ซุปตาร์บอลลาว ทิ้งเงินเดือน 2 แสนข้ามโขงมารับเงินหมื่นในไทย
Posted 05/06/2020 by siamsport
สุขพร วงศ์เชียงคำ ไอคอนลูกหนังฟุตบอลลาวที่เป็นแบบฉบับความใจสู้ใช้ความสามารถเชิงฟุตบอลเลี้ยงดูตัวเองจนประสบความสำเร็จบนเส้นทางฟุตบอลอาชีพเขาคือแบบอย่างเยาวชนลูกหนัง สปป.ลาว ที่กลายเป็นแรงบันดาลใจชั้นดีให้กับเด็กๆในประเทศในการต่อสู้ก้าวเดิน ปัจจุบันแข้งเกมรุกวัย 28 ปี จากลาวโลดแล่นในฟุตบอลลีกสูงสุดของไทยกับสโมสรฟุตบอล "ต่อพิฆาต" ประจวบ เอฟซี
ตลอดระยะเวลาการค้าแข้งในไทย สุขพร วงศ์เชียงคำ สร้างการยอมรับมากมายในการลงเล่นจนมีสัญญาอาชีพกับหลายๆสโมสร กระบี่ เอฟซี,พิษณุโลก เอฟซี,สระบุรี เอฟซี,ศรีสะเกษ เอฟซี,ชัยนาท ฮอร์นบิล และ ประจวบ เอฟซี ก้าวแรกของฟุตบอลอาชีพในไทยแม้ว่าจะเริ่มต้นกับกระบี่ เอฟซี แต่ช่วงก่อนหน้านั้นปี 2009 ถูกดึงมาร่วมทีมบีอีซี เทโรฯ ในระดับเยาวชนจากคำแนะนำของ "กอล์ฟ" ภูเบศ ศุภพิพัฒน์ ที่เข้าไปทำงานด้านฟุตบอลในประเทศลาว ตอนนั้นได้ร่วมเล่นกับ ชนาธิป สรงกระสินธ์ รับเงินเดือน 25,000 บาท เพราะช่วงนั้นขยับไปติดทีมชาติลาวชุดใหญ่ ขณะที่ ชนาธิป รับเงินเดือนเพียง 5,000 บาท
ด้วยการก้าวขึ้นไปติดทีมชุดใหญ่ในทีมชาติลาว สุขพร ต้องการพิสูจน์ตัวเองกับสโมสรบนลีกสูงสุดของไทยจึงตระเวนทดสอบฝีเท้ากับสโมสรต่างๆในเมืองไทยทุกอย่างไม่เป็นใจรวมไปถึงช่วงนั้นต้องกลับไปจัดการเรื่องการเรียนที่ยอมดรอปเทอมสุดท้าย ม.ปลาย เพื่อเล่นฟุตบอลจึงเลือกกลับประเทศลาวไปเล่นให้กับต้นสังกัดอย่าง เอซรา เอฟซี ก่อนที่จะกลับมาไทยอีกครั้งช่วงปี 2013 พร้อมเริ่มต้นชีวิตฟุตบอลอาชีพที่เมืองไทยกับสโมสรฟุตบอลกระบี่ เอฟซี ในยุคที่ไม่มีโควตาอาเซียนต้องต่อสู้อย่างสุดขีดจนได้ลงสนามพร้อมกับสวมบทบาทกัปตันทีม ที่นี่เองทำให้เกิดลิขิตรักข้ามพรมแดนของหนุ่มลาวสาวไทยโยงใยความสัมพันธ์หัวใจสร้างครอบครัวเป็นหนึ่งจนถึงทุกวันนี้
ซุปตาร์
ย้อนกลับไปวัยเด็กก่อนที่ สุขพร วงศ์เชียงคำ จะมาสร้างปรากฏการณ์ฟุตบอลอาชีพในประเทศไทยด้วยการร่วมทีมรุ่นอายุไม่เกิน 13 ปี ลาว (สโมสรเอซร่า) บุกมาคว้าแชมป์ชัยพงษ์ คัพ ที่ จ.พิจิตร ครั้งนั้นเขาได้รับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมพร้อมกับลงปะทะแข้งกับ ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์, สารัช อยู่เย็น, อาทิตย์ ดาวสว่าง ที่ต่างก็ลงเล่นให้กับสถานศึกษาของตัวเอง หากจะย้อนกลับไปให้ลึกกว่านั้นชีวิตของ สุขพร วงศ์เชียงคำ วัยเด็กลำบากสุดๆเขาเกิดในครอบครัวที่ยากจนข้นแค้นในแขวงจำปาศักดิ์ ประเทศลาว ก่อนที่จะระเห็จไปอยู่ที่ปากเซ
