แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีคิวรับมือ เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน ในเกมพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ที่สนามโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด โดยงานนี้ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา เตรียมที่จะจัดทัพเต็มสูบเพื่อหวังจะเก็บชัยชนะในการเล่นเกมลีกแมตช์แรกประจำฤดูกาลนี้ หลังจากที่พวกเขาเครื่องสะดุดคาถิ่นมาแล้ว 4 เกม
    อย่างไรก็ตามปัญหาที่ โซลชา จะต้องพบก็คือนักเตะหลักในเกมรุกอย่าง มาร์คัส แรชฟอร์ด ยังต้องลุ้นเรื่องสภาพความฟิต เช่นเดียวกันแนวรับทั้ง แฮร์รี่ แม็กไกวร์ และ วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ ยังต้องเช็กความฟิตแต่ดูเหมือนว่าทั้งสองคนน่าจะพร้อมเมื่อถึงเวลาคิกออฟ

    ขณะเดียวกันเรื่องที่น่าจับตามองก็คือการที่ "น้าลูกอม" จะส่ง อเล็กซ์ เตลลิส แบ็กซ้ายชาวบราซิเลียน ลงตัวจริงในเกมลีกแมตช์แรกของเขา หลังนักเตะหายขาดอาการโควิด19 ที่สำคัญ เดนิส เออร์วิน ตำนานฟูลแบ็ก "ปีศาจแดง" มั่นคงมั่นใจว่านักเตะรายนี้จะทำให้เกมรุกของ "เร้ด เดวิลส์" แตกต่างไปจากเดิม

1. เตลลิส ความหวังใหม่กับการเปิดบอลริมเส้นที่สุดอันตราย
    อเล็กซ์ เตลลิส สร้างความประทับใจให้กับสาวก "เร้ดส์ อาร์มี่" อย่างมาก ในเกมที่ "ปีศาจแดง" บุกชนะ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม โดยดาวเตะชาวบราซิเลียน แสดงให้เห็นถึงทักษะชั้นยอดในการเปิดบอลที่คมกริบ และอันตรายสุดๆ

    ต้องบอกว่าน่าเสียดายจริงๆ สำหรับ เตลลิส ที่ได้ลงเล่นแค่เกมเดียวกับ แมนฯ ยูไนเต็ด นับตั้งแต่ย้ายมาร่วมทีมในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา เนื่องจากนักเตะดันดวงแตกติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้ต้องการกักตัว และได้แต่ดูเพื่อนร่วมทีมลงสนาม อย่างไรก็ตามตอนนี้นักเตะเคลียร์ชัดแล้วว่าไม่มีเชื้อโควิด และมีความเป็นไปได้สูงที่ โซลชา จะส่งลงเล่นตัวจริงในเกมแรก

    สำหรับ  ดาวเตะเลือดแซมบ้า มีโอกาสได้ลงฝึกซ้อมร่วมกับทัพใหญ่แมนฯ ยูไนเต็ด แล้ว และจากการที่ ลุค ชอว์ ยังอยู่ในช่วงพักฟื้นจากอาการบาดเจ็บ งานนี้ "น้าลูกอม" อาจจะเลือกให้โอกาส เตลลิส ได้ลงสนาม โดยเรื่องนี้ เดนิส เออร์วิน ตำนานแบ็กซ้ายแมนฯ ยูไนเต็ด เห็นด้วยอย่างมาก

    เออร์วิน ถึงขนาดเปรียบเทียบศักยภาพในการเปิดบอลของ เตลลิส พอๆ กับ เดวิด เบ็คแฮม ตำนานมิดฟิลด์เท้าชั่งทองแมนฯ ยูฯ พร้อมชมนักเตะมีเท้าซ้ายที่สามารถเปิดบอลได้อย่างแม่นยำ และรวดเร็ว ซึ่งเหมาะกับสไตล์กองหน้าของทีมที่มีจุดเด่นเรื่องความรวดเร็ว

2. ลุ้น แรชฟอร์ด ฟิตล่าตาข่าย
    สิ่งที่น่ากังวลสำหรับแฟนบอลแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ โซลชา นั่นก็คืออาการบาดเจ็บของ มาร์คัส แรชฟอร์ด โดยนักเตะไม่ได้เดินทางไปร่วมรับใช้ทีมชาติอังกฤษช่วงพักเบรกทีมชาติ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากได้รับบาดเจ็บที่หัวไหล่ในเกมถลุง เอฟเวอร์ตัน ที่กูดิสัน พาร์ค

    ฉะนั้น "น้าลูกอม" คงต้องลุ้นหนักว่า แรชฟอร์ด จะฟิตสมบูรณ์พร้อมลงสนามหรือไม่ แต่ในรายของ อองโตนี่ มาร์กซิยาล คงจะได้เป็นตัวหลักในเกมรุก หลังนักเตะเพิ่งทำผลงานได้ดีให้กับทีมชาติฝรั่งเศส โดยงานนี้มีความเป็นไปได้ที่ "น้องหมาก" จะยืนเป็นหน้าเป้า โดยมีสองผู้เล่นแนวรุกขยับเล่นทางกว้าง

