จอมพลังโรเบิร์ตสัน ! ผ่า 5 ข้อ ลิเวอร์พูล เปิดหัวเบาๆ บุกเฉือน อาแจ็กซ์
Posted 22/10/2020 by siamsport
เจอร์เก้น คล็อปป์ ผู้จัดการทีมชาวเยอรมันของ ลิเวอร์พูล คงเห็นแนวทางในการแก้ปัญหาเซนเตอร์แบ็กหลัง เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ต้องพักยาวจากอาการเจ็บเข่า เพราะตอนนี้ "หงส์แดง" มี ฟาบินโญ่ ที่สามารถทำหน้าที่นี้ได้อย่างดีไม่มีที่ติ ในเกมล่าสุดที่บุกชนะ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม 1-0 ศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม ดี เมื่อวันพุธที่ 21 ตุลาคมที่ผ่านมา
ฟาบินโญ่ แสดงให้เห็นแล้วว่าเขาเป็นนักเตะสารพัดประโยชน์ที่สามารถทำผลงานในตำแหน่งกองกลางได้ดี และยังเล่นเป็นกองหลังได้อย่างสุขุม โดยในเกมเยือน อาแจ็กซ์ นั้น ดาวเตะชาวบราซิเลียน จับคู่กับ โจ โกเมซ ได้อย่างโดดเด่น และจัดการเกมรุกของเจ้าบ้านได้ดีเยี่ยม ที่สำคัญยังมีชอตเด็ดเคลียร์บอลจากเส้นประตูช่วงท้ายครึ่งแรก ซึ่งถือเป็นชอตไฮไลท์ของเจ้าตัวเลยทีเดียว
ในขณะเดียวกัน แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ดูเหมือนจะกลายเป็นนักเตะที่ คล็อปป์ ฝากผีฝากไข้ได้ในการทำหน้าที่เติมเกมบุกให้กับทีม เพราะ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ แทบจะไม่มีบทบาทในการวิ่งขึ้นไปกดดันแนวรับอาแจ็กซ์ ขณะเดียวกัน ดาวเตะเลือดวิสกี้ ยังเล่นเกมรับได้ดี และสามารถวิ่งขึ้นลงได้แบบไม่มีหมดพลัง จนทำให้หลายคนสงสัยว่าเจ้าตัวมีเคล็ดลับอะไรที่ได้ฟิตเปรี๊ยะขนาดนี้
สำหรับ อาเดรียน แมตช์นี้ถือว่าเป็นบทพิสูจน์ความสามารถของเขา แม้ว่าในช่วงต้นเกมจะมีจังหวะไม่เข้าใจกับ โกเมซ แต่ที่เหลือ นายด่านชาวสแปนิช ทำผลงานได้ดีเยี่ยม มีจังหวะการเซฟสวยๆ หลายคน ต้องยอมรับว่า คล็อปป์ ใจเด็ดมากๆ ที่กล้าใช้งานเขา และสิ่งนี้คือรางวัลที่นักเตะตอบแทนให้กับเจ้านายได้ดีเยี่ยม
1. อาเดรียน ยังพอไว้วางใจได้บ้าง
หลายคนอาจจะยังคลางแคลงใจในฝีมือของ อาเดรียน แต่ในเมื่อทีมไม่มี อลีสซง เบ็คเกอร์ ฉะนั้น คล็อปป์ จึงไม่มีทางเลือกที่จะไว้วางใจ นายทวารชาวสแปนิช ให้ทำหน้าที่เป็นมือ 1 แม้ว่าเขาจะทำผลงานไม่ค่อยน่าประทับใจโดยเฉพาะการพลาดจังหวะง่ายๆ หลายครั้งก็ตาม
อย่างไรก็ตามในเกมเยือน อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม เจ้าตัวทำผลงานที่ทำให้การตัดสินใจของ คล็อปป์ ถูกต้อง เมื่อโชว์จังหวะการป้องกันประตูได้หลายครั้ง โดยเฉพาะในครึ่งแรกที่เซฟระยะเผาขนจากการยิงของ ควินซี่ โพรเมส ได้อย่างน่าอัศจรรย์ นอกจากนี้ยังมีจังหวะป้องกันประตูจากการยิงของ โพรเมส เจ้าเดิม ในนาทที่ 58
