เอดินสัน คาวานี่ แสดงให้เห็นแล้วว่าอายุเป็นเพียงตัวเอง เมื่อเขาลงสนามในครึ่งหลังเท่านั้น แต่มีส่วนต่อชัยชนะแบบพลิกนรกของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่บุกสอย เซาธ์แฮป์ตัน 3-2 ที่สนามเซนต์ส แมรี่ส์ ในเกมพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
   
แม้ว่าช่วงต้นซีซั่นนี้ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา จะทำผลงานได้ตะกุกตะกักก็ตาม แต่ตอนนี้ดูเหมือนอะไรหลายๆ อย่างเริ่มเข้ารูปเข้ารอย โดยเฉพาะ บรูโน่ แฟร์นันด์ส ที่นับวันยิ่งเป็นเหมือนจุดศูนย์กลางของทีมที่ขาดไม่ได้ไปแล้ว เช่นเดียวกับ คาวานี่ ที่แสดงให้เห็นว่าเขาคือหน้าเป้าที่ "ผีแดง" เฝ้ารอมานาน

อีกหนึ่งจุดที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลยนั่นก็คือแดนกลาง โดย "น้าลูกอม" จับ ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ็ค, เฟร็ด และ เนมานย่า มาติช ลงสนามพร้อมกันและทั้งสามคนประสานงานกันได้อย่างลงตัว ทำให้ แฟร์นันด์ส เล่นเกมรุกได้อย่างมีอิสระ ที่สำคัญหัวใจนักสู้ในแบบ "ผีแดง" ที่สาวก "เร้ด อาร์มี่" อยากเห็น เกมนี้พวกเขาได้เห็นเต็มสองตาแล้ว

1. บรูโน่ กล่องดวงใจที่แมนยูขาดไม่ได้

หากจะถามว่าตอนนี้ใครคือจุดศูนย์กลางของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แน่นอนว่าทุกเสียงต้องพูดเหมือนกันว่า บรูโน่ แฟร์นันด์ เพราะนี่คือผู้เล่นที่เป็นทุกอย่างของ "ปีศาจแดง" ไม่ว่าจะเป็นการยิงประตู, จ่ายบอล, รับหน้าที่เล่นลูกฟรีคิก และยังคอยกระตุ้นทีม ทั้งหมดนี้อยู่ในตัวของดาวเตะเลือดฝอยทอง

ทุกครั้งที่ แมน ยูไนเต็ด ตกเป็นรองและไม่รู้ว่าจะแก้ปัญหายังไง แค่ส่งบอลไปให้ แฟร์นันด์ส ปัญหาทุกอย่างก็สามารถคลี่คลายไปในทางที่ดี แม้ว่าเจ้าตัวจะพลาดโอกาสทองตีเสมอให้ทีมในช่วงครึ่งแรกเมื่อซ้ำลูกยิงของ เมสัน กรีนวู้ด แต่โดน อเล็กซ์ แม็คคาร์ธี่ ป้องกันได้อย่างหวุดหวิด

อย่างไรก็ตามในช่วงครึ่งหลัง จอมทัพทีมชาติโปรตุเกส ผลิตฟอร์มเทพประทานให้โลกได้เห็นอีกครั้งเมื่อเจ้าตัวจัดการซัดประตูตีไข่แตกให้ทีมจากการแอสซิสต์ของ เอดินสัน คาวานี่ จากนั้นเขาก็มีส่วนที่ทำให้ คาวานี่ ซัดประตูตีเสมอได้อย่างสุดยอด

ผลงานในช่วง 5 เกมพรีเมียร์ลีกหลังสุดของ แฟร์นันด์ส กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้องบอกว่ามันสุดยอดมาก เมื่อเขาทำ 4 ประตูกับ 1 แอสซิสต์ ฉะนั้นจึงไม่ใช่เรื่องที่เกินเลยที่จะยกนักเตะคนนี้คือกล่องดวงใจของทัพ "ปีศาจแดง" ในยุคของกุนซือโอเล่ กุนนาร์ โซลชา อย่างแท้จริง
 
2. คาวานี่ ประสบการณ์เลอค่าอมตะ

ตอนที่ เอดินสัน คาวานี่ ย้ายมาอยู่ในถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ดใหม่ๆ หลายเสียงค่อนขอดว่านักเตะแก่เกินแกงไม่มีใครเอา และเป็นผู้เล่นที่ "ปีศาจแดง" ไม่ได้ต้องการในตอนแรก แต่จำใจต้องดึงตัวมาเสริมทัพช่วงโค้งสุดท้ายตลาดพ่อค้าแข้งซัมเมอร์ที่ผ่านมา เพื่อลบเสียงวิจารณ์จากแฟนบอลที่มองว่าทีมไม่ยอมดึงนักเตะระดับสตาร์มาเสริมทัพ

