ผลคะแนนและราคา 2 in 1 คะแนนในการแข่งสด ผลการแข่งขัน ตารางการแข่งขัน อัตราต่อรอง ข้อมูล คะแนนบาสเก็ตบอล
ฟุตบอล » พรีเมียร์ลีก อังกฤษ » คูตินโญ่ จะเป็นอีกราย ? ย้อนดู 3 แข้งเล่นให้ทีมชุดใหญ่ ลิเวอร์พูล 2 รอบ

คูตินโญ่ จะเป็นอีกราย ? ย้อนดู 3 แข้งเล่นให้ทีมชุดใหญ่ ลิเวอร์พูล 2 รอบ

Posted 15/06/2020 by siamsport

กระแสข่าวการกลับไปซบ ลิเวอร์พูล ยอดสโมสรแห่งเวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ของ ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ มิดฟิลด์ชาวบราซิเลียนยังคงมีออกมาให้เห็นอยู่เรื่อยๆ โดยล่าสุดถึงขั้นมีรายงานว่าดาวเตะเลือดแซมบ้าพร้อมที่จะรับค่าเหนื่อยน้อยลงเพื่อที่จะได้กลับไปอยู่กับยอดทีมแห่งถิ่น แอนฟิลด์ อีกครั้ง
    ลิเวอร์พูล ถือเป็นทีมหนึ่งที่ได้เด็กเก่ากลับมาช่วยทีมอยู่บ่อยๆ เพราะพวกเขารู้สึกผูกพันกับ "หงส์แดง" เป็นอย่างมาก โดยบางคนเคยอยู่กับอะคาเดมี่ หรือไม่ก็เคยทดสอบฝีเท้ากับทีมเป็นระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่จะกลับมาอยู่กับทีมชุดใหญ่ในอีกไม่กี่ปี หรือหลายปีต่อมา อย่างเช่น เคนนี่ ดัลกลิช, อลัน แฮนเซ่น, ริคกี้ แลมเบิร์ต และ จอห์น อัลดริดจ์ เป็นต้น ส่วนบางคนเคยเล่นให้ทีมชุดใหญ่ และแม้ว่าจะโดนปล่อยออกไปก็ได้หวนช่วยทีมอีกครั้ง

    ทั้งนี้ วันนี้เราจะมาย้อนดูคนในข่ายที่เคยอยู่กับทีมชุดใหญ่ของ ลิเวอร์พูล แล้วจากนั้นก็กลับมาช่วยทีมอีกรอบสัก 3 คน เผื่อว่า คูตินโญ่ จะกลับมาสวมเสื้อของ "หงส์แดง" จนทำให้เขาเป็นนักเตะอีกรายที่เข้าข่ายนั้น

    - ร็อบบี้ ฟาวเลอร์
    หากถามว่าใครคือกองหน้าขวัญใจ "เดอะ ค็อป" แล้วนั้น เชื่อได้ว่าชื่อของ ฟาวเลอร์ น่าจะโผล่มาเป็นลำดับต้นๆ ในใจของหลายคน เพราะว่า ฟาวเลอร์ ถือเป็นผลผลิตจากอะคาเดมี่ของ ลิเวอร์พูล โดยตรง, อยู่กับอะคาเดมี่ราว 9 ปี ก่อนที่จะขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ได้ในปี 1993 และยังทำผลงานได้ยอดเยี่ยมอีกต่างหาก ด้วยการทำไป 171 ประตู จากการลงเล่น 330 นัดในทุกรายการ

    แม้ว่าจะเป็นขวัญใจของเหล่าสาวก ลิเวอร์พูล จนถึงขั้นได้ฉายาว่า "ก็อด" แต่พอถึงปี 2001 เขาก็ต้องย้ายไปอยู่กับ ลีดส์ ยูไนเต็ด หลังจากตอนนั้น เชราร์ด อุลลิเย่ร์ ชอบใช้งาน ไมเคิ่ล โอเว่น และ เอมิล เฮสกีย์ เป็นคู่กองหน้าตัวหลักมากกว่า และว่ากันว่า ฟาวเลอร์ มีความสัมพันธ์ที่ไม่ดีเท่าไหร่กับ อุลลิเย่ร์ ด้วย ซึ่งหลังจากนั้น ฟาวเลอร์ ก็ยังย้ายไปอยู่กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ อีก ก่อนที่จะได้กลับสู่ แอนฟิลด์ แบบไร้ค่าตัวในเดือนมกราคมปี 2006 ท่ามกลางความดีใจของแฟนบอล ลิเวอร์พูล หลายคน

