ก่อนที่ศึกสกอตติชโอเพ่น 2020 รอบชิงชนะเลิศจะเริ่มขึ้น เชื่อว่าแฟนสนุกเกอร์จำนวนไม่น้อย คาดการณ์ว่า “ฉลามหิน” มาร์ค เซลบี้ นักสอยคิวมือ 4 ของโลกจากอังกฤษ จะโค่นแชมป์โลกคนล่าสุดอย่าง “เดอะร็อกเก็ต” รอนนี่ โอซัลลิแวน มือ 3 ของโลกจากชาติเดียวกัน ได้อย่างแน่นอน เนื่องจากฟอร์มการแทงในรายการนี้ ดีกว่าอย่างเห็นได้ชัด
   
ทว่า คงไม่มีสาวกกีฬาแม่นรูคนใด จะเชื่อว่า นักสอยคิวจากเมืองเลสเตอร์ จะเอาชนะ รอนนี่ ได้ง่ายดายขนาดนี้ ด้วยการเผด็จศึกสยบแชมป์โลก 6 สมัยลงอย่างราบคาบ 9-3 เฟรม ในการแข่งขันที่มาร์แชลอารีน่า เมืองมิลตันคีนส์ ประเทศอังกฤษ เมื่อช่วงดึกของวันอาทิตย์ที่ 13 ธันวาคมที่ผ่านมา

แม้สถิติการพบกัน เซลบี้ จะยังเป็นรองแบบสุดกู่ หลังจากเอาชนะไปแค่ 11 ครั้งเท่านั้น ส่วนรอนนี่เป็นกำชัยถึง 19 ครั้ง และผลจบลงด้วยการเสมออีก 1 ครั้ง

ทว่า 9 ครั้งที่ทั้งคู่ดวลกันในรอบชิงชนะเลิศ ปรากฏว่า เซลบี้ เป็นฝ่ายเฮถึง 6 ครั้งเลยทีเดียว และหากนับให้ลึกลงไปอีก ก็จะพบว่า มาร์ค เซลบี้ คว้าชัยเหนือ รอนนี่ ทั้ง 4 ครั้ง เมื่อทั้งคู่เข้ามาเจอกันในรอบชิงชนะเลิศของรายการระดับเวิลด์แรงค์กิ้ง ประกอบด้วย เวลช์โอเพ่น 2008, ชิงแชมป์โลก 2014, ยูเคแชมเปี้ยนชิพ 2016 และล่าสุดสกอตติชโอเพ่น 2020

แชมป์ในครั้งนี้ ทำให้ มาร์ค เซลบี้ สามารถป้องกันแชมป์ได้สำเร็จ หลังจากปีที่แล้ว เขาคว้าแชมป์รายการนี้มาครองเป็นหนแรก ที่นครกลาสโกว์ ประเทศสกอตแลนด์

พร้อมกับทำให้อดีตแชมป์โลก 3 สมัย คว้าเงินรางวัล 70,000 ปอนด์ หรือประมาณ 2,800,000 บาทไปครอง ได้รับคะแนนสะสมเพิ่มอีก 70,000 คะแนน ยังคงรั้งอันดับ 4 ของโลกเหมือนเดิม

อีกทั้ง ความสำเร็จครั้งล่าสุด ได้ทำให้นักสอยคิววัย 37 ปี คว้าแชมป์รายการระดับเวิลด์แรงค์กิ้งไปครองเป็นรายการที่ 19 เทียบเท่ากับ จัดด์ ทรัมป์ มือ 1 ของโลกจากอังกฤษ และ นีล โรเบิร์ตสัน มือ 2 ของโลกจากออสเตรเลีย

จนทำให้ทั้ง 3 คนนี้ รั้งอันดับ 6 ร่วม ในทำเนียบนักสอยคิวที่คว้าแชมป์รายการระดับเวิลด์แรงค์กิ้งมากที่สุด เป็นรองเพียง 5 คนเท่านั้น ได้แก่ รอนนี่ โอซัลลิแวน(37 รายการ), สตีเฟ่น เฮนดรี้(36 รายการ),จอห์น ฮิกกินส์(30 รายการ), สตีฟ เดวิส(28 รายการ) และมาร์ค เจ วิลเลียมส์(22 รายการ)

กล่าวได้ว่า ในยุคนี้ เป็นช่วงเวลาที่ 3 ทหารเสือแห่งวงการอย่าง จัดด์ ทรัมป์, นีล โรเบิร์ตสัน และ มาร์ค เซลบี้ แข่งกันไล่ล่าความสำเร็จอย่างแท้จริง

