การแข่งขันศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก สัปดาห์สอง ประจำฤดูกาล 2020/21 ได้ผ่านพ้นไปเป็นที่เรียบร้อย เมื่อคืนวันอังคารและพุธที่ผ่านมา ซึ่งสี่สโมสรตัวแทนจากอังกฤษอย่าง ลิเวอร์พูล, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ เชลซี ต่างคว้าชัยชนะกันอย่างพร้อมหน้า และก็ตามธรรมเนียมที่เว็บไซต์ดังอย่าง whoscored.com ได้มีการจัดทีมยอดเยี่ยมประจำสัปดาห์ โดยจะวัดเอาผู้เล่นที่ฟอร์มดีสุด (เรตติ้งสูงสุด) ในแต่ละตำแหน่งมายำรวมกัน และนี่คือโฉมหน้าของทีมวีกล่าสุด ซึ่งมีนักเตะจากค่าย "สิงห์บลูส์" ติดโผถึง 4 รายเลยทีเดียว ส่วน "หงส์แดง" กับ "ปีศาจแดง" มาฝั่งละ 1 คน (ระบบการเล่น 4-4-2)
 - ผู้รักษาประตู : เอดูอาร์ เมนดี้ (เชลซี, เรตติ้ง 7.87)
  นายทวารคนใหม่ "สิงห์บลูส์" วัย 28 ปี ยังคงทำผลงานได้น่าประทับใจต่อเนื่อง และล่าสุดก็จัดไป 4 เซฟ ช่วย เชลซี เก็บคลีนชีตในเกมที่บุกถล่ม เอฟซี คราสโนดาร์ 4-0 เมื่อวันพุธที่ผ่านมา

 - แบ็กขวา : เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ (ลิเวอร์พูล, เรตติ้ง 7.91)
  "เจ้าหนูเทรนต์" มีผลงานที่น่าประทับใจในเกมที่ "หงส์แดง" เปิดรัง แอนฟิลด์ สอย มิดทิลแลนด์ 2-0 เมื่อคืนวันอังคาร โดยสร้างโอกาสให้เพื่อนลุ้นทำประตูได้ถึง 4 ครั้ง และหนึ่งในนั้นคือจังหวะแอสซิสต์ให้ ดิโอโก้ โชต้า ยิงจ่อๆ เป็นประตูขึ้นนำ 1-0 นาทีที่ 55

 - เซนเตอร์แบ็ก : ชานเซล เอ็มเบมบ้า (ปอร์โต้, เรตติ้ง 7.93)
  เอ็มเบมบ้า มีส่วนสำคัญในการช่วย ปอร์โต้ เก็บคลีนชีตในนัดที่เปิดบ้านเอาชนะ โอลิมเปียกอส 2-0 เมื่อคืนวันอังคาร โดยช่วยบล็อกลูกยิง 2 ครั้ง และเคลียร์บอลทิ้งได้ถึง 6 หน 
 

 - เซนเตอร์แบ็ก : คูร์ต ซูม่า (เชลซี, เรตติ้ง 7.72)
  ปราการหลังชาวฝรั่งเศสวัย 26 ปี เล่นได้แข็งแกร่งเหลือเกินในเกมที่ เชลซี บุกกระซวก เอฟซี คราสโนดาร์ 4-0 โดยมีสถิติเคลียร์บอล 7 ครั้ง, บล็อกลูกยิง 3 ครั้ง และชนะทั้ง 4 ครั้งในการดวลลูกกลางอากาศ นอกจากนี้ยังมีการผ่านบอลที่แม่นยำถึง 92.4% อีกด้วย
 
 - แบ็กซ้าย : มาร์กอส อาคุนญ่า (เซบีย่า, เรตติ้ง 9.04)
  ฟูลแบ็กชาวอาร์เจนไตน์วัย 29 ปี ฟอร์มแจ่มมากๆ ในเกมที่ เซบีย่า เปิดบ้านเชือด แรนส์ 1-0 เมื่อคืนวันพุธ โดยสร้างโอกาสให้เพื่อนลุ้นทำสกอร์ได้ถึง 5 ครั้ง (มากสุดในเกม) ซึ่งหนึ่งในนั้นคือการแอสซิสต์ให้ ลุค เดอ ยอง ทำประตูชัยในนาทีที่ 55 นอกจากนี้เจ้าตัวยังโชว์พลิ้ว เลี้ยงบอลผ่านนักเตะทีมคู่แข่งได้ 5 หนด้วย

