เอ็ด วู้ดเวิร์ด ผู้บริหารระดับสูงของ แมนฯ ยูไนเต็ด ออกมาบอกเองว่าหลังจบฤดูกาลนี้ "ปีศาจแดง" อาจจะไม่ได้ทุ่มเงินก้อนโตไปกับการเสริมทัพมากเหมือนกับครั้งก่อนๆ พร้อมบอกว่าถึงแม้มันจะต้องกลับมาเตะกันแบบปิดสนามแบบชั่วคราว แต่มันก็ยังไม่ใช่เกมฟุตบอลที่แท้จริง เพราะเกมลูกหนังจะสมบูรณ์แบบก็ต่อเมื่อมีแฟนบอลมาชมเกมในสนาม

    เอ็ด วู้ดเวิร์ด รองประธานบริหารของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สโมสรชั้นนำของศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ แย้มว่าทีมของตนอาจจะไม่ได้ทุ่มเงินก้อนโตไปกับการเสริมทัพในตลาดซื้อ-ขายนักเตะ ช่วงหลังจบฤดูกาล 2019-20 มากเหมือนกับที่ผ่านๆ มา

    ตลอดเวลาที่ผ่านมา แมนฯ ยูไนเต็ด มีข่าวการเสริมทัพกับแข้งชื่อดังหลายราย อย่างเช่น แฮร์รี่ เคน หัวหอก ท็อตแน่ม ฮ็ฮทสเปอร์ และ เจดอน ซานโช่ ปีกคนเก่งของ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ เป็นต้น ซึ่งแต่ละคนก็มีค่าตัวสูงทั้งนั้น จนทำให้เกิดการตั้งประเด็นว่า "ปีศาจแดง" จะทุ่มเงินซื้อแข้งเหล่านั้นได้จริงๆ รึเปล่า เพราะการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 มันทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด และทีมฟุตบอลหลายทีมทั่วโลกได้รับผลกระทบด้านการเงินอย่างมาก อย่างเช่นการขาดรายได้ในวันที่มีการแข่งขัน และการต้องยกเลิกทัวร์เล่นเกมอุ่นเครื่องในต่างแดน เป็นต้น

    วู้ดเวิร์ด กล่าวระหว่างที่ร่วมงานประชุมของแฟนบอล แมนฯ ยูไนเต็ด ซึ่งจัดขึ้นแบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ว่า "มันช่วยไม่ได้ที่ผมจะรู้สึกว่าข่าวลือเกี่ยวกับการย้ายทีมของนักเตะในราคาระดับหลายล้านปอนด์ที่อาจจะเกิดขึ้นในช่วงซัมเมอร์นี้มันดูเหมือนว่าจะมองข้ามความเป็นจริงที่กำลังเกิดขึ้นกับวงการกีฬาอยู่ ไม่ควรจะมีใครก็ตามที่มองไม่เห็นความจริงเกี่ยวกับความท้าทายที่ทุกคนในวงการฟุตบอลกำลังเผชิญอยู่ และในตลาดการเสริมทัพช่วงซัมเมอร์นี้น่ะ การเสริมทัพมันอาจจะไม่เหมือนกับตลาดทั่วๆ ไปสำหรับทุกทีม ซึ่งนั่นรวมถึงเราด้วย"

    "แน่นอนว่าสิ่งที่เราให้ความสำคัญมากที่สุดยังเป็นความสำเร็จของทีมอยู่ แต่เราจำเป็นต้องมองถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นกับทั่วทั้งวงการก่อนที่จะพูดถึงการกลับมาดำเนินเรื่องต่างๆ ตามปกติได้ อย่างเช่นเรื่องช่วงเวลาของการเสริมทัพ และเรื่องด้านการเงินในภาพรวมที่กว้างกว่าปกติ"

    "เราเองก็เหมือนกับพวกคุณที่อยากเห็นทีมกลับมาลงเล่นในสนามให้เร็วที่สุดทันที่ได้รับคำแนะนำแล้วว่ามันจะปลอดภัยสำหรับการเล่น เราหวังว่าจะเล่นฤดูกาลนี้ให้จบ ตอนที่ลีกถูกสั่งพักการแข่งขันน่ะ เรากำลังโชว์ฟอร์มได้ดีจนยังมีลุ้นทำผลงานให้ออกมาสวยทั้งใน พรีเมียร์ลีก, ยูโรปา ลีก และ เอฟเอ คัพ"

    "เราคุยกับองค์กรต่างๆ เกี่ยวกับเรื่องที่ว่ามันจะกลับมาเตะกันได้เมื่อไหร่ และมันจะทำแบบนั้นได้ยังไงอย่างต่อเนื่อง เราจะยังเข้าร่วมการประชุมครั้งนี้เพื่อคอยให้คำปรึกษาแฟนๆ อย่างต่อเนื่อง และแม้ว่ามันอาจจะต้องเล่นกันแบบไม่มีคนดูในสนามเป็นระยะเวลาสั้นๆ แต่เราทุกคนก็รู้ดีว่าฟุตบอลจะยังไม่กลับมาอยู่ในสภาพปกติแบบสมบูรณ์จนกว่าแฟนบอลจะสามารถเข้ามาชมเกมในสนามได้อีกครั้ง"