นอกจากนี้ จากการคว้าแชมป์สกอตติชโอเพ่นครั้งล่าสุด ได้ทำให้ มาร์ค เซลบี้ คว้าชัยในรอบชิงชนะเลิศ ของรายการระดับเวิลด์แรงค์กิ้ง 11 ครั้งติดต่อกัน ทำสถิติเทียบเท่ากับ สตีเฟ่น เฮนดรี้ ตำนานสอยคิวชาวสกอต ที่เคยทำได้ในช่วงระหว่างปลายปี 1993 ถึงต้นปี 1997

หากเขาคว้าชัยในรอบชิงชนะเลิศได้ในครั้งถัดไป จะทำให้จอมคิวจากเมืองเลสเตอร์ ทุบสถิติของตำนานแชมป์โลก 7 สมัยทันที

ด้าน รอนนี่ โอซัลลิแวน แม้จะจบทัวร์นาเมนต์ด้วยตำแหน่งรองแชมป์ รับเงินรางวัล 30,000 ปอนด์ หรือประมาณ 1,200,000 บาท พร้อมกับได้รับคะแนนสะสมอีก 30,000 คะแนน ยังคงรั้งอันดับ 3 ของโลกเหมือนเดิม

ทว่าเมื่อดูจากผลงานการแทงในรายการนี้ กล่าวได้ว่า ฟอร์มการออกคิวไม่ค่อยดีเท่าที่ควร จนเกือบจะร่วงตกรอบมาแล้วหลายแมตช์ แต่ก็อาศัยความเก๋า เอาตัวรอดมาได้ อาทิ แมตช์รอบ 32 คน ที่พลิกจากการโดนขึ้นแท่น กลับมาเฉือนชนะ เทียน เปง เฟย มือ 54 ของโลกจากจีน 4-3 เฟรม, แมตช์รอบก่อนรองชนะเลิศที่เฉือน ติง จุ้น ฮุย มือ 9 ของโลกจากจีน 5-4 เฟรม และแมตช์รอบรองชนะเลิศ ที่พลิกสถานการณ์กลับมาคว้าชัยเหนือ หลี หั่ง มือ 31 ของโลกจากจีน 6-4 เฟรม

นับตั้งแต่คว้าแชมป์โลกสมัยที่ 6 เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา แฟนสนุกเกอร์ไม่ได้เห็นมหาเทพแห่งวงการสอยคิวรายนี้ ออกคิวได้มหัศจรรย์ดั่งที่ควรจะเป็นอีกเลย แม้จะคว้ารองแชมป์ไปแล้ว 2 รายการก็ตาม นั่นก็คือ ศึกนอร์เทิร์นไอร์แลนด์โอเพ่น 2020 และสกอตติชโอเพ่น 2020 ที่เพิ่งจบไป

หนึ่งในเหตุผลสำคัญ ที่กูรูแห่งวงการคิวโลกได้วิเคราะห์กันว่า “เดอะร็อกเก็ต” มีมาตรฐานการแทงที่ตกลงไปก็คือ เขาเลือกที่จะไม่ซ้อมเลย โดยจะอาศัยการแข่งขันในรอบแรกๆเป็นการฝึกซ้อม

รอนนี่ เคยกล่าวตั้งแต่ก่อนฤดูกาลนี้(2020-2021) จะเริ่มว่า เขาจะลงแข่งขันทุกรายการ แต่จะไม่ซ้อม เพราะถ้ายิ่งซ้อมก็จะยิ่งรู้สึกเบื่อ และไม่อยากที่จะลงแข่งขัน ดังนั้นจึงเลือกที่จะซ้อมไปด้วยแข่งไปด้วยเหมือนกับที่ทำอยู่ในตอนนี้

แน่นอนว่า พอไม่ซ้อมเลย เหลี่ยมและน้ำหนักมือ ก็หายไปตามธรรมชาติ แม้จะลงแข่งขันบ่อยแบบสัปดาห์ชนสัปดาห์ก็ตาม

นอกจากนี้ จากการที่ รอนนี่ เปลี่ยนหัวคิวในระหว่างทัวร์นาเมนต์ ก็มีผลเช่นกัน เพราะหัวคิวใหม่ ที่เขาเปลี่ยนหลังจากจบรอบ 16 คน ยังไม่เข้าที่เข้าทาง จึงต้องใช้เวลาปรับอีกสักพัก

