เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ แบ็กขวาจอมบุก "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล มีโอกาสได้ปะทะฝีเท้ากับนักเตะชั้นยอดมากมายในวงการลูกหนัง นั่นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เขาจะได้พบกับผู้เล่นที่มีความสุดยอดมากมาย และทำให้เขาได้เรียนรู้รวมทั้งพัฒนาฝีเท้าอย่างต่อเนื่อง

"เจ้าหนูเทรนต์" เคยมีโอกาสได้ปะทะฝีเท้ากับ ลิโอเนล เมสซี่ มาแล้ว และทำให้เขาได้รู้ซึ้งถึงความยอดเยี่ยมของ สตาร์ลูกหนังชาวอาร์เจนไตน์ ซึ่งเจ้าตัวยอมรับว่าเป็นนักเตะที่ไม่มีใครจะสามารถเทียบชั้นได้แม้แต่ คริสเตียโน โรนัลโด้ กัปตันทีมชาติโปรตุเกส

จากประสบการณ์ที่ได้ดวลกับผู้เล่นหลากหลายรูปแบบ ทำให้ ฟูลแบ็กอนาคตไกลทีมชาติอังกฤษ ใช้เวลาว่างในช่วงพักเบรกทีมชาติจัด 7 ผู้เล่นที่เพอร์เฟกต์ที่สุดในวงการฟุตบอลจากแนวคิดของเขาเอง

เท้าขวา - เควิน เดอ บรอยน์

คู่แข่งแย่งแชมป์พรีเมียร์ลีก โดยตรงของ ลิเวอร์พูล ตลอดช่วง 3 ปีที่ผ่นมา โดยหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทำผลงานได้อย่างสุดยอดนั่นก็คือการที่พวกเขามี เควิน เดอ บรอยน์ เพลย์เมกเกอร์ทีมชาติเบลเยียม ที่คอยทำหน้าที่สร้างสรรค์เกมให้ทัพ "เรือใบสีฟ้า"

เดอ บรอยน์ ประสบความสำเร็จกับ แมนฯ ซิตี้ ด้วยการคว้าแชมป์ลีกสูงสุดเมืองผู้ดีมาแล้ว 2 สมัย, เอฟเอ คัพ 1 สมัย และลีก คัพ (คาราบาว คัพ) 4 สมัย โดยนักเตะยังขาดเกียรติยศในการคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เท่านั้นซึ่งเจ้าตัวปรารถนาอย่างแรงกล้ากับโทรฟี่ "บิ๊กเอียร์"

เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมาแม้ว่า "หงส์แดง" จะผงาดคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกที่เฝ้ารอมานานถึง 30 ปีได้สำเร็จก็ตาม แต่ สตาร์ลูกหนังชาวเบลเยียม วัย 29 ปี ผงาดคว้ารางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของ สมาคมนักฟุตบอลอาชีพอังกฤษ (พีเอฟเอ) จากฟอร์มที่เลิศเลอเพอร์เฟกต์กับต้นสังกัด

เดอ บรอยน์ สวมบทเพลย์เมกเกอร์ที่น่าเหลือเชื่อเมื่อซัดการแอสซิสต์ในเกมลีกได้ถึง 20 ครั้งเมื่อซีซั่นที่ผ่านมา โดย อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ กล่าวว่า "เขาเป็นนักเตะที่ผ่านบอลได้เฉียบคมที่สุดเท่าที่ผมเคยสู้ด้วย เขาเป็นคนที่ทำให้ผมรู้สึกทึ่งไปเลย"

เท้าซ้าย - ลิโอเนล เมสซี่

เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ เคยมีโอกาสได้ปะทะฝีเท้ากับ ลิโอเนล เมสซี่ หนึ่งในนักเตะที่เก่งที่สุดในโลกมาแล้ว ในเกมรอบรองชนะเลิศ ศึกแชมเปี้ยนส์ ลีก นัด 2 ที่สนามแอนฟิลด์ โดยเจ้าตัวได้ประจักษ์แก่สายตาถึงความเก่งฉกาจของสตาร์ชาวอาร์เจนไตน์

ย้อนกลับไปก่อนแมตช์พลิกนรก นั่นก็คือเกมที่ "หงส์แดง" ยกพลเยือน บาร์เซโลน่า ที่สนามคัมป์ นู นัดแรก โดยเกมนั้น "เจ้าหนูเทรนต์" ไม่ได้ลงสนาม และเขาได้เห็นความสุดยอดของ เมสซี่ กับตาเมื่อเหมา 2 ประตูโดยหนึ่งในนั้นเป็นการซัดฟรีคิกสุดสวยซึ่งจบเกม บาร์ซ่า ถล่มไปสกอร์ 3-0

อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ซึ่งลงเฃ่นเกม 2 พร้อมกับโชว์ฟอร์มสุดยอดช่วยให้ "เดอะ เร้ดส์" พลิกนรกถล่ม "เจ้าบุญทุ่ม" 4-0 ทะลุเข้ารอบชิงชนะเลิศ ก่อนจะคว้าแชมป์ถ้วยใบโตยุโรป ในปี 2019 เปิดใจเกี่ยวกับความสุดยอดของ ดาวเตะเจ้าของบัลลงดอร์ 6 สมัยว่า "ไม่มีนักเตะในโลกนี้ หรือไม่มีนักเตะคนไหนอีกแล้ว ที่สามารถหยุดเขาได้ในยุคนี้ สำหรับผมเขาเป็นนักเตะที่เก่งที่สุดเท่าที่เคยเจอมา"

สปีดเร็วกว่านรก - อดาม่า ตราโอเร่

ลิเวอร์พูล ต้องเจอกับงานสุดหินในการปะทะกับ วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา โดยหนึ่งในเหตุผลสำคัญก็เพราะ "หมาป่า" มีนักเตะที่ชื่อ อดาม่า ตราโอเร่ ซึ่งจัดการปั่นป่วนแนวรับของ "หงส์แดง" จนแทบรากเลือด

ปีกทีมชาติสเปน เป็นคนเปิดบอลให้ ราอูล ฮิเมเนซ ยิงประตูตีเสมอ แถมนักเตะยังสร้างสรรค์โอกาสให้กับเพื่อนร่วมทัพ วูล์ฟส์ ได้หลายต่อหลายครั้ง อย่างไรก็ตามท้ายที่สุดแล้ว โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ สวมบทฮีโร่ "เดอะ เร้ดส์" ซัดประตูชัยให้กับทีม

สำหรับฟอร์มการเล่นของ ตราโอเร่ ซึ่งถูกเรียกตัวติดธง "กระทิงดุ" ไปแล้ว ยังคงสร้างความประทับใจให้กับ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ มาตลอด โดยเจ้าตัวกล่าวว่านี่คือนักเตะที่เหนือความคาดหมายอย่างแท้จริง "เขาเกือบจะไม่ใช่คนแล้วกับแนวทางการเล่นที่เขาสามารถเปลี่ยนทิศทางและพุ่งไปอย่างรวดเร็ว ผมแทบไม่เคยรู้สึกหมดพลังในการต่อสู้กับบางคน จนได้มาเจอกับตัวเขานี่แหละ"

"ด้วยพลังที่ยอดเยี่ยม ทำให้คุณไม่สามารถรับมือกับเขาได้ง่ายเลย ผมยังจำได้ถึงฤดูกาลที่แล้วตอนที่เขามาเล่นที่ แอนฟิลด์ เขาแค่พลิกตัวก็พาบอลไปได้แล้ว ผมไม่เคยต้องเจอกับความรู้สึกแบบนั้นมาก่อน มันต้องเป็นแค่เขาเท่านั้นแหละที่ทำได้" กองหลังทีมชาติอังกฤษ กล่าวในที่สุด

ทรหดอดทน - เจมส์ มิลเนอร์

ในขณะที่ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ กับ ซาดิโอ มาเน่ มักจะได้รับความสนใจเนื่องจากเป็นผู้เล่นที่จบสกอร์ให้กับทีมได้มากมายอย่างน่าเหลือเชื่อ แต่จริงๆ แล้วความสำเร็จของ ลิเวอร์พูล มีเบื้องหลังที่ยอดเยี่ยมยิ่งกว่านั้น เพราะ "หงส์แดง" มีขุมกำลังปิดทองหลังพระที่เหนือคำบรรยาย

แน่นอนว่านักเตะคนนั่นก็คือ เจมส์ มิลเนอร์ ซึ่งเขายังคงมีสภาพร่างกายที่ฟิตเปรี๊ยะและแข็งแรงทั้งๆ ที่ปัจจุบันอายุปาเข้าไป 34 ปีแล้ว แต่ อดีตดาวเตะ "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และทีมชาติอังกฤษ ยังสามารถเล่นในเกมระดับสูงได้สบายๆ แถมยังเล่นได้หลากหลายตำแหน่งตามที่กุนซือสั่งด้วย