ในช่วงแรกๆ "เอล มาทาดอร์" ยังมีสภาพร่างกายไม่ค่อยฟิตเพราะไม่ได้ลงสนามมานานหลายเดือน แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าร่างกายและความฟิตของเขาเริ่มเข้าที่เข้าทางแล้ว ซึ่งเจ้าตัวแสดงให้ทุกๆ คนได้เห็นเต็มสองตาว่าประสบการณ์และความว่องไวในการทำประตูของเขายังคงเฉียบคมเหมือนเดิม

คาวานี่ แสดงให้เห็นถึงความเป็นยอดนักเตะที่ไม่ได้รู้สึกกดดันอะไรเลยเมื่อลงสนามในช่วงต้นครึ่งหลัง ซึ่งสถานการณ์ในเวลานั้น แมนฯ ยูฯ ตกเป็นรอง "นักบุญ" 0-2 และเจ้าตัวแสดงให้เห็นถึงคำว่า "คลาส" ฟุตบอลที่สุดยอดแม้อายุจะปาเข้าไป 33 ปีแล้วก็ตาม

เพียงแค่ 14 นาทีที่เท้าแตะสังเวียนหญ้าเขียวขจี คาวานี่ ก็ส่งบอลให้ แฟร์นันด์ส ซัดตีไข่แตก จากนั้นประตูตีเสมอ 2-2 ดาวยิงชาวอุรุกวัย แสดงให้เห็นถึงสัญชาตญาณการเป็นหน้าเป้าขนานแท้ในจังหวะที่ แฟร์นันด์ส ซัดไกลซึ่งจังหวะนั้นบอลแฉลบแข้งเจ้าถิ่นมาเข้าทาง โดย คาวานี่ เป็นคนเดียวที่อ่านเกมและวิ่งเข้าหาบอล ส่วนเพื่อนร่วมทีมและคู่แข่งมัวแต่ยืนสิ่ง

สำหรับประตูชัยต้องบอกเลยว่ามาจากประสบการณ์และความเฉลียวฉลาดในการวิ่งหาพื้นที่ว่างของ คาวานี่ อย่างแท้จริง ที่สำคัญการโหม่งบอลที่อยู่ในระดับเอว ต้องเป็นหน้าเป้าแท้ๆ ถึงจะมีสัญชาตญาญแบบนี้ได้ ฉะนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เขาจะได้สวมเสื้อหมายเลข 7 ของทีม

จากผลงานในเกมนี้แน่นอนว่าสาวก "เร้ด อาร์มี่" คงได้เห็นอะไรเด็ดๆ จาก คาวานี่ อีกเพียบชัวร์

3. โซลชา ว่องไวแก้เกมเฉียบพลัน

ชัยชนะที่ยอดเยี่ยมของทัพ "ปีศาจแดง" นอกจากจะชื่นชอบสปิริตนักสู้ของเหล่านักเตะแล้ว อีกหนึ่งคนที่จะไม่ยกเครดิตให้ไม่ได้เลยก็คือ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา เพราะแมตช์นี้ต้องยอมรับว่าเขามีความคิดฉับไวในการแก้ไขสถานการณ์ที่ทีมกำลังตกเป็นรอง "เดอะ เซนต์ส"

เริ่มตั้งแต่การที่ทีมขาด อองโตนี่ มาร์กซิยาล เนื่องจากมีอาการป่วยทำให้ โซลชา ต้องปรับหมากในการวาง 11 ตัวจริงใหม่ โดยเลือกใช้งาน มาร์คัส แรชฟอร์ด กับ เมสัน กรีนวู้ด ซึ่งต้องยอมรับว่า "ไม้เขียว" ทำผลงานไม่ค่อยน่าประทับใจมากนัก เพราะเขามีโอกาสยิงประตูให้ทีมในครึ่งแรก แต่ดูเหมือนจะขาดความเฉียบคม และความมั่นใจไปเยอะ

ในช่วงพักครึ่งเมื่อสกอร์เป็นรองถึง 2 ประตู สิ่งที่จำเป็นก็คือการปรับหมาก และ กรีนวู้ด คือผู้เล่นที่จำเป็นต้องเปลี่ยนออกไป เพื่อเปิดทางให้ คาวานี่ ได้ลงมาร่ายเวทมนตร์ในสถานการณ์ที่ทีมจำเป็นต้องได้ประตูให้เร็วที่สุดหากอยากมีแต้มติดไม้ติดมือกับบ้าน

การส่ง คาวานี่ ลงสนามถือว่าเป็นการปรับหมากที่ยอดเยี่ยมสำหรับ โซลชา เพราะหัวหอกชาวอุรุกวัยมีส่วนต่อเกมรุกของทีมตลอดช่วงครึ่งหลัง และทำให้แนวรับเจ้าบ้านต้องปั่นป่วน ที่สำคัญนักเตะยังใช้ประสบการณ์ในการวิ่งหาพื้นที่ว่างเพื่อทำประตู และก็สมฤทธิ์ผล