ขณะเดียวกัน อาเดรียน ยังมีจังหวะในการออกมาตัดบอลได้อย่างแม่นยำ ทำให้แนวรับของ "หงส์แดง" ไม่รู้สึกกดดัน อย่างไรก็ตามในช่วงต้นเกมอาจจะมีจังหวะหวาดเสียวที่ไม่เข้าใจกับ โจ โกเมซ จนเกือบเป็นต้นเหตุให้เสียประตู รวมไปถึงการจับบอลที่ไม่ค่อยนิ่ง นอกเหนือจากนั้นฟอร์มโดยรวมของเขาก็ถือว่าน่าประทับใจ
สำหรับผลงานในแมตช์นี้ยังแสดงให้เห็นว่า อาเดรียน เป็นนักฟุตบอลที่มีจิตใจที่ค่อนข้างนิ่ง ไม่มีอาการประหม่า แม้ว่าเขาจะโดนเสียงวิจารณ์เยอะก็ตาม แต่ผลงานในเกมนี้ที่สามารถเก็บคลีนชีตได้ น่าจะเป็นการสร้างความมั่นใจในการเฝ้าเสาให้กับเจ้าตัว และเพื่อนร่วมทีมมากยิ่งขึ้น
2. ฟาบินโญ่-โกเมส คู่ขวัญเซนเตอร์แบ็ก
การที่ "หงส์แดง" ไม่มี เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ อีกหลายเดือนเนื่องจากนักเตะต้องเข้ารับการผ่าตัดเอ็นไขว้หัวเข่า ทำให้สาวก "เดอะ ค็อป" หวั่นไหวอย่างมาก เพราะเซนเตอร์แบ็กอาชีพที่มีประสบการณ์เหลือแค่ โจ โกเมซ กับ โฌแอล มาติป เท่านั้น ซึ่งทั้งสองคนฟอร์มก็ออกแนวผีเข้าผีออกไว้วางใจไม่ได้มากนัก
อย่างไรก็ตาม คล็อปป์ ยังพอมีออปชั่นพิเศษในตำแหน่งกองหลัง นั่นก็คือการจับ ฟาบินโญ่ ลงมาทำหน้าที่เซนเตอร์แบ็กชั่วคราว และเจ้าตัวก็ทำได้ดีไม่มีที่ติ โดยคอยคุมเกมรับได้อย่างเหนียวแน่น แถมยังมีจังหวะในการตัดบอลและเล่นสวนกลับเร็วจนทำให้ "หงส์แดง" กดดันเกมรับเจ้าบ้านได้ตลอด
นอกจากนี้ ดาวเตะชาวบราซิเลียน ยังมีชอตแห่งชีวิตที่ทำให้ ลิเวอร์พูล รอดจากการเสียประตูไปได้อย่างเหลือเชื่อ โดยเกิดขึ้นในนาทีที่ 44 เมื่อ ดูซาน ทาดิช หลุดเข้าไปกระดกบอลข้ามหัว อาเดรียน แต่ ฟาบินโญ่ วิ่งมาเตะบอลออกจากเส้นประตูได้อย่างหวุดหวิด ขณะเดียวกันเขามักจะยืนถูกที่ถูกเวลา และยังมีจังหวะที่ขึ้นไปโหม่งลุ้นทำประตูตอนเตะมุมด้วย
ขณะที่ โจ โกเมซ ก็เล่นได้โดดเด่นเช่นกัน หากไม่นับจังหวะต้นเกมที่ไม่เข้าใจกับ อาเดรียน นอกเหนือจากนั้นเขาสามารถคุมพื้นที่กองหลังได้ดีเยี่ยม แทบไม่มีจังหวะพลาดไม่เห็น ขณะที่ลูกกลางอากาศก็เก็บกินเรียบวุธ ฉะนั้น คล็อปป์ น่าจะพอฝากความหวังเอาไว้กับ กองหลังทีมชาติอังกฤษ ในการเป็นตัวตายตัวแทนของ ฟาน ไดค์