หากจะหาคำนิยามที่จะพูดเกี่ยวกับ มิลเนอร์ งานนี้ "เจ้าหนูเทรนต์" ยกให้เขาเป็นรถถังประจัญบานที่แข็งแกร่งทรหดอดทนอย่างแท้จริง "ผมไม่คิดว่าผมจะเห็นใครซักคนที่มีสภาพความฟิตเหมือนกับเขา ! นี่คือนักเตะที่มีสภาพร่างกายฟิตที่สุดของ ลิเวอร์พูล และพร้อมที่จะสร้างความแตกต่างให้กับทีมได้เสมอ"

แข็งแกร่งทั่วแผ่น - โมฮาเหม็ด ซาลาห์

"โม ซาลาห์" ลงสนามให้กับต้นสังกัดตั้งแต่เปิดฉากฤดูกาลนี้ ด้วยยิงไปแล้ว 8 ประตูให้กับทัพ "เดอะ เร้ดส์" ในเกมพรีเมียร์ลีก โดยเมื่อรวมยอดการถล่มตาข่ายของ "คิง ออฟ อียิปต์" แล้วตอนนี้เข้าซัดไปเบาะๆ 104 ประตูจากการเล่น 165 เกมให้กับ ลิเวอร์พูล

ดาวเตะแดนมัมมี่ เป็นหนึ่งในผู้เล่นสำคัญในยุคเจอร์เก้น คล็อปป์ โดยช่วงสร้างความแตกต่างให้กับแนวรุกของทีม พร้อมทั้งมีเท้าซ้ายที่สุดอัศจรรย์ ยิ่งไปกว่านั้น ซาลาห์ คือกำลังหลักที่ช่วยให้สโมสรแห่งนี้ปลดแอก 30 ปีที่รอคอยการคว้าแชมป์ลีกสูงสุดเมืองผู้ดีด้วย

ฟูลแบ็กอนาคตไกลทีมชาติอังกฤษ ยกย่องทักษะของ ซาลาห์ ว่ามีส่วนสำคัญที่ช่วยทำให้ทีมประสบความสำเร็จ "แนวทางที่เขาบังบอล และการใช้ร่างกายเข้าปะทะกับกองหลังคู่แข่งเป็นอะไรที่สุดยอดมาก เขาไม่ใช่แค่แข็งแกร่งเท่านั้น แต่เขายังรวดเร็วปานสายฟ้าด้วย"

จอมโขก - เฟอร์จิล ฟาน ไดค์

ลิเวอร์พูล ตัดสินใจควักกระเป๋าจำนวน 75 ล้านปอนด์ (ราว 2,850 ล้านบาท) ให้กับ เซาธ์แฮมป์ตัน เพื่อคว้าตัว เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ มาคุมแนวรับ เมื่อเดือนมกราคม 2018 โดยเขาเป็นหนึ่งในจิ๊กซอว์สำคัญที่ทำให้ "หงส์แดง" กลับมาครองความยิ่งใหญ่ทั้งในประเทศและต่างแดน

กองหลังทีมชาติฮอลแลนด์ ซึ่งปัจจุบันอยู่ในช่วงพักฟื้นจากการผ่าตัดหัวเข่าหลังโดน จอร์แดน พิคฟอร์ด เข้าเสียบหนักในเกมเมอร์ซี่ย์ไซด์ ดาร์บี้แมตช์ เปรียบเสมือนกำแพงเหล็กที่ช่วยป้องกันแนวรุกคู่แข่งได้เป็นอย่างดี เขามีทั้งความแข็งแกร่ง และทักษะในการเล่นบอลทุกรูปแบบ

โดยเฉพาะลูกกลางอากาศ ฟาน ไดค์ สามารถเก็บกินเรียบ ที่สำคัญเวลาที่ทีมได้ลูกตั้งเตะไม่ว่าจะฟรีคิกหรือเตะมุม เจ้าตัวจะขึ้นไปช่วยทำประตูด้วยบ่อยๆ แม้หลายคนจะประทับใจกับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่กระโดดได้สูงเกือบ 8 ฟุต 5 นิ้ว (ประมาณ 256.54 เซนติเมร) ราวกับ ไมเคิ่ล จอร์แดน (ตำนานนักบาสชาวอเมริกัน) กํตาม แต่ เทรนต์ มองว่า ฟาน ไดค์ มีความโดดเด่นมากกว่า