    ด้าน เมสัน กรีนวู้ด มีโอกาสเป็นไปได้สูงที่นักเตะจะได้ลงเล่นตัวจริงในเกมนี้เช่นกัน แม้ว่า หัวหอกดาวรุ่งเลือดผู้ดี จะอยู่ในช่วงมีปัญหาส่วนตัวเยอะไปหน่อย แต่สำหรับ โซลชา แล้วเขายังคงเป็นผู้เล่นที่เต็มไปด้วยศักยภาพชั้นยอด และสามารถสร้างความแตกต่างด้วยความเร็ว รวมทั้งยังเล่นสองเท้าได้ดี และยิงประตูเฉียบคมแม่นยำ

    ขณะที่ เอดินสัน คาวานี่ หัวหอกจอมเก๋าชาวอุรุกวัย อาจจะได้รับโอกาสในการลงสนามเป็นตัวจริงในเกมลีกครั้งแรกเนื่องจากนักเตะเต็มไปด้วยประสบการณ์ ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นที่ โซลชา ต้องการอย่างมากเพื่อช่วยประทับประคองแนวรุกที่ยังขาดความคงเส้นวา 
 
3. สิ่งที่ กรีนวู้ด ต้องทำเพื่อโอกาสเป็นตัวจริงถาวร
    สถานการณ์ของ กรีนวู้ด ในเวลานี้ต้องบอกว่าโดนวิจารณ์อย่างหนักกับพฤติกรรมนอกสนามโดยเฉพาะความขี้เกียจในการซ้อม โดยสิ่งเหล่านี้ทำให้นักเตะขาดสมาธิซึ่งถ้าเจ้าตัวต้องการที่จะกลับมาเป็นลูกรักโซลชา อีกครั้ง สิ่งที่ต้องทำอันดับแรกก็คือการไม่ต้องไปใส่ใจเสียงนกเสียงกาที่วิจารณ์เขา

    ที่สำคัญหากเจ้าตัวได้รับโอกาสลงเล่นในเกมรับมือ "เดอะ แบ็กกี้ส์" ควรจะงัดฟอร์มเก่งออกมาเพื่อจะได้จัดการใช้ผลงานตอกกลับเสียงวิจารณ์ แน่นอนว่าหากเขาโชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่นช่วยให้ทีมชนะ เสียงที่ตำหนิติเตียนต่างๆ จะเป็นเป็นเสียงชื่นชมทันที

     อีกหนึ่งเรื่องที่จะทำให้ กรีนวู้ด ได้ลงสนามตัวจริงในแมตช์พบ เวสต์บรอมวิช ก็คือสภาพร่างกายที่ฟิตสมบูรณ์เนื่องจากเขาได้พักเต็มที่ และมีเวลากับการซ้อมร่วมกับ "ผีแดง" ในช่วงพักเบรกทีมชาติ เพราะนักเตะไม่มีชื่อติดทีมชาติอังกฤษ ในช่วงที่ผ่านมา

    หากมองดูแนวรุกของ แมนฯ ยูฯ ในเวลานี้มีความเป็นไปได้ที่นักเตะจะมีปัญหาอย่างในรายของ คาวานี่ ก็ต้องนั่งเครื่องกลับอเมริกาใต้ เพื่อช่วย อุรุกวัย และยังต้องนั่งนกเหล็กกลับอังกฤษอีก แน่นอนว่าสภาพร่างกายของเขาคงมีอาการเหนื่อยล้ากันพอสมควร ขณะที่ มาร์กซิยาล ก็เล่นตัวจริงให้ ฝรั่งเศส แถมมีอาการเจ็บหลังนิดหน่อย ส่วน แรชฟอร์ด แม้จะมีข่าวว่าอาจจะฟิตทัน แต่ก็ยังน่าสงสัยว่าจะฟิตเต็มร้อยหรือเปล่า ?

    ฉะนั้นในเวลานี้ "น้าลูกอม" คงมองเห็นแล้วว่า กรีนวู้ด เป็นกองหน้าคนเดียวที่มีสภาพร่างกายฟิตสมบูรณ์ที่สุด และเหมาะที่จะลงเล่นตัวจริง โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาโปรแกรมที่แน่นเอี๊ยดในเวลานี้ การส่งนักเตะสดใหม่ลงสนามเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด ยิ่งไปกว่านั้นหาก "ไม้เขียว" เล่นได้ดีในเกมกับ "เดอะ แบ็กกี้ส์" ยิ่งจะทำให้เขามีความมั่นใจมากขึ้น และพร้อมที่จะกลับมาเป็นนักเตะชั้่นยอดเหมือนเมื่อซีซั่นที่ผ่านมาอีกครั้ง 
 