ฉะนั้นมีความเป็นได้สูงที่ กุนซือชาวด๊อยท์ช จะตัดสินใจใช้งาน ฟาบินโญ่ ยืนคู่กับ โกเมซ ในตำแหน่งเซนเตอร์แบ็กอีกแมตช์ในเกมลีกพบ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ที่สำคัญสำหรับ ดาวเตะเลือดแซมบ้า อาจมีความเป็นได้ที่เขาจะได้ยืนกองหลังไปอีกหลายเกม เพราะผลงานที่ผ่านมาพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเจ้าตัวทำหน้าที่ได้ดีเยี่ยมจริงๆ
3. ไวจ์นัลดุม ผู้ปิดทองหลังพระ
หนึ่งในนักเตะที่มักจะทำผลงานได้ดีเยี่ยม แต่ไม่ค่อยได้รับคำชมมากนักนั่นก็คือ จอร์จินโย่ ไวจ์นัลดุม เพราะหลายๆ แมตช์ที่เขาลงสนามคอยทำหน้าที่ในแดนกลาง เจ้าตัวเล่นได้ดี มีความคงเส้นคงวา และยังสามารถเชื่อมเกมจากรับเป็นรุกได้อย่างดีไม่มีที่ติ
ฟอร์มในสนามโยฮัน ครัฟฟ์ อารีน่า ของ ไวจ์นัลดุม ถือว่าน่าสนใจมากๆ เพราะนักเตะต้องคุมเกมอย่างหนักในแผงมิดฟิลด์ และจัดการกับเกมแดนกลางของ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ได้อยู่หมัด ในขณะเดียวกันก็ยังคอยคุมจังหวะเกมเพื่อสร้างโอกาสให้กับทีมในช่วงที่เปิดเกมบุก
โดยเฉพาะในช่วงท้ายครึ่งหลัง ไวจ์นัลดุม มีโอกาสปั้นเกมให้กับทีมได้อย่างต่อเนื่อง และทำให้ "หงส์แดง" เกือบได้ประตูที่สองหลายครั้ง แถมยังคอยตัดบอลในแดนกลางจังหวะที่ อาแจ็กซ์ พยายามจะเติมเกมบุกสวนกลับ ซึ่งทำให้เจ้าบ้านต้องเสียจังหวะหลายครั้ง
สำหรับตอนนี้แฟนบอล "เดอะ เร้ดส์" คงอยากสะกิด คล็อปป์ ให้รีบเปิดการเจรจาขยายสัญญาฉบับใหม่กับ ไวจ์นัลดุม เป็นการด่วน เพราะการที่ทีมมี ดาวเตะทีมชาติฮอลแลนด์ ลงสนาม จะช่วยทำให้แผงมิดฟิลด์มีความสมดุลมากยิ่งขึ้น ยิ่งถ้าได้จับคู่กับ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ยิ่งทำให้แดนกลางแข็งแกร่งมาขึ้นเป็นทวีคูณ
4. สามประสามสำรองทดแทน "หินเหล็กไฟ"
หลายคนอาจจะรู้สึกกังวลใจว่า คล็อปป์ ใช้งาน ซาดิโอ มาเน่, โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ และ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ มากเกินไปจนอาจส่งผลต่อสภาพร่างกายได้ แต่สำหรับในฤดูกาลนี้ "หงส์แดง" มีขุมกำลังสำรองในเกมรุกที่สามารถลงมาทดแทนทั้ง 3 คน และประสิทธิภาพก็ไม่ลดทอนลงไปด้วย
สามประสาน "เอสเอ็มเอฟ" ลงสนามเป็นตัวจริงมาตลอดในเกมพรีเมียร์ลีก ฤดูกาลนี้ บางแมตช์พวกเขาต้องเล่นจนจบเกม ซึ่งแน่นอนว่าย่อมมีอาการเหนื่อยล้า อย่างไรก็ตามในแมตช์ แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อค่ำคืนวันพุธที่ผ่านมา แสดงให้เห็นแล้วว่าทีมยังมีสามแนวรุกที่พร้อมลงไปทดแทน มาเน่, ฟีร์มีโน่ และ "บังโม" ได้ทันที
