วิกฤติเกมรับของ ลิเวอร์พูล เป็นสิ่งที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ ต้องปวดเศียรเวียนเกล้าอย่างมาก เพราะจากรายงานล่าสุดที่ระบุว่า โจ โกเมซ อาจจะต้องพักยาวจนจบซีซั่นนี้ หลังนักเตะเข้ารับการผ่าตัดหัวเข่า ส่งผลให้ทัพ "หงส์แดง" ต้องเจอกับสถานการณ์วุ่นวายอย่างมากในการป้องกันแชมป์พรีเมียร์ลีก

การที่ทีมขาดทั้ง เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ และ โกเมซ ส่งผลให้พวกเขาเหลือเซนเตอร์แบ็กอาชีพที่มีประสบการณ์เพียงแค่ตนเดียวนั่นก็คือ โฌแอล มาติป ขณะที่ รีส วิลเลี่ยมส์ กับ นาธาเนียล ฟิลลิปส์ แม้จะผ่านการเล่นในลีกระดับสูงมาแล้ว แต่ก็ยังมีประสบการณ์น้อยมากๆ

แถมในกรณีของ มาติป ก็ยังต้องลุ้นเรื่องสภาพความฟิตเนื่องจากในฤดูกาลนี้เขามีปัญหาบาดเจ็บรบกวนอย่างต่อเนื่อง หากเกิดอาเพศนักเตะได้รับบาดเจ็บ งานนี้ คล็อปป์ คงได้แต่กุมขมับ

ฉะนั้นนับตั้งแต่ตอนนี้ไปจนกระทั่งเปิดตลาดซื้อขายนักเตะรอบ 2 เดือนมกราคม "เดอะ เร้ดส์" จะต้องประคับประคองทีมให้ผ่านวิกฤตินี้ไปให้ได้ เพื่อจะได้มีโอกาสดึงผู้เล่นใหม่โดยเฉพาะในตำแหน่งเซนเตอร์แบ็กเข้ามาเสริมทัพ

ลิเวอร์พูล มีโปรแกรมต้องลงเล่น 12 เกมใน 43 วันทั้งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก โดยเฉลี่ยแล้วพวกเขาจะต้องลงสนามทุกๆ  3 วันครึ่ง จนกระทั่งถึงวันที่ 2 มกราคม ซึ่งเป็นช่วงที่ตลาดซื้อขายนักเตะรอบสองเปิด และทำให้พวกเขามีโอกาสได้ซื้อแนวรับมาเสริมทัพ

เริ่มด้วยเกมที่ต้องรับมือ เลสเตอร์ ซิตี้ ในแอนฟิลด์ โดยทีมของกุนซือเบรนแดน ร็อดเจอร์ส รั้งตำแหน่งจ่าฝูงลีกในเวลานี้ และงานนี้นายใหญ่ชาวไอร์แลนด์เหนือจะได้กลับมาเยือนถิ่นเก่าอีกครั้ง ซึ่ง "เดอะ ฟ็อกซ์" อาจจะทำลายสถิติไม่แพ้ใครในบ้านของแชมป์เก่าตั้งแต่เดือนเมษายน 2017 ก็ได้

จากนั้นพวกเขามีคิวเปิดบ้านต้อนรับ อตาลันต้า ในศึกแชมเปี้ยนส์ ลีก และถือเป็นเกมที่สำคัญสำหรับ คล็อปป์ กับลูกทีมที่จะต้องทำงานหนักด้วยขุมกำลังแนวรับที่มีข้อจำกัด หากชนะทีมดังจากเมืองแบร์กาโม่ นั่นจะทำให้ "เดอะ เร้ดส์" คว้าตั๋วเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายทันที
 
12 เกมถัดไปของ ลิเวอร์พูล

21 พ.ย.    เลสเตอร์ ซิตี้ (เหย้า)
25 พ.ย.    อตาลันต้า (เหย้า)
28 พ.ย.    ไบรท์ตัน (เยือน)
1 ธ.ค.    อาแจ็กซ์ (เหย้า)
5 ธ.ค.    วูล์ฟส์ (เหย้า)
9 ธ.ค.    มิดทิลแลนด์ (เยือน)
12 ธ.ค.    ฟูแล่ม (เยือน)
16 ธ.ค.    สเปอร์ส (เหย้า)
19 ธ.ค.    คริสตัล พาเลซ (เยือน)
26 ธ.ค.    เวสต์บรอม (เหย้า)
28 ธ.ค.    นิวคาสเซิ่ล (เยือน)

2 ม.ค. (2021) เซาธ์แฮมป์ตัน (เยือน)

