ยังมีของ? สถานีต่อไปของ "มาริโอ เกิทเซ่" จะเป็นที่ไหน
Posted 01/06/2020 by siamsport
มาริโอ เกิทเซ่ กองกลางของ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ซึ่งครั้งหนึ่งเขาเคยเป็นฮีโร่ของชาวเยอรมันหลังซัดประตูชัยในฟุตบอลโลกปี 2014 กำลังอยู่ในช่วงขาลงอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดเจ้าตัวออกมายืนยันแล้วว่าตัดสินใจที่จะลา ดอร์ทมุนด์ แบบฟรีๆ หลังจบซีซั่นนี้ แต่สโมสรต่อไปของเขาก็ยังไม่มีความชัดเจนเกิดขึ้น
“มันเป็นเรื่องที่โชคร้ายมากๆ พวกเรารู้ว่า มาริโอ เกิทเซ่ เป็นนักเตะที่มีพรสวรรค์เมื่อสมัยเป็นดาวรุ่ง ตอนนี้เขาอายุ 27 ปีแล้ว มันควรจะเป็นช่วงพีคที่สุดของอาชีพฟุตบอล”
นี่เป็นความเห็นของ บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ อดีตมิดฟิลด์ บาเยิร์น มิวนิค ที่มีต่อ มาริโอ เกิทเซ่ นักเตะที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นเมสซี่แห่งเยอรมันหลังเคยเป็นยอดดาวรุ่งภายใต้การคุมทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ณ ดอร์ทมนด์
อย่างไรก็ตามนับตั้งแต่ประตูชัยที่เขายิงใส่ อาร์เจนติน่า ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บเมิ่อปี 2014 หรือเรียกได้ว่าเมื่อ เกิทเซ่ กลายเป็นนักเตะที่อายุน้อยที่สุดที่ยิงประตูนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลโลกในรอบกว่า 50 ปี กราฟอาชีพของเขาก็ดิ่งลงมาอย่างน่าใจหาย
การตัดสินใจครั้งใหญ่ในการย้ายไปร่วมทัพ บาเยิร์น มิวนิค ไม่ได้ส่งผลดีต่อเขาเนื่องจากแท็คติกของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ไม่ได้เอื้อต่อเขามากนักและอดีตกุนซือ “เสือใต้” ไม่ได้มีความสนใจที่จะผลักดัน เกิทเซ่ ขึ้นไปอีกระดับ
การรีเทิร์นกลับมาที่ ดอร์ทมุนด์ ก็ไม่ได้ช่วยจุดประกายฟอร์มเก่าๆของเขาให้กลับมา ฤดูกาลนี้ก็ยากที่จะเบียดตำแหน่งตัวจริงจากดาวรุ่งฟอร์มฮอตอย่าง ยูเลี่ยน บรันด์ท ขณะที่ในทีมชาติเยอรมัน เกิทเซ่ ก็ลงเล่นเพียงแค่นัดเดียวใน 3 ปีที่ผ่านมา
คำถามคืออะไรเป็นเบื้องหลังที่ทำให้เขาไม่สามารถกลับมาฟอร์มพีคได้?
ถ้าจะโทษระบบการเล่นก็คงเป็นส่วนหนึ่ง เกิทเซ่ ไม่ลงตัวกับระบบของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า สมัยอยู่บาเยิร์น ขณะที่เขาพยายามปรับตำแหน่งจากผู้เล่นริมเส้นกลายเป็นตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรุกหรือ False9 (ฟอลส์ไนน์) แต่ก็ยังไม่เหมาะกับแผนการโจมตีที่รวดเร็วของดอร์ทมุนด์
อาการบาดเจ็บการเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้การพัฒนาของเขาไม่ก้าวหน้าไปสักที เขามักจะบาดเจ็บบริเวณสะโพกและต้นขาบ่อยครั้ง แต่ในปี 2017 ก็มีการเผยว่าเขาป่วยเป็นโรคระบบเผาผลาญบกพร่องส่งผลให้กล้ามเนื้อบางส่วนเกิดปัญหาซึ่งนี่เป็นอุปสรรคใหญ่ของเกิทเซ่เลยทีเดียว
“มันเป็นเรื่องยากที่จะบอกว่าโรคนี้ส่งผลกระทบกับอาชีพ แต่ความจริงคือเขาไม่เคยกลับมาแข็งแกร่งเหมือนเดิม ขณะที่สไตล์การเล่นของดอร์ทมุนด์ก็เปลี่ยนไปด้วย ลูเซียง ฟาฟร์ ต้องการนักเตะที่มีพลัง มีความดุดันและมีความเร็ว ซึ่งนั่นไม่ใช่สไตล์ของเกิทเซ่เลย”
“อีกสิ่งหนึ่งที่เป็นปัญหาคือเขาไม่มีตำแหน่งที่เหมาะสม บทบาท False9 (ฟอลส์ไนน์) เป็นเพียงแค่ไอเดียที่ โยอาคิม เลิฟ กุนซือเยอรมันพยายามใช้เฉยๆ แต่เกิทเซ่ไม่เคยรู้สึกดีเมื่อลงเล่นในตำแหน่งนี้ เขาสามารถเล่นตำแหน่งหมายเลข 8 หรือ 10 แต่ดูเหมือนโค้ชไม่ไว้ใจเขาอีกต่อไปแล้ว” เจสโค่ วอน อิชมันน์ นักข่าวสกาย สปอร์ต เยอรมัน กล่าว
แล้ว เกิทเซ่ จะให้อะไรกับสโมสรต่อไปที่จะให้โอกาสเขาอีกครั้ง?