คล็อปป์ ตัดสินใจเปลี่ยนตัวแนวรุก "หินเหล็กไฟ" ออกหลังเกมผ่านไปเกือบชั่วโมง โดยเลือก เซอร์ดาน ชากีรี่, ทาคุมิ มินามิโนะ และ ดีโอโก โชต้า ลงสนามพร้อมกัน โดยพวกเขาเล่นได้ดีเยี่ยมสามารถไล่กดดันเกมรับของ อาแจ็กซ์ ได้ตลอด โดยเฉพาะการวิ่งเพรสซิ่ง จนทำให้พวกเขาตั้งเกมไม่ได้
นอกจากนี้ยังมีหลายจังหวะในช่วงท้ายเกมที่ทั้งสามคนพยายามสร้างโอกาสยิงประตู อย่างเช่นจังหวะที่ มินามิโนะ มีโอกาสสับไกลบริเวณกรอบเขตโทษแต่โดน อ็องเดร โอนาน่า นายด่านอาแจ็กซ์ ปัดออกไปได้อย่างหวุดหวิด และยังมีครั้งที่เจ้าตัว ประสานงานกับ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ หลุดเข้าไปในเขตโทษ แต่ยิงไปติดโกลเจ้าบ้านอีกครั้ง
ในส่วนของ โชต้า ได้แสดงให้เห็นถึงทักษะการเล่น การครองบอลที่เหนียวแน่ และยังมีจังหวะส่งบอลให้ ไวจ์นัลดุม เกือบทำประตูได้ในนาทีที่ 90 สำหรับ ชากีรี่ นอกจากจังหวะที่ส่งบอล ให้ มินามิโนะ ได้ซัดไกลแล้วที่เหลือเจ้าตัวทำผลงานได้ตามมาตรฐาน
ฉะนั้นหากมองภาพรวมต้องบอกว่าทั้งสามแนวรุกสำรอง พร้อมที่จะลงมาทดแทน มาเน่, ซาล่าห์ และ ฟีร์มีโน่ ได้ในอนาคตอย่างแน่นอน
5. จอมพลังโรเบิร์ตสัน
ต้องยอมรับว่าแมตช์นี้ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ทำหน้าที่แบ็กซ้ายได้ดีเยี่ยม โดยวิ่งเติมเกมรุกอย่างต่อเนื่อง และยังเล่นเกมรับได้อย่างเหนียวแน่น สวนทางกับ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ที่เกมนี้แทบไม่มีบทบาทในเกมรุกมากนัก ส่วนเกมรับก็ยังพอประคับประคองตัวเองไปได้
การมาเยือน อาแจ็กซ์ ต้องบอกว่า "หงส์แดง" เน้นขึ้นเกมรุกทางฝั่งซ้ายแทบตลอดทั้งเกม โดย โรเบิร์ตสัน ไม่ทำให้สาวก "เดอะ ค็อป" ต้องผิดหวัง เพราะเขาสามารถวิ่งทะลุทะลวงเข้าไปในพื้นที่คู่แข่ง และยังมีโอกาสเปิดบอลสร้างความหวาดเสียวในพื้นที่สุดท้ายได้บ่อยๆ
หนึ่งในจุดเด่นของฟูลแบ็กชาวสกอตติช ก็คือพละกำลังที่มีเหลือเฟือ วิ่งแบบไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย จะว่าไปแล้วต้องบอกว่า โรเบิร์ตสัน เป็นนักเตะที่ฟิตมากกว่าเดิมหลายเท่าด้วยซ้ำ โดยตั้งแต่เสียงนกหวีดดังจนกระทั่งเสียงนกหวีดยาวหมดเวลา นักเตะรายนี้วิ่งแบบไม่มีอาการเหนื่อยล้าให้เห็น
ก่อนหน้านี้จะเห็นว่า โรเบิร์ตสัน กับ "เจ้าหนูเทรนต์" จะค่อยช่วยเหลือกันวิ่งเติมเกมรุกทางริมเส้น แต่สำหรับในเกมล่าสุด แบ็กซ้ายทีมชาติสกอตแลนด์ ต้องรับหน้าที่เติมเกมรุกมากกว่าเดิม และยังต้องคอยทำหน้าที่เล่นลูกตั้งเตะ ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลก ที่แฟนบอล "เดอะ เร้ดส์" จะยกย่องแข้งเลือดวิสกี้ เป็นหนึ่งในหัวใจสำคัญของทีม