"เขาเล่นลูกกลางอากาศได้อย่างน่าเหลือเชื่อมากๆ ไม่ว่าจะในกรอบเขตโทษของทีมหรือในกรอบเขตโทษคู่แข่ง เขาสามารถกระโดดขึ้นมาทำประตูได้ดีเยี่ยมมาก" ฟูลแบ็กจอมแอสซิสต์ทีมชาติอังกฤษ กล่าวเชิดชู เซนเตอร์แบ็กเลือดด๊อยท์ช

ทักษะเหลือชั้น - เนย์มาร์

ลองนึกภาพเอาว่าจะหานักเตะที่เต็มไปด้วยลูกเล่นแพรวพราว และสามารถสร้างสิ่งมัศจรรย์ได้ตลอดเวลา คงไม่มีชาติไหนที่จะเหนือชั้นไปกว่าบรรดาพ่อค้าแข้งชาวบราซิเลียนแน่นอน เพราะดินแดนกาแฟแห่งนี้ผลิตผู้เล่นระดับเวิลด์คลาสมาประดับวงการลูกหนังมากมาย

ไม่ว่าจะเป็น เปเล่, ซิโก้, โรมาริโอ, โรนัลโด้ (โล้นทองคำ), ริวัลโด้ และ โรนัลดินโญ่ ต่างพิสูจน์ผลงานให้โลกได้ประจักษ์ชัดกันมาแล้ว ล่าสุดก็เป็นคิวของ เนย์มาร์ ที่เข้ามาสานความยิ่งใหญ่ให้กับชาวแซมบ้า ด้วยทักษะที่เหนือชั้นและลีลาที่แสนเพลินตา

ดาวเตะวัย 28 ปี ซึ่งค้าแข้งอยู่กับ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง มักจะดวงแตกโดนอาการบาดเจ็บเล่นงานบ่อยๆ แต่ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ยังเชื่อมั่นว่า เนย์มาร์ ซึ่งเป็นเจ้าของสถิตินักเตะแพงที่สุดในโลก ยังคงเป็นผู้เล่นที่มีทักษะน่าเหลือเชื่อที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา

"เขาเต็มไปด้วยความเฉลียวฉลาดไม่ว่าจะเป็นการใช้ขยับร่างกาย, สะโพก และเมื่อไหร่ก็ตามที่คุณคิดว่าบอลอยู่ตรงนั้นแล้วจะพยายามแย่งมาให้ได้ เขาจะหนีบบอลแล้วหลอกหนีคุณไปหน้าตาเฉย ที่สำคัญเขายังสามารถเปลี่ยนทิศทางการเลี้ยงบอลได้ในชั่วพริบตา " อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ กล่าว

มันสมอง - ลิโอเนล เมสซี่

นอกจากเท้าซ้ายที่สุดน่าเหลือเชื่อ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ยังชื่นชม เมสซี่ ว่าเป็นนักฟุตบอลที่มีมันสมองปราดเปรื่อง โดยเขาคือผู้เล่นที่เป็นหัวใจของ บาร์เซโลน่า ตลอดความสำเร็จช่วงเกือบ 2 ทศวรรษ และยังเป็นแรงบันดาลใจให้กับนักเตะสายเลือดใหม่มากมาย

สตาร์ลูกหนังวัย 33 ปี ยิงประตูไปแล้วกว่า 711 ประตูจากการเล่นให้กับสโมสรและทีมชาติอาร์เจนตินา นอกจากนี้ยังแอสซิสต์ไปถึง 329 ครั้ง แน่นอนว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่ เมสซี่ ลงสนาม บาร์เซโลน่า เปรียบเสมือนเสือติดปีก เพราะมีแค่เจ้าตัวคนเดียวก็สามารถเปรียบเกมได้ทันที

ปัจจุบันในสายตาของ "เจ้าหนูเทรนต์" มองว่าไม่มีใครที่จะทำผลงานได้เหนือกว่า เมสซี่ แม้แต่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่ได้ชื่อว่าเป็นคู่แข่งกันมายาวนาน "บางครั้งผมไม่คิดว่าร่างกายของเขาจะรู้ว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ ทั้งหมดนี้มันเกิดขึ้นมาจากการทำงานของสมองที่รวดเร็ว ซึ่งเขาว่องไวกว่านักเตะคนอื่นๆ จริงๆ"