เกิทเซ่ อาจจะไม่มีความเร็วและความดุดันที่เหมาะสมกับสไตล์ของดอร์ทมุนด์ แต่เขามีประโยชน์แม้ไม่ได้ครองบอลอยู่กับตัวก็ตาม ซึ่งคล้ายๆกับสไตล์การเล่นของ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ กับลิเวอร์พูล ที่จะคอยเชื่อมเกมและวิ่งเปิดพื้นที่ในแดนหน้า
ข้อมูลที่เก็บจาก Statsbomb โชว์ให้เห็นว่า เกิทเซ่ เหมาะกับทีมที่จะบีบเพรสซิ่งคู่แข่งสูงเนื่องจากใช้เวลาในสนามส่วนใหญ่ไปกับการวิ่งบีบเพรสซิ่งคู่แข่ง และยังมีค่าเฉลี่ยในการแย่งบอลจากคู่แข่งมากด้วย
นอกจากนี้ทีมต่อไปของเกิเซ่ต้องใช้จุดแข็งในเรื่องการครองบอลของเขา และนั่นหมายความว่าต้องหาตำแหน่งที่เขาสามารถพลิกบอลและสร้างสรรค์เกมได้ เราจะเห็นสถิติสัมผัสบอลในกรอบเขตโทษเฉลี่ย 12.13 ต่อหนึ่งนัดซึ่งถือว่าเยอะพอๆกับ ฟีร์มีโน่
“การช่วยเกมรับกลายเป็นส่วนหนึ่งในการเล่นของเขาแล้ว แต่เขาเป็นผู้เล่นที่จำเป็นต้องมีบอลอยู่ที่เท้า ไม่ใช่ไล่บอลช่วยเกมรับ ดังนั้นปรัชญาของโค้ชที่เกิทเซ่จะร่วมงานด้วยจึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด พวกเขาจำเป็นต้องเชื่อใจ เกิทเซ่ และหาระบบการเล่นที่เขาได้โชว์ความสามารถ” เจสโค่ วอน อิชมันน์ นักข่าวสกาย สปอร์ต เยอรมัน กล่าว
แล้วสโมสรต่อไปของเขาควรจะเป็นทีมไหน? บางคนคาดการณ์ว่าเขาจะย้ายมาเล่นในพรีเมียร์ลีกหลังจากหมดสัญญากับดอร์ทมุนด์เมื่อจบฤดูกาลนี้
อย่างไรก็ตามนักข่าวสกาย เจสโค่ วอน อิชมันน์ คาดว่า สโมสรต่อไปของ เกิทเซ่ คงไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกับ บาเยิร์น และดอร์ทมุนด์ และเขาเชื่อว่าพรีเมียร์ลีกเป็นลีกที่เข้มข้นเกินไปสำหรับเขา
“เขาไม่ใช่นักเตะสำหรับทีมระดับท็อปเช่น บาร์เซโลน่า, แมนเชสเตอร์ ซิตี้ หรืออื่นๆ และเขาอาจอ่อนแอเกินไปสำหรับพรีเมียร์ลีกที่ใช้แรงปะทะค่อนข้างมาก”
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
บทพิสูจน์ยอดแข้ง! เดลานีย์เห็นใจซานโชแบกรับความคาดหวังสูง
มิดฟิลด์ฮาร์ดแมนทัพเสือเหลือง เห็นใจแนวรุกดาวรุ่งที่โดนความกดดันถาโถมใส่เนื่องจากพรสวรรค์ของเขา'ฮาคิมี'ผงาดแข้งเร็วสุดในประวัติศาสตร์บุนเดสลีกา
ฟูลแบ็คทีมเสือเหลืองขึ้นแท่นเป็นนักเตะที่วิ่งเร็วที่สุด นับตั้งแต่บุนเดสลีกามีการเก็บสถิติในฤดูกาล 2011/12
TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน
อัลบั้มภาพเด็ดๆ
มาย ฮาเร็ม ส่งภาพเขย่าโซเชียล นุ...
เจนนี่ ธมนภัค พริตตี้สุดฮอต นุ่ง...
ฮาน่า ฮาอึน ชอง ดาว TikTok สาวสว...
นาฟ ฉัฐนันท์ ปล่อยแซ่บท้าลมหนาว ...
เต็มที่แล้ว! ไทย พ่าย อุซเบกิสถา...
ตัดเกรด นักเตะไทย เกมเสมอ โอมาน ...
คลิปไฮไลท์