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
ลิเวอร์พูลเก่งกับดัตช์-มาดริดยับ3นัด! เปิดสถิติน่ารู้ศึก ชปล. คืนวันพุธ
ศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก คืนวันพุธที่ผ่านมา มีการลงแข่งขันหลายสนามทีเดียว ไฮไลท์สำคัญคงอยู่ที่เกมระหว่าง อาแจ็กซ์ พบ ลิเวอร์พุล ที่สุดท้าย "หงส์แดง" บุกคว้าสามแต้มได้สำเร็จ ในขณะเดียวกันอีกหนึ่งทีมจากอังกฤษอย่าง "เรือใบสีฟ้า" ก็เก็บชัยชนะได้เช่นกัน แต่ผลการแข่งขันที่ช็อกที่สุดคงเป็นเกมปราชัยคาบ้านของ เรอัล มาดริด เรามาเก็บตกสถิติน่าสนใจแต่ละคู่ที่ลงสนามในคืนวันพุธนี้กันคล็อปป์เป่าปาก! อาแจ็กซ์ยิงตัวเอง-ลิเวอร์พูลบุกเฉือนหวิว เปิดหัวชปล.
"หงส์แดง" ฟอร์มเหนียวแน่นทั้งที่มีปัญหาแนวรับ แต่ยังบุกไปคว้าชัยเหนือ อาแจ็กซ์ หวุดหวิด 1-0 จากการทำเข้าประตูตัวเองของ นิโกลัส ตายาฟิโก้ ส่งผลให้ ลิเวอร์พูล ประเดิมสามแต้มแรก ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมาลิเวอร์พูลไร้ "ฟานไดค์-ติอาโก้"!มี "ซาลาห์" นำ3หน้าซัดถิ่นอาแจ็กซ์ศึก ชปล.
"หงส์แดง" ลิเวอร์พูล จะไม่มี เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ กับ ติอาโก้ อัลกันตาร่า สองตัวจักรสำคัญที่มีอาการบาดเจ็บ ขณะที่ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ยังคงเป็นแกนหลักนำ 3 แผงหน้าล่าสกอร์เช่นเคย เกมบุกถิ่น อาแจ็กซ์ ในศึกฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก (รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม ดี) วันพุธที่ 21 ต.ค. ศกนี้ เวลา : 02.00 น.คล็อปป์เหน็บคาร์ร่าคิดแบบนี้ถึงไม่มีโอกาสทำงานคุมทีม
เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือ ลิเวอร์พูล เหน็บแนม เจมี่ คาร์ราเกอร์ ว่าแสดงความเห็นที่ผิดๆ จนทำให้เป็นเหตุผลที่ทำให้ คาร์ราเกอร์ ไม่มีโอกาสมาทำงานคุมทีม หลังจากที่ คาร์ราเกอร์ เหมือนกับจะเคยบอกว่า "หงส์แดง" ทำพลาดที่ไม่เสริมทัพในตำแหน่งกองหลังในตลาดรอบล่าสุด
TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน
อัลบั้มภาพเด็ดๆ
มาย ฮาเร็ม ส่งภาพเขย่าโซเชียล นุ...
เจนนี่ ธมนภัค พริตตี้สุดฮอต นุ่ง...
ฮาน่า ฮาอึน ชอง ดาว TikTok สาวสว...
นาฟ ฉัฐนันท์ ปล่อยแซ่บท้าลมหนาว ...
เต็มที่แล้ว! ไทย พ่าย อุซเบกิสถา...
ตัดเกรด นักเตะไทย เกมเสมอ โอมาน ...
คลิปไฮไลท์