4. ลุ้น แม็กไกวร์ กับ ลินเดอเลิฟ ฟิตสมบูรณ์
    แฮร์รี่ แม็กไกวร์ เพิ่งตกเป็นข่าวว่าจะต้องโดนแพทย์ประจำสโมสรประเมินอาการบาดเจ็บ หลังจากที่นักเตะได้รับบาดเจ็บที่เท้าในขณะรับใช้ทีมชาติอังกฤษ  เกมอุ่นเครื่องชนะ ไอซ์แลนด์ ยังไม่หมดแค่นั้นเพราะ โซลชา ยังต้องเจอกับปัญหาหนักอกหนักใจเพิ่มอีกเมื่อ วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ มีปัญหาบาดเจ็บหลัง

    แน่นอนว่าการที่สองแนวรับสำคัญยังต้องลุ้นว่าจะฟิตมากพอลงสนามในเกมพบ เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน หรือไม่ ทำให้ โซลชา ปวดเศียรเวียนเกล้าพอสมควร เพราะหันซ้ายแลขวาแล้วนักเตะที่พอจะฝากผีฝากไข้ในเกมรับก็ไม่ค่อยน่าไว้วางใจมากนัก

     แม้ว่า แม็กไกวร์ จะทำผลงานได้ไม่ค่อยโดดเด่นมากนักในช่วงต้นฤดูกาลนี้ แต่นักเตะก็เพิ่งโชว์ฟอร์มได้ดีเยี่ยมในเกมที่ช่วย "สิงโตคำราม" ชนะ ไอซ์แลนด์ ซึ่งแน่นอนว่า "น้าลูกอม" คงคาดหวังที่จะเห็นนักเตะทำผลงานได้โดดเด่นกับต้นสังกัดเหมือนที่โชว์ให้เห็นในทีมชาติ

    หาก แม็กไกวร์ ฟิตสมบูรณ์ เช่นเดียวกับ ลินเดอเลิฟ งานนี้ โซลชา คงจะใจชื่นพอสมควร เพราะการมีทั้งสองคนอยู่ในทีมน่าจะช่วยคุมเกมรับได้ดี เนื่องจากแนวรุกของ เวสต์บรอมวิช ก็ไม่ค่อยอันตรายมากนัก แต่หากทั้งคู่ไม่พร้อม งานนี้นายใญ่ชาวนอร์เวย์คงมีโจทย์ยากให้ต้องแก้ไขชัวร์

 5. ได้เวลาเปลี่ยน โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ให้กลับมามีมนต์ขลังอีกครั้ง
    แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตั้งเป้าที่จะจบช่วงเวลาที่แสนย่ำแย่กับการเล่นเกมลีกในโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ประจำฤดูกาลนี้ เพราะพวกเขาทำผลงานได้น่าผิดหวังมากๆ ในการเล่นสนามเหย้าตัวเอง เนื่องจากยังสะกดชัยชนะไม่ได้เลยในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ

    ผลงานแพ้ 3 เสมอ 1 ใน "โรงละครแห่งความฝัน" ถือว่าน่าเจ็บปวดมากๆ สำหรับเมกะลูกหนังที่เต็มไปด้วยมนต์ขลัง และครั้งหนึ่งเคยได้ชื่อว่าเป็นสนามที่ทำให้บรรดาทีมเยือนต้องขาสั่น เนื่องจาก แมนฯ ยูไนเต็ด มักจะทำผลงานได้อย่างน่าเหลือเชื่อเมื่อเล่นในสนามตัวเอง

    ที่สำคัญบนความพ่ายแพ้ 3 เกมดังกล่าวยังมีความอัปยศอยู่ด้วย เพราะทัพ "ผีแดง" โดน "ดิ อีเกิ้ลส์" คริสตัล พาเลซ ไล่ต้อนสกอร์1-3 ตามด้วยการพ่ายแพ้แบบยับเยินให้กับ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ที่มี โชเซ่ มูรินโญ่ อดีตกุนซือ ทำหน้าที่กุมบังเหียน ด้วยสกอร์ 1-6 ก่อนจะมาแพ้แบบน่าเจ็บปวดต่อ อาร์เซน่อล 0-1

    อย่างไรก็ตามผลงานในการเล่นทีมเยือนเกมลีกตรงข้ามกันเลย โดยพวกเขาเก็บชัยชนะเรียบวุธ ดังนั้นสิ่งที่ โซลชา คาดหวังในแมตช์รับมือ เวสต์บรอมวิช ก็คือการยุติสถิติที่ย่ำแย่กับการเล่นใน "เธียเตอร์ ออฟ ดรีม" ซึ่งหากพวกเขาทำได้ น่าจะเป็นนิมิตหมายที่ดีสำหรับการเริ่มต้นนับ 1 ในการสร้างผลงานชั้นยอดในบ้านตัวเองประจำซีซั่นนี้