หลังจากที่ บิคตอร์ ฟอนต์ ตังเต็งที่จะคว้าตำแหน่งประธานสโมสรบาร์เซโลน่า ประกาศหนึ่งในนโยบายสำคัญนั่นก็คือการดึง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กลับมากุมบังเหียน "เจ้าบุญทุ่ม" แน่นอนนี่คือเหตุผลสำคัญที่จะรั้ง ลิโอเนล เมสซี่ ให้กับอยู่กับทีมไปจนกระทั่งแขวนสตั๊ด

เป็นที่รู้กันว่า "เป๊ป" คือหน่อเนื้อเชื้อไขของชาวคาตาลัน และเป็นหนึ่งในเด็กปั้นจากศูนย์เยาวชน ลา มาเซีย ก่อนจะก้าวขึ้นมาเป็นนักเตะชุดใหญ่และเป็นตำนานของสโมสร จากนั้นก็ผันตัวเองไปทำงานโค้ช และได้รับการแต่งตั้งให้คุมทีมในปี 2008 พร้อมกับปรัชญาการเล่น "ติกิตาก้า" อันลือลั่นสนั่นโลก

บาร์ซ่า ในยุคของ เป๊ป ที่ได้แรงบันดาลใจในการสร้างดีมาจาก โยฮัน ครัฟฟ์ นำความสำเร็จมาสู่ถิ่นคัมป์ นู มากมายมหาศาลทั้งการคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 2 สมัย และ แชมป์ ลา ลีกา 3 สมัย ในช่วง 4 ปีที่อยู่กับสโมสร ก่อนจะอำลาไปรับงานคุม บาเยิร์น มิวนิค ในปี 2013 และปัจจุบันนั่งเก้าอี้นายใหญ่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้

ผลงานของ เป๊ป กับ "เรือใบสีฟ้า" ก็ยังคงโดดเด่นน่าเกรงขามเหมือนเดิม อย่างไรก็ตามหากเกิดกรณีที่ ฟอนต์ สามารถโน้มน้าวให้เขากลับมาคุม บาร์ซ่า ได้อีกครั้งจริงๆ งานนี้อาจจะๆได้เห็นนักเตะบางคนของ แมนฯ ซิตี้ ติดสอยห้อยตามมาทำงานร่วมกับเขาที่คัมป์ นู ก็ได้

เควิน เดอ บรอยน์

จอมทัพทีมชาติเบลเยียม เป็นศูนย์กลางของทุกสรรพสิ่งของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เขาเป็นคนที่คอยสร้างสรรค์เกมให้กับ "เรือใบสีฟ้า" และยังสร้างโอกาสในการทำประตูให้กับทีม ที่สำคัญ เดอ บรอยน์ เป็นนักเตะที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกลในการหาพื้นที่ว่างเวลาผ่านบอลซึ่งบางครั้งนักเตะคนอื่นๆ มองไม่เห็น

ผลงาน 23 แอสซิสต์เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา เป็นหนึ่งในบทพิสูจน์สำคัญที่แสดงให้เห็นว่า เพลย์เมกเกอร์วัย 29 ปี เป็นนักเตะทรงคุณค่าของ แมนฯ ซิตี้ ตลอดช่วง 6 ฤดูกาลที่ผ่านมา นอกจากนี้เจ้าตัวยังมักจะหาโอกาสในการยิงประตู รวมไปถึงการจัดการลูกตั้งเตะทั้งเตะมุม และฟรีคิก ซึ่งอันตรายในทุกๆ ครั้งที่รับหน้าที่เหล่านี้

ลองจินตนาการภาพเวลาที่ เดอ บรอยน์ ลงเล่นร่วมกับ แฟร้งกี้ เดอ ยอง ในแผงมิดฟิลด์ของ บาร์เซโลน่า โดยที่มี มิราเลม ปานิช คอยทำหน้าที่เก็บกวาดในแดนกลา งานนี้บอกได้เลยว่าทัพ "เจ้าบุญทุ่ม" คงมีเกมรุกที่ดุดัน และน่ากลัวมากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า

ขณะเดียวกับ ลิโอเนล เมสซี่ น่าจะมีโอกาสยิงประตูเป็นกอบเป็นกำจากการแอสซิสต์ของ เดอ บรอยน์

ฟิล โฟเด้น

แน่นอนว่า บาร์เซโลน่า เป็นสโมสรที่มีตัวเลือกในแนวรุกมากมายอยู่แล้วเพราะพวกเขามีทั้ง ลิโอเนล เมสซี่, ฟิลิปเป้ คูตินโญ่, อุสมาน เดมเบล่ และ อองตวน กรีซมันน์ เป็นต้น ซึ่งนักเตะเหล่านี้ ยังคงเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ของ เป๊ป หากได้หวนกลับไปคุมทัพ

อย่างไรก็ตามสิ่งที่ บาร์ซ่า ยังไม่มีนั่นก็คือแผน บี เพราะหากวันใดทีมดันขาดนักเตะเพลย์เมกเกอร์ หรือต้องเจอกับสถานการณ์เลวร้ายที่เล่นไม่ออกไม่ว่าจะเกมรุกฝืด หรือเกมรับหลวม ซึ่งอาจจะทำให้ทีมต้องแพ้ยับ เหมือนที่พวกเขาเคยโดน บาเยิร์น มิวนิค ถลุงยับ 2-8 มาแล้ว จึงจำเป็นอย่างยิ่งต้องมีนักเตะที่รับมือกับเรื่องเหล่านี้เพื่อทำการเปลี่ยนแปลงแนวทางการเล่น