ขุมกำลังด้อยประสบการณ์

ปัจจุบัน คล็อปป์ มีเซนเตอร์แบ็กเอาไว้ใช้งาน 3 คนได้แก่ โฌแอล มาติป, รีส วิลเลี่ยมส์ และ นาธาเนียล ฟิลลิปส์ นอกจากนี้ยังมีแนวรับวัย 18 ปีอีกสองคนได้แก่ เซปป์ ฟาน เดน เบิร์ก และ บิลลี่ คูเมติโอ ซึ่งต้องบอกเลยว่าพวกเขายังขาดประสบการณ์ในเกมระดับสูง แถมในรายของ ฟิลลิปส์ ยังไม่มีชื่อลงทะเบียนในเกมแชมเปี้ยนส์ ลีก ด้วย เพราะตอนนั้นมีการคาดการณ์ว่านักเตะเตรียมจะย้ายทีมในช่วงตลาดพ่อค้าแข้งซัมเมอร์ที่ผ่านมา

เกมปะทะ เลสเตอร์ แน่นอนว่า เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ คงจะพลาดช่วยทีมเนื่องจากมีปัญหาบาดเจ็บน่องในเกมที่ "หงส์แดง" เสมอ "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ซึ่งคาดว่านักเตะอาจจะกลับมาลงสนามได้ในเกมรับมือ อตาลันต้า

ฉะนั้น คล็อปป์ อาจจะเลือกใช้แผงแบ็กโฟร์ด้วยการจับ เจมส์ มิลเนอร์, ฟิลลิปส์, มาติป และ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ลงสนามเพื่อรับมือกับ เจมี่ วาร์ดี้ และพ้องเพื่อน "เดอะ ฟ็อกซ์" กระนั้นในตำแหน่งแบ็กขวา "หงส์แดง" ยังมี เนโก วิลเลี่ยมส์ ที่สามารถทำหน้าที่นี้ได้ แต่เนื่องจากกุนซือชาวเยอรมัน มองว่านักเตะยังมีประสบการณ์น้อย ซึ่งอาจจะไม่มั่นใจให้ลงเล่นตัวจริง

ขณะที่ในรายของ รีส วิลเลี่ยมส์ ที่ได้รับโอกาสแบบเขย่งก้าวกระโดดจากนักเตะในเนชั่นแนล ลีก ได้ลงสนามในเกมแชมเปี้ยนส์ ลีก แต่สำหรับตอนนี้เขาต้องเตรียมแบกรับแรงกดดันมหาศาลเนื่องจากทีมอาจจะต้องส่งเจ้าตัวลงเล่นในเกมถ้วย "บิ๊กเอียร์"

ในส่วนของ "แนต ฟิลลิปส์" ทำผลงานได้ดีในเกมที่ช่วย "เดอะ เร้ดส์" เฉือน "ขุนค้อน" เวสต์แฮม ยูไนเต็ด โดยเฉพาะการรับมือกับ เซบาสเตียน ฮัลเลอร์ ในจังหวะเล่นลูกกลางอากาศ แต่การพบกับ เลสเตอร์ ที่เน้นการเล่นลูกบนพื้นเป็นส่วนใหญ่ถือเป็นบททดสอบสำคัญสำหรับ ฟิลลิปส์
 
มาติป จะรักษาความฟิตได้นานแค่ไหน ?

นับตั้งแต่ที่ มาติป ย้ายมาอยู่กับ ลิเวอร์พูล นักเตะมักจะมีปัญหาเรื่องสภาพความฟิตมาตลอด เขาได้ลงเล่นแค่ 3 เกมในลีกสำหรับฤดูกาลนี้ โดยเปิดแมตช์เปิดซีซั่นปะทะ ลีดส์ ยูไนเต็ด ตามด้วยเกมเมอร์ซี่ย์ไซด์ ดาร์บี้แมตช์ เสมอ เอฟเวอร์ตัน และเสมอ แมนเชสเตอร์ ซิตี้

สำหรับตอนนี้ ปราการหลังชาวแคเมอรูน กำลังพยายามสร้างสภาพร่างกายให้ฟิตมากยิ่งขึ้นในช่วงพักเบรกทีมชาติ และไม่ต้องสงสัยเลยว่า คล็อปป์ คงจะต้องใช้งานเขากับ แนต ฟิลลิปส์ หลายเกมในพรีเมียร์ลีก ขณะที่ วิลเลี่ยมส์ จะค่อยเป็นยางอะไหล่ ในยามฉุกเฉิน

อย่างไรก็ตามเรื่องที่น่าเป็นห่วงที่สุดสำหรับ มาติป ก็คือสภาพความฟิตของเขา ซึ่งสาวก "เดอะ ค็อป" คาดหวังว่าเขาจะแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง เพราะหากจำกันได้นักเตะเคยทำผลงานได้อย่างสุดยอดเหนือ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ในปี 2019 ที่พวกเขาคว้าแชมป์ แชมเปี้ยนส์ ลีก

ฉะนั้นหวังว่า มาติป จะมีฟอร์มที่สุดยอดแบบนั้นอีกครั้งในช่วงเวลานี้

เมื่อไหร่ที่ ฟาบินโญ่ จะกลับมาช่วยทีม ?

