิธีที่แก้ได้ง่ายที่สุดอยู่

   นั่นคือการให้ศึก ยูโร 2020 ไปแข่งกันในปีหน้า

   สหพันธ์ฟุตบอลยุโรป (ยูฟ่า) ผุดไอเดียสุดอลังการตั้งแต่หลายปีก่อนแล้วว่าศึก ยูโร 2020 จะเป็นทัวร์นาเมนต์ที่เตะกันตามเมืองต่างๆ ทั่วทวีปยุโรป ให้มันคู่ควรกับการเป็น "ศึกชิงแชมป์ทวีปยุโรป" อย่างแท้จริง เพราะมันจะเป็นการครบรอบ 16 ปีของรายการนี้พอดี

   แน่นอนว่ามันมีการลงทุนไปเยอะมากๆ เพื่อที่จะให้ทัวร์นาเมนต์สุดอลังการนี้เกิดขึ้นให้ได้ และนั่นก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ ยูฟ่า ยังไม่ยอมสั่งเลื่อนการแข่งขันสักที ทั้งที่ชาติในทวีปยุโรปบางชาติที่โดนเชื้อโควิด-19 เล่นงานนั้น ก็เป็นชาติที่จะได้ร่วมจัด ยูโร 2020 ด้วย แม้ว่าเมืองที่มีคนติดเชื้อส่วนใหญ่ของชาตินั้นๆ กับเมืองที่ใช้จัดการแข่งขันจะเป็นคนละเมืองกันก็ตาม

   อย่างไรก็ตาม ถ้าเกิด ยูฟ่า ยอมเฉือนเนื้อของตัวเอง แล้วเลื่อนรายการนี้ไปแข่งกันในปีหน้า มันก็จะเป็นการเปิดทางให้ลีกต่างๆ รวมถึงรายการชิงแชมป์ระดับทวีปอย่าง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และ ยูฟ่า ยูโรปา ลีก พักการแข่งขันในตอนนี้ได้อย่างสบายใจ แล้วค่อยไปแข่งกันต่อในช่วงกลางปีถ้าหากสถานการณ์มันดีขึ้นได้

   จริงอยู่ว่าหากทำอย่างนั้นแล้วมันก็จะทำให้แต่ละทีมมีเวลาพักน้อยกว่าปกติ ก่อนที่จะทำศึกในฤดูกาล 2020-21 แต่มันก็คงเป็นผลกระทบที่หลายลีกและหลายทีมคงยอมรับแต่โดยดี อย่างน้อยมันก็คงดีกว่าการต้องเล่นแบบไม่มีคนดู หรือสั่งตัดจบฤดูกาลกลางคัน จนทำให้สปอนเซอร์ไม่พอใจ, ต้องจ่ายเงินชดเชยค่าลิขสิทธิ์การถ่ายทอด, อดค่าตั๋ว หรือทำให้ทีมที่เสียประโยชน์โมโห

   นี่คือภาวะวัดความเป็นผู้นำครั้งสำคัญของ ยูฟ่า ภายใต้การนำของ อเล็กซานเดอร์ เซเฟริน ประธานคนปัจจุบัน ถ้าพวกเขายอมเสียสละตัวเองเพื่อผลประโยชน์โดยรวมส่วนใหญ่แล้วล่ะก็ ยูฟ่า น่าจะได้รับการยกย่องจากหลายฝ่ายเลยทีเดียว