ฉะนั้นผลงานการคว้า 3 แต้มด้วยสปิริตแบบ "ผีแดง" ส่วนหนึ่งต้องยกเครดิตให้กับ โซลชา ที่จัดการปรับเปลี่ยนแท็กติกจนทำให้ทีมพลิกสถานการณ์จากไม่ได้อะไรเลย กลายมาเป็นทีมที่คว้า 3 คะแนนได้อย่างสุดยอดอย่างแท้จริง
 
4. แดนกลางลงตัว

โซลชา ตัดสินใจจับ ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ็ค ลงเล่นตัวจริงในเกมลีกนัดแรก และเจ้าตัวก็ไม่ทำให้เจ้านายผิดหวังเมื่อสามารถเล่นประสานงานกับเพื่อนร่วมแดนกลางทั้ง เฟร็ด และ เนมานย่า มาติช ได้อย่างลงตัว ที่สำคัญยังคอยทำหน้าที่สอดประสานกับ บรูโน่ แฟร์นันด์ส ได้ดีเยี่ยม

การครองบอลที่เหนียวแน่น การวิ่งหาพื้นที่ได้ดี ทำให้ดาวเตะเลือดดัตช์มีส่วนกับเกมรุกของทีม ในขณะที่ เฟร็ด คอยเป็นกองหนุนให้กับ ฟาน เดอ เบ็ค ในการเล่นเกมรุก แต่อาจจะมีถูกตำหนิอยู่บ้างจากการทำฟาวล์จนส่งผลให้ทีมเสียฟรีคิก และนำไปสู่การเสียประตูที่สอง

สำหรับ มาติช ต้องบอกเลยว่าแก่เก๋าประสบการณ์จริงๆ เพราะนักเตะคอยทำหน้าที่เป็นตัวเก็บกวาดหน้าแผงแบ็กโฟร์ได้ดีเยี่ยม คุมจังหวะการเล่นในแดนกลางได้ดี แถมบางจังหวะยังโชว์ลีลากระชากบอลขึ้นไปแดนหน้าได้ดี ถือเป็นผู้เล่นทรงคุณค่าของทีมจริงๆ

ที่สำคัญการที่แดนกลาง แมนฯ ยูไนเต็ด มีสามประสานคอยทำหน้าที่รับผิดชอบ นั่นทำให้ แฟร์นันด์ส มีโอกาสได้ขยับตัวไปเล่นเกมรุกมากขึ้น ซึ่งสิ่งนี้สร้างประโยชน์ให้กับ "ผีแดง" อย่างมาก เพราะการที่ เพลย์เมกเกอร์เลือดฝอยทอง ได้เล่นเกมรุกเต็มตัวโดยไม่ต้องพะวงเกมรับ ทำให้ทีมมีสิทธิ์ได้ประตูมากยิ่งขึ้น
 
5. ชนะนอกบ้านในลีก 8 เกมติดสถิติไม่ธรรมดาในยุคโซลชา

เก่งแต่ในบ้านไม่ใช่นิยมสำหรับ "ปีศาจแดง" ในยุคที่ "น้าลูกอม" บริหารจัดการ เพราะตอนนี้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แสดงสถิติที่น่าเหลือเชื่อเมื่อพวกเขาบุกไปชนะเจ้าบ้านในเกมพรีเมียร์ลีก 8 นัดติดต่อกัน (รวมช่วงท้ายซีซั่นที่ผ่านมาด้วย) ซึ่งถือว่ายอดเยี่ยมสุดๆ เมื่อเทียบกับผลงานในโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ฤดูกาลนี้

การบุกไปคว้า 3 คะแนนถึงถิ่นเซนต์ส แมรี่ส์ ได้สร้างสถิติใหม่ให้กับสโมสรเมื่อพวกเขาเก็บชัยชนะติดต่อกัน 8 นัดรวดในเกมลีกสูงสุดเมืองผู้ดี ที่สำคัญผลงานใน "โรงละครแห่งความฝัน" ซีซั่นปัจจุบันพวกเขาแพ้ไปแล้ว 3 เกม ซึ่งต้องบอกว่าน่าผิดหวังมากๆ

อย่างไรก็ตามหากมองทุกๆ รายการในซีซั่นนี้ที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ลงสนาม มีเพียงแค่เกมเยือนแมตช์เดียวเท่านั้นที่พวกเขาแพ้นั่นก็คือการบุกไปโดย บาซัคเซเฮียร์ ทุบถึงถิ่นอิสตันบูล ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ฉะนั้นต้องยอมรับว่าเกมเยือนของ "ผีแดง" ในเวลานี้เหี้ยมเหี้ยมยิ่งกว่าเกมเหย้าหลายเท่า

ลองคิดดูหาก โซลชา สามารถปรับฟอร์มการเล่นในบ้านให้โดดเด่นและดุดันเหมือนการเล่นเกมเยือนได้ แล้วทำไมโอกาสในการลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีก ซีซั่นนี้จะไม่เกิดขึ้นละ ?