แฟนบอลลิเวอร์พูล ตั้งตาคอยที่จะเห็น ฟาบินโญ่ กลับมาฟิตสมบูรณ์อีกครั้ง หลังจากที่สตาร์ชาวบราซิเลียนได้รับบาดเจ็บเอ็นกล้ามเนื้อต้นขาในเกมปะทะ มิดทิลแลนด์ เมื่อวันที่ 27 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยในเวลานี้นักเตะยังอยู่ในช่วงพักฟื้นร่างกาย แต่ก็มีการคาดการณ์กันว่าเขาน่าจะหายเจ็บกลับมาช่วยทีมได้หลังเกมพักเบรกทีมชาติเดือนพฤศจิกายนนี้

ฟาบินโญ่ มีความเป็นมิดฟิลด์โดยธรรมชาติแต่ก็สามารถที่จะปรับตัวในการเล่นตำแหน่งเซนเตอร์แบ็กได้และก็ทำได้ดีมากๆ ในช่วงที่ ฟาน ไดค์ บาดเจ็บ แต่กระนั้นการที่ใช้งาน ดาวเตะทีมชาติบราซิล ในตำแหน่งกองหลัง ก็ทำให้ "หงส์แดง" ขาดผู้เล่นในแผงกองกลางชั้นดีไป 1 คน

แม้ว่า ฟาบินโญ่ จะสวมบทกองหลังได้ดีเยี่ยม และช่วยทำให้เกมรับของทีมแข็งแกร่งก็ตาม แต่อย่าลืมว่านักเตะรายนี้เป็นกำลังสำคัญในตำแหน่งกองกลางของทัพ "เดอะ เร้ดส์" ฉะนั้นหากเขาฟิตสมบูรณ์ย่อมทำให้ทีมได้ประโยชน์อย่างมาก

ปกป้อง โรเบิร์ตสัน อย่าให้เดี้ยงอีกราย

แม้ว่า คล็อปป์ จะตัดสินใจไม่เซ็นสัญญาเซนเตอร์แบ็กเพิ่มหลัง เดยัน ลอฟเรน ย้ายออกจากถิ่นแอนฟิลด์เมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา แต่เขาเลือกที่จะเสริมทัพในตำแหน่งแบ็กซ้ายด้วยการดึง คอสตาส ซิมิกาส มาเป็นยางอะไหล่ให้กับ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน

แบ็กซ้ายทีมชาติกรีซ อาจจะต้องเจอกับสถานการณ์ยากลำบากในการปรับตัวมาเล่นกับ ลิเวอร์พูล นับตั้งแต่ย้ายมาจาก โอลิมเปียกอส โดยเขาได้ลงสนามให้กับต้นสังกัดเพียงแค่ 2 แมตช์ โดยเริ่มจากเกมที่ไล่ต้อน ลินคอล์น 7-2 ในศึกคาราบาว คัพ  จากนั้นก็ได้ลงเล่นในนาทีที่ 82 แมตช์บุกทุบ อตาลันต้า 5-0

ฉะนั้นสิ่งที่สำคัญในเวลานี้ก็คือ คล็อปป์ ต้องปกป้อง โรเบิร์ตสัน เพราะเขาเป็นสมาชิกในทีมคนเดียวที่มีสภาพร่างกายฟิตเกินร้อยในแผงแบ็กโฟร์ ซึ่งแน่นอนว่า ดาวเตะเลือดวิสกี้ จะเป็นกำลังสำคัญของ ลิเวอร์พูล ในช่วงหลายๆ เดือนต่อจากนี้

ทั้งนี้ ซิมิกาส กลับมาเรียกความฟิตได้แล้วก็ตามในสัปดาห์นี้ และลงสนาม 45 นาทีในแมตช์ที่ช่วยทัพ "เทพนิยาย" ชนะ ไซปรัส 2-1 ซึ่งแน่นอนว่าเรื่องนี้ทำให้ นายใหญ่ชาวเยอรมัน คงรู้สึกโล่งใจพอสมควร เพราะจะได้โรเตชั่นตำแหน่งแบ็กซ้าย

ทอมเม้ง