ครอบครัวของสุขพร คือครอบครัวลูกหนังแม้ว่าจะไม่ถึงกับติดทีมชาติแต่ทุกคนในบ้านคือนักฟุตบอลตัวยงคุณพ่อเป็นนักฟุตบอลระดับท้องถิ่น พี่ชายของเขาอีก 3 คนก็เป็นนักฟุตบอล รวมไปถึงน้องสาว ทั้งครอบครัวมี สุขพร วงศ์เชียงคำ และ เพชรภูธร วงศ์เชียงคำ ที่กล้าท้าฝันไปจนติดทีมชาติ สร้างความภูมิใจให้กับวงศ์ตระกูลเป็นอย่างมากยอดแข้งแห่งจำปาศักดิ์เล่าว่าสมัยเด็กๆลำบากมากแม้ว่าอาหารประจำวันทุกคนจะต้องกินปลาร้า,ข้าวเหนียว,ผัก แต่คนที่ส่วนใหญ่ก็จะมีอาหารมาหมุนเวียนมากินให้อิ่มมีความสุข
ครอบครัวเราต้องสู้กับความยากจนมีอะไรก็กินแบบนั้นทุกคนต้องมีชีวิตเพื่อวันพรุ่งนี้ ความสุขอย่างเดียวที่ชัดเจนที่สุดตั้งแต่จำความได้คือเรื่องของฟุตบอลช่วงเย็นๆเราจะไปเตะบอลตามลานกว้างในจำปาศักดิ์หรือไม่ก็บริเวณวัดสนามมันก็ไม่ได้ดีอะไรเท้าเปล่าๆก็จะสาดไปกับพื้นดินบางทีก็เจ็บตัวบ้างเจอเศษแก้วบ้าง แต่มันก็มีความสุขดี ยิ่งช่วงที่คนในครอบครัวลงสนามแข่งขันฟุตบอลรายการต่างๆแถวบ้านก็ต้องตามไปเชียร์ ฟุตบอลคือความสนุกแต่ถ้าคิดว่ามันจะเลี้ยงชีพมันคงเป็นเรื่องตลกสำหรับคนในประเทศลาวเพราะคำว่าฟุตบอลอาชีพยังไม่ชัดเจน ยิ่งเสียงบ่นของแม่ล่องลอยอยู่ในหัวยามที่นั่งใช้ชีวิตอยู่บนล้อเกวียนไปช่วยงานที่บ้านคำตอบที่คลอดออกมาเสมอคือมันคงเป็นเรื่องยาก
วิถีลูกหนังของ สุขพร วงศ์เชียงคำ ชัดเจนขึ้นเมื่อผ่านการคัดเลือกตัวจากโครงการของสโมสรเอซร่า พร้อมกับขยับสู่การเป็นผู้เล่นระดับเยาวชนทีมชาติลาวในเวลาต่อมา จากปากเซ มุ่งหน้าสู่เวียงจันทร์ระยะทางไกลกว่า 700 กม.พาอนาคตของแข้งร่ายนี้ไปฝากฝังไว้ที่โรงเรียนสาธิตลาวเพื่อเรียนและเล่นฟุตบอลในระดับมัธยม เมื่อเล่นทีมชาติครั้งแรกเรื่องของการเดินทางไปต่างประเทศด้วยการนั่งเครื่องจึงเกิดขึ้นเป้าหมายคือ มาเลเซีย คืนนั้นทั้งคืนเขานอนไม่หลับตื่นเต้นนึกถึงผิวสัมผัสทางอารมณ์บนท้องฟ้าและไม่คิดว่าจากที่เคยโดยสารเกวียนจะมีโอกาสได้นั่งเครื่องบินกับเขาในชีวิต
สุขพร ใช้เวลาไม่นานในการก้าวขึ้นไปติดทีมชาติลาวชุดใหญ่และยังคงปักหลักเล่นจนถึงการเป็นกัปตันทีม เขากลายเป็นไอคอนลูกหนังชั้นดีของเด็กๆในลาวจนบรรดาสื่อจากลาวให้ฉายาเขาว่า “เมสซี่ลาว” ซึ่งเจ้าตัวเองก็บอกว่าเขาไม่ได้เก่งขนาดนั้นเพียงแต่ว่าอยากให้มองอีกด้านว่าเวลาที่เขาเล่นจะทุ่มเทมากๆ เพื่อทีมชาติลาว ส่วนนักเตะที่ชอบสไตล์การเล่นคือ โรนัญดิญโญ่ สมัยที่คว้าแชมป์ฟุตบอลชัยพงษ์คัพ มีคนเคยชวนให้โอนสัญชาติมาเมืองไทยแต่คิดว่าอยากจะทำให้เห็นว่านักฟุตบอลลาวเองก็มีความสามารถที่จะต่อสู้พัฒนาได้อีกทั้งยังอยากเป็นแบบอย่างให้เด็กๆรุ่นต่อไปสู้ในแบบฉบับของตัวเอง ปัจจุบันเพื่อนๆชุดแชมป์ชัยพงษ์ คัพ เลิกเล่นทีมชาติกันหมดแล้วยังเหลือเพียงเขาคนเดียวเท่านั้น นอกจากนั้นก็เล่นระดับสโมสรบ้างหรือไม่ก็หันไปทำธุรกิจบ้างเนื่องจากฟุตบอลอาชีพในประเทศลาวยังไม่แข็งแรงเท่าไรนัก