สำหรับ ฟิล โฟเด้น สามารถเข้ามาช่วยเติมเต็มในยามที่ทีมคับขันได้ โดยนักเตะพัฒนาฝีเท้าขึ้นมาแบบเขย่งก้าวกระโดดภายใต้การอบรมสั่งสอนของ กวาร์ดิโอล่า ซึ่ง มิดฟิลด์เลือดผู้ดีรายนี้ ซัดไปแล้ว 18 ประตูจากการลงสนาม 80 เกมให้กับแมนฯ ซิตี้

ที่สำคัญในเวลานี้ โฟเด้น กลายเป็นนักเตะกำลังหลักของทัพ "สำเภาทอง" ไปแล้ว ด้วยศักยภาพในการเล่นเกมบุก และความขยันในการช่วยเกมรับ แน่นอนว่าเขาจะสามารถช่วยสร้างแนวทางการเล่นที่แตกต่างให้กับ ยอดทีมแห่งถิ่นคัมป์ นู

รูเบน ดิอาส   

เซนเตอร์แบ็กวัย 23 ปี อาจจะเพิ่งย้ายมาอยู่ในถิ่นเอติฮัด สเตเดี้ยม เท่านั้น แต่เขาได้ลงเล่นตัวจริง  และแสดงให้เห็นถึงความสามารถชั้นยอดตามที่ กวาร์ดิโอล่า ต้องการ ฉะนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่นักเตะจะมีอนาคตสดใสภายใต้การทำงานร่วมกับกุนซือชาวสแปนิช

ย้อนไปเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา แมนฯ ซิตี้ ต้องประสบปัญหาในเกมรับจากการที่ แว็งซองต์ กอมปานี โบกมือลาสโมสร ซึ่งพวกเขาเสียถึง 50 ประตูจากการเล่นในทุกรายการ ฉะนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ "เรือใบสีฟ้า" ไม่สามารถต่อกรกับ ลิเวอร์พูล ในเกมพรีเมียร์ลีก อังกฤษ

ด้วยประสบการณ์ที่เคยเล่นในแชมเปี้ยนส์ ลีก และคว้าแชมป์พรีเมียร่า ลีก้า โปรตุเกส ร่วมกับ เบนฟิก้า ทำให้นักเตะเข้ามาเติมเต็มเกมรับที่หละหลวมของทีมได้ทันที ฉะนั้นหาก ดิอาส ได้ย้ายไปเล่นกับ บาร์เซโลน่า น่าจะช่วยขันน็อตเกมรับให้ทัพ "เจ้าบุญทุ่ม" ได้แน่นยิ่งกว่านี้

โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้

หนึ่งในนักเตะที่ได้ลงเล่นเป็นประจำของ บาร์เซโลน่า ก็คือ จอร์ดี้ อัลบา ซึ่งเขาลงสนามให้กับต้นสังกัดไปแล้วมากกว่า 340 เกมในตำแหน่งแบ็กซ้าย ฉะนั้นเป็นเรื่องปกติที่สภาพร่างกายของนักเตะมีสิทธิ์ที่จะอ่อนล้าและไม่สามารถลงสนามได้ทุกแมตช์

เนื่องจากปัจจุบัน อัลบา อายุ 31 ปีแล้ว ด้วยเหตุนี้ บาร์เซโลน่า จึงจำเป็นต้องมองหาตัวตายตัวแทนในตำแหน่งฟูลแบ็ก โดยพวกเขาเล็ง แบ็กซ้ายชาวยูเครน รายนี้เอาไว้ ลองย้อนไปนึกถึงตอนที่ แบ็งฌาแม็ง เมนดี้ มีปัญหาบาดเจ็บ ซินเชนโก้ สามารถลงมาทำหน้าที่แทนได้อย่างยอดเยี่ยม และช่วยให้ทีมคว้าแชมปืลีกในฤดูกาล 2018/2019

ด้วยศักยภาพในการเล่นเกมบุกของเขาแน่นอนว่ามันเหมาะอย่างยิ่งที่จะเล่นให้กับ บาร์เซโลน่า แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของนักเตะด้วย เพราะหากเขาฟิตสมบูรณ์ไม่มีใครปฏิเสธความสามารถของ ฟูลแบ็กทีมชาติยูเครน รายนี้แน่นอน
   
เอแดร์ซอน

นับตั้งแต่ที่ บาร์เซโลน่า คว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อปี 2015 พวกเขาใช้เงินไปแล้วเกือบพันล้านยูโรในการเสริมทัพ แต่ผลงานกลับไม่ได้โดดเด่นมากนัก โดยหนึ่งในปัญหาสำคัญของทีมก็คือการหาคนมาแทนตำแหน่งของ มาร์ค-อันเดร แทร์ สเตเก้น ที่ฟอร์มไม่ค่อยคงเส้นคงวาในช่วงที่ผ่านมา

สำหรับปัญหานี้จะหมดไปทันทีหากพวกเขาได้ เอแดร์ซอน ทำหน้าที่เฝ้าเสาประตู โดยผลงานของ นายด่านทีมชาติบราซิล ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหล่เพราะเขาเสียไป 37 ประตูจากการเล่นให้ แมนฯ ซิตี้ เมื่อปีที่ผ่านมาซึ่งน้อยกวา โกลชาวเยอรมันที่เสียไปถึง 50 ประตู

ฉะนั้นหาก กวาร์ดิโอล่า ตัดสินใจที่จะกลับไปทำงานให้ บาร์ซ่า อีกครั้ง หลังจากที่เก็บข้าวของออกจากถิ่นคัมป์ นู ตั้งแต่ปี 2012 แน่นอนว่ารายชื่อผู้รักษาประตูอันดับต้นๆ ที่เขาจะดึงตัวมาร่วมทีมก็คงหนีไม่พ้น เอแดร์ซอน อย่างแน่นอน

ทอมเม้ง