หลังจบศึกสกอตติชโอเพ่น 2020 ได้ทำให้ผลการประกบคู่ในรายการต่อไปอย่างศึกเวิลด์กรังด์ปรีซ์ 2020(2) ที่จะดวลคิวกันแบบต่อเนื่องกันไปเลย ได้คลอดออกมาเป็นที่เรียบร้อย โดยรายการนี้ ยังคงแข่งขันกันที่มาร์แชลอารีน่า เมืองมิลตันคีนส์ ประเทศอังกฤษ ระหว่างวันที่ 14-20 ธันวาคมนี้ ชิงเงินรางวัลรวม 380,000 ปอนด์ หรือประมาณ 15 ล้านบาท ผู้ที่คว้าแชมป์จะได้รับทรัพย์ 100,000 ปอนด์ หรือประมาณ 4 ล้านบาท

สำหรับศึกเวิลด์กรังด์ปรีซ์ 2020(2) ได้ทำการคัดเลือกนักสอยคิวเข้าร่วมแข่งขัน โดยยึดคะแนนสะสมเฉพาะฤดูกาลปัจจุบัน(2020-2021) หรือ one year ranking เป็นหลัก โดยจะคัดเอาเพียง 32 คนที่คะแนนสะสม one year ranking ที่ดีที่สุดเท่านั้น แถมในการประกบคู่ในรอบแรก ก็จะยึดสะสม one year ranking เป็นหลักอีกด้วย โดยคนที่มีอันดับ one year ranking ดีที่สุด จะพบกับคนที่มีอันดับแย่ที่สุดนั่นเอง ซึ่งผลการประกบคู่มีดังนี้

สายบน
จัดด์ ทรัมป์ มือ 1 ของโลกจากอังกฤษ(1) - 32.ไมเคิ่ล โฮลต์ มือ 27 ของโลกจากอังกฤษ(32)
หลี หั่ง มือ 31 ของโลกจากจีน(16) - สจวร์ต บิงแฮม มือ 12 ของโลกจากอังกฤษ(17)
มาร์ติน กูลด์ มือ 34 ของโลกจากอังกฤษ(9) - มาร์ค อัลเลน มือ 10 ของโลกจากไอร์แลนด์เหนือ(24)
ลู่ หนิง มือ 33 ของโลกจากจีน(8) - รอบบี้ วิลเลี่ยมส์ มือ 80 ของโลกจากอังกฤษ(25)
รอนนี่ โอซัลลิแวน มือ 3 ของโลกจากอังกฤษ(5) - อาลี คาร์เตอร์ มือ 22 ของโลกจากอังกฤษ(28)
แบร์รี่ ฮอว์กินส์ มือ 21 ของโลกจากอังกฤษ(12) - ริคกี้ วัลเด้น มือ 36 ของโลกจากอังกฤษ(21)
เดวิด เกรซ มือ 60 ของโลกจากอังกฤษ(13) - แหยน ปิง เถา มือ 11 ของโลกจากจีน(20)
ไคเรน วิลสัน มือ 5 ของโลกจากอังกฤษ(4) - เคิร์ท มัฟลิน มือ 25 ของโลกจากนอร์เวย์(29)

สายล่าง
มาร์ค เซลบี้ มือ 4 ของโลกจากอังกฤษ(3) - เหลียง เหวิน โป๋ มือ 29 ของโลกจากจีน(30)
โจ เพอร์รี่ มือ 18 ของโลกจากอังกฤษ(14) - แอนโธนี่ แม็คกิลล์ มือ 17 ของโลกจากสกอตแลนด์(19)
ติง จุ้น ฮุย มือ 9 ของโลกจากจีน(11) - เจค โจนส์ มือ 77 ของโลกจากเวลส์(22)
โจ ยู่ หลง มือ 20 ของโลกจากจีน(6) - ฮอสเซียน วาฟาอี มือ 37 ของโลกจากอิหร่าน(27)
จอห์น ฮิกกินส์ มือ 6 ของโลกจากสกอตแลนด์(7) – เสี่ยว กั๊วะ ตง มือ 32 ของโลกจากจีน(26)
เจมี่ โจนส์ มือ 71 ของโลกจากเวลส์(10) - จ้าว ซิน ถง มือ 30 ของโลกจากจีน(23)
ฌอน เมอร์ฟี่ มือ 7 ของโลกจากอังกฤษ(15) - แจ๊ค ลิซอฟสกี้ มือ 15 ของโลกจากอังกฤษ(18)
นีล โรเบิร์ตสัน มือ 2 ของโลกจากออสเตรเลีย(2) - โรเบิร์ต มิลกินส์ มือ 43 ของโลกจากอังกฤษ(31)