หลังปี 2014 กับสระบุรี เอฟซี ตอนนั้น สุขพร อายุ 21ปี ตัดสินใจยกเลิกสัญญากับสโมสรเพื่อไปตามฝันของตัวเองด้วยการไปทดสอบฝีเท้ากับสโมสรคามาตามาเร่ ซานูกิ ระดับเจลีก 2 ในญี่ปุ่นเป็นเวลา 1 เดือน หลังจากมีการประสานงานระหว่างเอเยนต์กับสโมสรรวมไปถึงสปอร์นเซอร์ที่มาลงทุนในลาว ตลอดระยะเวลา 1 เดือน เขายอมรับว่าร่างกายของแกร่งไม่พอทุกอย่างแตกต่างจากลีกไทยยันฟ้ากับเหวในเรื่องของความเข้มข้นในการฝึกซ้อมทำให้พลาดโอกาสเป็นนักเตะลาวคนแรกในลีกญี่ปุ่นและเป็นสิ่งที่เสียดายเรื่องของการตัดสินใจมาจนถึงทุกวันนี้
ความผิดหวังครั้งนั้นทำให้ต้องกลับมาตั้งหลักใหม่กับสโมสรฟุตบอลล้านช้างตอนนั้นสโมสรพร้อมจ่ายค่าเหนื่อยให้กับ สุขพร เดือนละเกือบ 2 แสนบาทเพื่อลงเล่นในลาวพรีเมียร์ลีก ช่วงปี 2017 ดาวเตะทีมชาติลาวหายไปครึ่งปีเพื่อเรียนโค้ชระดับ ซีไลนเซนส์ และเริ่มวางแนวทางว่าจะสอนฟุตบอลสร้างโอกาสให้กับเด็กๆในประเทศลาวเหมือนดั่งที่เขาเคยได้รับอาจจะไปไกลถึงขั้นรีไทร์ แต่การได้เห็นเกมฟุตบอลที่ถ่ายทอดสดทั้งการเล่นของ ชนาธิป สรงกระสินธ์ ในเจลีก,สารัช อยู่เย็น,ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ ทำให้เกิดอาการกล้ามเนื้อความคิดลูกหนังกระตุกอยากกลับมาเตะฟุตบอลอีกครั้งจึงมุ่งหน้ามาไทยเพื่อทดสอบฝีเท้ากับสโมสรต่างๆ
ทุกอย่างไม่ง่ายอย่างที่คิดที่สุดท้ายปี 2018 ฝากความหวังไว้คือศรีสะเกษ เอฟซี ทีมระดับลีกรอง ตอนนั้นหากว่าไม่ได้สัญญาก็จะเดินทางกลับประเทศลาวทางฝั่งอุบลราชธานีข้ามแม่น้ำโขงไปทบทวนอนาคตฟุตบอลอีกรอบ แม้ว่าก่อนเซ็นสัญญาจะตะกุกตะกักนิดหน่อยพร้อมรับค่าเหนื่อย 3.5 หมื่นบาท แต่เรื่องของเงินไม่ใช่คำตอบสุดท้ายฟุตบอลคือเรื่องสำคัญต่อการเดินต่อในเรื่องของความสุขดาวเตะจากลาวพิสูจน์ตัวเองจนยึดเป็นแกนหลักพร้อมกับถูกรั้งให้เซ็นสัญญาต่อแต่ สุขพร เลือกที่จะเดินหน้าไปประจวบ เอฟซี เพื่อโลดแล่นบนลีกสูงสุด
ปัจจุบันแม้ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 จะระอุชุกชุมไปทั่วโลกรวมไปถึงประเทศไทย สุขพร วงศ์เชียงคำ ยังปักหลักฝึกซ้อมลูกหนังใน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ทุกวันเขาจะออกมาฝึกซ้อมด้วยตัวเองทั้งการเข้าฟิตเนสและการซ้อมกลางแจ้งแบบเดี่ยวๆ เวลา 15.00 น.เศษๆ ฟุตบอลทำให้เขาหลุดพ้นจากความยากจนครอบครัวของเขาดีขึ้นทำธุรกิจส่งออก-นำเข้าสินค้า
แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดหัวใจของแข้งเบอร์หนึ่งทีมชาติลาวยุคนี้คือเรื่องของการสร้างแรงบันดาลใจโอกาสให้กับนักฟุตบอลลาวในรุ่นต่อๆไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
ท็อป10ไทยมา3! 'ชนาธิป' ยืนหนึ่งผู้ติดตาม IG เยอะสุดในอาเซี่ยน
แฟนเพจ ฟุตบอลอาเซียน Asean Football เปิดเผยความนิยมในตัวนักฟุตบอลชื่อดังในอาเซียน ที่ผู้ติดตามในสื่อโซเชียลมีเดีย อย่าง "อินสตาแกรม" มากที่สุด 10 อันดับ ในย่านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ค่าตัวชนาธิป พุ่งติดท็อปเท็นเจลีก
transfermarkt เว็บไซต์ลูกหนังชื่อดัง อัพเดตค่าตัวผู้เล่นเจลีกกลางปี 2563 ปรากฎว่า เจ ชนาธิป สรงกระสินธ์ แนวรุกทีมชาติไทยของคอนซาโดเล่ ซัปโปโร่ ติดอันดับที่ 9 ที่มีค่าตัวแพงที่สุดในลีก ประมาณ 67 ล้านบาท ซึ่งตกลงมาเล็กน้อยหลังจากฟุตบอลเจลีกนั้นหยุดแข่งขันไป ส่วนอันดับ 1 ของลีกยังคงเป็น อันเดรส อิเนียสต้า กองกลางคนเก่งของวิสเซล โกเบลูกจ้างร้านข้าวขาหมู ติดทีมชาติ เป็นนายร้อยติดดาว
แบบฉบับของนักฟุตบอลที่มาจากครอบครัวที่หาเช้ากินค่ำ อยู่กับพ่อและย่า มีอาชีพรับจ้างทั่วไป ชีวิตของ "ปริ๊นซ์" รุ่งรัฐ ภูมิจันทึก น่าจะเป็นแบบอย่างของคนสู้ชีวิตที่ก้าวจากดินมาประดับดาวบนบ่า ด้วยความไม่ท้อและไม่ถอยสื่อเวียดนามตีข่าวเลสเตอร์-มาลาก้าสนใจคว้าชนาธิปร่วมทัพ
thethao247.vn ตีข่าวชนาธิป สรงกระสินธ์ แนวรุกของคอนโดเล่ ซัปโปโร่ กำลังตกเป็นเป้าหมายของ เลสเตอร์ ซิตี้ ทีมในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ และ มาลาก้า ทีมจากลาลีกา สเปน
TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน
ห้ามทำตาม! อดีตแข้งอินเตอร์ เมาหยำเป,มีเซ็กซ์ไม่ป้องกัน
ทางการ! เอฟเอลงโทษแบนยาว เบนตานกูร์ เหยียด ซน ฮึง มิน
ดีทั้งปัจจุบันและอนาคต!เด ลา ฟวนเต้ ลั่นวงการบอล สเปน กำลังอยู่ในช่วงรุ่ง
อดเซิ้งบอลโลก 2026 ! ฟีฟ่า, ยูฟ่า มติแบน รัสเซีย ต่อไป
ผลงาน 5 ดาว!แฟน ฟิออเรนติน่า โหวต เด เคอา แข้งยอดเยี่ยมตุลาคม
อัลบั้มภาพเด็ดๆ
มาย ฮาเร็ม ส่งภาพเขย่าโซเชียล นุ...
เจนนี่ ธมนภัค พริตตี้สุดฮอต นุ่ง...
ฮาน่า ฮาอึน ชอง ดาว TikTok สาวสว...
นาฟ ฉัฐนันท์ ปล่อยแซ่บท้าลมหนาว ...
เต็มที่แล้ว! ไทย พ่าย อุซเบกิสถา...
ตัดเกรด นักเตะไทย เกมเสมอ โอมาน ...
คลิปไฮไลท์