เรื่องดราม่าของ ลิเวอร์พูล หลังสโมสรออกมาประกาศพักงานพนักงานในทีม ทำให้เกิดกระแสแง่ลบจากอดีตผู้เล่นที่มองว่าการทำแบบนี้ทำให้เสื่อมเสียต่อภาพลักษณ์สโมสร

    จากสถานการณ์แพร่ระบาด โควิด-19 รัฐบาลอังกฤษมีมาตรการจ่ายเงินชดเชยให้กับลูกจ้างที่ไม่สามารถทำงานได้ โดยลูกจ้างเหล่านี้จะได้รับเงินค่าจ้าง 80% ของฐานเงินเดือนที่เคยได้รับ (สูงสุดไม่เกิน 2,500 ปอนด์ หรือราว 1 แสนบาท)

    หลายสโมสรใน พรีเมียร์ลีก อย่าง นิวคาสเซิล, สเปอร์ส, นอริช และ บอร์นมัธ สั่งพักงานลูกจ้างแล้วเลือกใช้โครงการนี้ของรัฐ

    ลิเวอร์พูล เป็นทีมล่าสุดที่ทำเช่นนั้น คำแถลงของสโมสร ระบุว่า "สโมสรยืนยันว่าพนักงานเหล่านั้นจะได้รับเงินเต็มจำนวน 100% ของค่าจ้าง เพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาจะไม่สูญเสียโอกาสทางการเงินไป"

    หมายความว่า พนักงานของ ลิเวอร์พูล ที่ถูกพักงานจะยังได้เงินเต็มจำนวนตามที่เคยได้รับ ซึ่งส่วนที่เหลือ 20%จากที่รัฐให้ สโมสรจะเป็นฝ่ายที่เติมเต็มให้เอง

    อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้มันแบ่งได้ 2 มุม ฝ่ายหนึ่งมองว่า ลิเวอร์พูล ดูใจสปอร์ตที่ควักเงินของตัวเองเพื่อให้ลูกจ้างเหล่านั้นยังได้รับเงินจำนวนเท่าเดิม

    มีเสียงชื่นชมว่า You'll never walk alone มันสมกับการเป็น ลิเวอร์พูล

    แต่ในมุมกลับกัน มีคำถามเกิดขึ้นว่า มาตรการนี้มีไว้เพื่อให้ธุรกิจที่ไม่มีเงินถุงถังประคองตัวรักษาสุขภาพการเงิน โดยตัดงบค่าจ้างพนักงานออกไป แล้วก็ให้รัฐเข้ามาช่วยคนเหล่านี้ มิใช่หรือ?

    แล้วทำไม ลิเวอร์พูล ซึ่งเป็นสโมสรที่มีการเงินดีเอามากๆ ลำบากจนถึงขั้นต้องทำแบบนี้ ทำไมถึงต้องสั่งพักงานลูกจ้างของตัวเอง?

    เจมี่ คาร์ราเกอร์ ไม่พอใจทีมเก่าเอามากๆ ประเด็นที่ คาร์ร่า กล่าวไว้คือการที่ ลิเวอร์พูล ทำแบบนี้มันดูแย่เกินไป และเป็นการสูญเสียความน่าเคารพต่างๆ ที่เคยมี

    "เจอร์เก้น คล็อปป์ แสดงให้เห็นถึงความอกเห็นใจทุกคนมาตลอด ตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นของการแพร่ระบาดเชื้อไวรัส ขณะที่บรรดานักเตะซีเนียร์ก็มีส่วนร่วมอย่างมากกับเรื่องลดค่าจ้างนักเตะในศึก พรีเมียร์ลีก แต่หลังจากนั้นความน่าเคารพนับถือ และความปรารถนาดีต่างๆ ที่มี กลับต้องหายไป ลิเวอร์พูล แย่มากจริงๆ "

    แดนนี่ เมอร์ฟี่ ถึงกับใช้คำว่า "พิสดาร" (grotesque) พร้อมชี้ว่าการตัดสินใจนี้ของผู้บริหารจะมีแต่เรื่องลบๆ ตามมา เพราะมาตรการนี้ไม่ได้มีไว้เพื่อให้ สโมสรพรีเมียร์ลีก ที่มีเงินพอเลี้ยงดูตูเองได้

    "มันพิสดารจริงๆ เพราะนโยบายนี้ไม่ได้มีขึ้นเพื่อมาใช้กับสโมสรในพรีเมียร์ลีก ที่มีเงินพอที่จะดูแลตัวเองได้"

    "ผมผิดหวังสุดๆ กับการตัดสินใจของ ลิเวอร์พูล เมื่อวานนี้(วันเสาร์) เพราะตรงกันข้ามกับมิตรภาพและควาเป็นหนึ่งเดียวที่เป็นที่ขึ้นชื่อของสโมสร โดยเฉพาะ 30 ปีหลังเหตุการณ์ ฮิลส์โบโร่"

    ดีทมาร์ ฮามันน์ เผยผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัว ว่ามันขัดกับคุณค่าของสโมสรที่ตัวเองรู้จัก

    "มันเป็นเรื่องน่าประหลาดใจ ที่เห็นข่าวนี้ ลิเวอร์พูล กำลังใช้ประโยชน์จากการพักงานเรียกร้องค่าจ้าง 80% ของพนักงานที่ไม่ได้เป็นผู้เล่น"

    "มันไม่ใช่โครงการที่ออกมาเพื่อทำแบบนี้ มันขัดกับศีลธรรมและคุณค่าของสโมสรที่ผมรู้จัก"

    สแตน คอลลีมอร์ ก็พูดอย่างตรงไปตรงมาว่า "ผมไม่รู้ว่าแฟนๆ ลิเวอร์พูล คนไหนจะยืนกรานว่าไม่มีอะไรน่าเกลียดไปกว่าที่สโมสรสั่งพักงานพนักงาน มันเป็นอะไรที่แย่จริงๆ "

    กระแสแง่งบที่ออกมา มันเหมือนกับว่า ลิเวอร์พูล ไปเอาเปรียบรัฐบาล หรือเปล่า ทั้งที่ตัวเองไม่ได้เดือดร้อนอะไรมากนัก

    ยกตัวอย่างเช่นว่า บริษัท ที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศ เกิดทำตามมาตรการนี้ สั่งพักงานลูกจ้างเพื่อลดภาระการเงินของตัวเอง แล้วไปดึงบประมาณของภาครัฐมาช่วยตรงส่วนนี้ แน่นอน บริษัทนี้ก็จะถูกกระแสวิจารณ์ในแง่ลบ และมีคนไม่เห็นด้วยเป็นส่วนใหญ่ เพราะตัวเองไม่ได้มีผลกระทบอะไรมากมายขนาดนั้น

    ซึ่งในส่วนแฟนบอล ลิเวอร์พูล เองคงผิดหวังที่สโมสรทำอะไรที่มันขัดกับจุดยืนและภาพลักษณ์ของทีมเอง ที่พยายามเน้นย้ำว่า คุณจะไม่มีวันเดินเดียวดาย

    ในมุมมองของสโมสร คงเลือกทางที่ดีที่สุด มันไม่ใช่การตัดขาดไร้เยื่อใย เพียงแค่เมื่อไหร่ที่ดีขึ้นก็ค่อยกลับมาเจอกันใหม่

    ลิเวอร์พูล ไม่ได้ทำผิดกฎหมายเมื่อมันคือ สวัสดิการจากภาครัฐที่พวกเขามีสิทธิ์ที่จะได้รับ