    ทั้งนี้ ตอนนั้น ลิเวอร์พูล เซ็นสัญญากับ ฟาวเลอร์ จนกระทั่งจบซีซั่น 2006-07 เท่านั้น โดยที่ตอนนั้นเขาก็มีอายุ 30 ปีเข้าไปแล้วด้วย แต่ผลงานของเขาก็ไม่ได้แย่มากนัก ด้วยการทำไป 5 ประตู จากการลงเล่น 16 นัดในทุกรายการ ส่งผลให้เขาได้เซ็นสัญญาอยู่กับทีมอีก 1 ซีซั่น ซึ่งฤดูกาลต่อมาเขาก็ทำไป 7 ประตู จากการลงเล่น 23 นัดในทุกรายการ


 

    อย่างไรก็ตาม สุดท้ายเขาก็ต้องบอกลาทีมอีกครั้งในสภาพที่ไม่ได้เหรียญแชมป์กับทีมเลย โดยถึงแม้ในฤดูกาล 2005-06 ลิเวอร์พูล จะได้แชมป์ เอฟเอ คัพ แต่ ฟาวเลอร์ ก็ไม่ได้ลงเล่นให้ทีมในรายการนั้นเพราะติดกฎคัพไท ส่วนในซีซั่น 2006-07 ที่ทีมของกุนซือ ราฟาเอล เบนิเตซ ได้แชมป์ คอมมิวนิตี้ ชิลด์ เขาก็ไม่มีชื่อแม้กระทั่งเป็นตัวสำรอง

    - เคร็ก เบลลามี่
    ในเดือนมิถุนายน ปี 2006 ลิเวอร์พูล คว้าตัว เบลลามี่ มาจาก แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส ด้วยค่าตัว 6 ล้านปอนด์ โดยที่ตอนนั้นหลายคนมองว่ามันเป็นดีลที่คุ้มค่าในระดับหนึ่งของ "หงส์แดง" เมื่อพิจารณาถึงการที่เขาทำได้ 17 ประตูจากการลงเล่น 32 นัดในทุกรายการให้กับ แบล็คเบิร์น ในซีซั่น 2005-06 โดยที่ในจำนวนนั้นเกิดขึ้นในเกม พรีเมียร์ลีก 13 ลูกด้วย

    น่าเสียดายที่ความเป็นจริงมันไม่เป็นอย่างนั้น เบลลามี่ ได้อยู่กับทีมเพียงแค่ฤดูกาลเดียว โดยเขาย้ายไปอยู่กับ เวสต์แฮม ในซีซั่น 2007-08 พร้อมกับผลงาน 9 ลูก จากการลงเล่น 41 นัดในทุกรายการ และมีเพียงแชมป์ คอมมิวนิตี้ ชิลด์ ติดมือ แถมสิ่งที่หลายคนจดจำเขามากกว่าประตูที่เจ้าตัวทำได้ก็คือการที่เจ้าตัวมีปัญหากับ ยอห์น อาร์เน่ รีเซ่ อีกต่างหาก โดยที่จริงซีซั่นนี้น ลิเวอร์พูล ไปถึงรอบชิงชนะเลิศของ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ด้วย แต่ก็แพ้ เอซี มิลาน ในบั้นปลาย