 
 - กองกลาง : โยซัว คิมมิช (บาเยิร์น มิวนิค, เรตติ้ง 8.50)
  คิมมิช ฟอร์มดีต่อเนื่อง โดยมีชื่อติดทีมยอดเยี่ยม แชมเปี้ยนส์ ลีก ของ whoscored.com สองสัปดาห์ติด หลังทำผลงานได้ยอดเยี่ยมในเกมล่าสุดที่ "เสือใต้" บุกเชือด โลโคโมทีฟ มอสโก 2-1 เมื่อคืนวันอังคาร โดยเกมดังกล่าวเจ้าตัวเป็นคนทำประตูชัยด้วยลูกยิงสุดสวยในนาทีที่ 79 นอกจากนี้ยังสร้างโอกาสให้เพื่อนลุ้นทำประตู 3 หน แถมมีสถิติแท็กเกิ้ลชนะและแย่งบอลรวมกันได้ถึง 5 ครั้ง 
 
 - กองกลาง : ไค ฮาแวร์ตซ์ (เชลซี, เรตติ้ง 8.60)
  แม้ไร้สกอร์ แต่ ฮาแวร์ตซ์ เล่นได้โดดเด่นมากๆ ในเกมที่ เชลซี บุกยำ เอฟซี คราสโนดาร์ 4-0 โดยสร้างโอกาสให้เพื่อนลุ้นจบสกอร์ได้ถึง 4 ครั้ง ซึ่งหนึ่งในนั้นคือการแอสซิสต์ให้ คัลลั่ม ฮัดสัน-โอดอย กดประตูขึ้นนำ 1-0 นอกจากนี้ ดาวเตะเลือดเบียร์วัย 21 ปี ยังชนะดวลลูกกลางอากาศ 5 ครั้ง และเลี้ยงบอลผ่านนักเตะคู่แข่ง 3 หนด้วย

 
 - ปีกขวา : ฮาคิม ซิเยค (เชลซี, เรตติ้ง 8.46)
  เป็นอีกหนึ่งแข้ง "สิงห์บลูส์" ที่ติดทีมยอดเยี่ยม และถือเป็นหนแรกที่ ซิเยค ได้ลงเล่นแบบเต็มเกม นับตั้งแต่ย้ายมาจาก อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม โดย ดาวเตะทีมชาติโมร็อกโกวัย 27 ปี มีโอกาสยิงถึง 5 ครั้ง และเปลี่ยนเป็น 1 ประตู ในเกมที่บุกต้อน เอฟซี คราสโนดาร์ 4-0 แถมยังช่วยเล่นเกมรับได้ดี ด้วยสถิติแท็กเกิ้ลชนะและแย่งบอลรวมกันได้ 3 ครั้ง
 
 - ปีกซ้าย : คีลิยัน เอ็มบัปเป้ (ปารีส แซงต์-แชร์กแมง, เรตติ้ง 9.29)
  ด้วยการที่ เนย์มาร์ ได้รับบาดเจ็บจนต้องถูกเปลี่ยนตัวออกตั้งแต่ต้นเกมในนัดที่ เปแอสเช บุกสอย อิสตันบุล บาซัคเซเฮียร์ 2-0 เมื่อคืนวันพุธ ทำให้ เอ็มบัปเป้ ถูกโยกไปเล่นทางฝั่งซ้ายแทน แต่เจ้าตัวก็ยังเล่นได้อย่างร้ายกาจ ด้วยการเหมาแอสซิสต์ให้ มอยเซ่ คีน ทำทั้งสองประตู นอกจากนี้ยังสร้างโอกาสรวมได้ 5 ครั้ง แถมเลี้ยงบอลผ่านคู่แข่งถึง 9 หนด้วย

 
 - กองหน้า : มาร์คัส แรชฟอร์ด (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, เรตติ้ง 9.16)
  เกมที่ "ปีศาจแดง" เปิดบ้านยำใหญ่ แอร์เบ ไลป์ซิก 5-0 เมื่อคืนวันพุธ แรชฟอร์ด ถูกส่งลงสนามในฐานะตัวสำรองช่วงกลางครึ่งหลัง และก็กดแฮตทริกได้ภายในระยะเวลาแค่ 16 นาทีเท่านั้น จึงมีชื่อติดทีมยอดเยี่ยมอย่างไม่ต้องสงสัย
 
 - กองหน้า : ชูเอา เฟลิกซ์ (แอตเลติโก มาดริด, เรตติ้ง 9.90)
  นี่คือผู้เล่นที่เรตติ้งสูงสุดในวีกนี้ โดย เฟลิกซ์ ทำคนเดียว 2 ตุง ซึ่งก็รวมถึงประตูชัยนาทีที่ 85 ในเกมที่ แอต. มาดริด เปิดบ้านเชือด เร้ดบูลล์ ซัลซ์บวร์ก 3-2 เมื่อคืนวันอังคาร และไม่เพียงแค่นั้น เจ้าตัวยังสามารถเลี้ยงบอลผ่านคู่แข่งได้ถึง 7 หน และเรียกฟาวล์ได้ 4 ครั้งด้วย