    พอถึงเดือนมกราคมปี 2009 เบลลามี่ ก็ได้ย้ายไปอยู่กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และหลังจากไปเล่นแบบยืมตัวกับ คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ พักหนึ่ง เขาก็ได้ตีตั๋วกลับมาสู่ แอนฟิลด์ ในฐานะนักเตะอีกครั้งในช่วงซัมเมอร์ ปี 2011 แม้ว่าตอนนั้น ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ จะให้ความสนใจในตัวเขาเหมือนกันก็ตาม โดยเจ้าตัวให้เหตุผลว่าชื่นชอบ เคนนี่ ดัลกลิช มากๆ และตอนนั้น ดัลกลิช ก็นั่งเก้าอี้ผู้จัดการทีมของ ลิเวอร์พูล อยู่

    ถึงกระนั้น มันก็เป็นอีกครั้งที่ เบลลามี่ ได้สวมเสื้อสีแดงของ ลิเวอร์พูล เพียงแค่ซีซั่นเดียว โดยเขาทำได้ 9 ลูกจากการลงเล่น 33 นัดในทุกรายการ ก่อนที่จะย้ายไปอยู่กับ คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ แต่หนนี้เขาก็ประสบความสำเร็จมากกว่ารอบแรกนิดหน่อย เพราะได้แชมป์ ลีก คัพ ร่วมกับทีมด้วย

    - เอียน รัช
    แม้ว่าจะได้รับความสนใจจาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ รวมถึงเคยเป็นแฟนบอล เอฟเวอร์ตัน มาตั้งแต่วัยเด็ก แต่ รัช ก็เลือกย้ายจาก เชสเตอร์ ซิตี้ ไปอยู่กับ ลิเวอร์พูล ในช่วงเดือนเมษายน ปี 1980 โดยที่ ลิเวอร์พูล จ่ายค่าตัวไป 300,000 ปอนด์ ซึ่งถือเป็นค่าตัวที่สูงเป็นสถิติสำหรับนักเตะดาวรุ่งในสมัยนั้น และมันก็กลายเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าสุดขีด หลังจากที่เขาทำประตูให้ทีมได้ถึง 207 ประตูจากการลงเล่นในทุกรายการ

    ผลงานอันยอดเยี่ยมของ รัช ทำให้เขาตกเป็นที่สนใจของทีมในทวีปยุโรปหลายทีม ก่อนที่เจ้าตัวจะเลือกย้ายไปอยู่กับ ยูเวนตุส ในปี 1986 ด้วยค่าตัว 3.2 ล้านปอนด์ ซึ่งก็เป็นค่าตัวสูงเป็นสถิติของนักเตะในเครือสหราชอาณาจักรในสมัยนั้น โดยเขาเล่นให้ ลิเวอร์พูล ด้วยสัญญายืมตัวในฤดูกาล 1986-87 ต่ออีก 1 ซีซั่น ก่อนจะไปโชว์ฝีเท้าในอิตาลี

    อย่างไรก็ตาม รัช ก็เล่นอยู่ในอิตาลีได้เพียงซีซั่นเดียว ก่อนที่จะย้ายกลับมาอยู่กับ ลิเวอร์พูล ด้วยค่าตัว 2.7 ล้านปอนด์ ในเดือนสิงหาคม ปี 1988 โดยเขาบอกลา ยูเวนตุส มาพร้อมกับผลงาน 14 ประตูจากการลงเล่น 39 นัดในทุกรายการ ซึ่งในรอบ 2 ของเขากับ ลิเวอร์พูล เจ้าตัวก็ยังทำผลงานได้สุดยอดด้วยการทำได้อีก 139 ประตูจากการลงเล่นในทุกรายการ ก่อนที่จะบอกลาทีมไปอยู่กับ ลีดส์ ในซีซั่น 1996-97

    รัช ประสบความสำเร็จกับ ลิเวอร์พูล อย่างมากในทั้ง 2 รอบที่อยู่กับทีม โดยเขาพาทีมได้ทั้งแชมป์ลีกสูงสุด 5 สมัย, แชมป์ เอฟเอ คัพ 3 ครั้ง, แชมป์ ลีก คัพ 5 หน, แชมป์ คอมมิวนิตี้ ชิลด์ 3 ครั้ง และแชมป์ ยูโรเปี้ยน คัพ (ชื่อเดิมของ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก) 2 หน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน

อัลบั้มภาพเด็ดๆ

More »

คลิปไฮไลท์

More »