ผลคะแนนและราคา 2 in 1 คะแนนในการแข่งสด ผลการแข่งขัน ตารางการแข่งขัน อัตราต่อรอง ข้อมูล คะแนนบาสเก็ตบอล
ฟุตบอล » พรีเมียร์ลีก อังกฤษ » จ่าฝูงอาจเปลี่ยนมือ?! 6 ประเด็นร้อนก่อนเกมพรีเมียร์ลีก นัดที่ 13

จ่าฝูงอาจเปลี่ยนมือ?! 6 ประเด็นร้อนก่อนเกมพรีเมียร์ลีก นัดที่ 13

Posted 15/12/2020 by siamsport

ศึกพรีเมียร์ลีก แมตช์เดย์ที่ 13 เริ่มหวดแข้งกันตั้งแต่คืนวันอังคาร โดยมีคู่บิ๊กแมตช์ ในคืนวันพุธ เป็นการเจอกันระหว่าง ลิเวอร์พูล พบ ทอตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ ซึ่งมีตำแหน่งจ่าฝูงเป็นเดิมพัน ส่วนคู่อื่นๆ จะมีอะไรน่าสนใจบ้าง ไปดูกันได้เลย
   
"วูล์ฟส์-เชลซี"

นับตั้งแต่กลับมาเล่นบนเวที พรีเมียร์ลีก เมื่อปี 2018 วูล์ฟแฮมป์ตัน เอาชนะเกมในบ้าน 6 จาก 8 นัดยามที่เล่นคืนกลางสัปดาห์(อังคาร, พุธ, พฤหัสบดี) รวมถึงนัดที่เอาชนะ เชลซี  2-1 เมื่อเดือนธันวาคม ปี 2018

วูล์ฟส์ ตั้งเป้าที่จะหลีกเลี่ยงความพ่ายแพ้ใน พรีเมียร์ลีก 3 นัดติดต่อกันเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ปี 2018 ขณะที่ฝั่ง เชลซี ที่เพิ่งแพ้ เอฟเวอร์ตัน เมื่อคืนวันเสาร์ ก็ไม่อยากที่จะแพ้สองนัดติดเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนธันวาคม ปี 2019

ในรอบ 17 นัดหลังสุดที่เจอกับ วูล์ฟส์ บนลีกสูงสุด มีแค่นัดเดียวเท่านั้นที่ เชลซี ไม่สามารถทำประตู ซึ่งเกมนั้นเกิดขึ้นเมื่อเดือนมกราคม ปี 2011 ในเกมที่พวกเขาพ่ายไป 0-1 ที่ โมลินิวซ์ กราวน์

แทมมี่ อับราฮัม ยิงใส่ วูล์ฟส์ ได้ 6 ประตูจากการลงสนาม 4 นัด โดยเจ้าตัวซัดแฮตทริกได้ในเกมที่ "สิงห์บลูส์" เอาชนะ 5-2 เมื่อซีซั่นก่อน

"แมนฯ ซิตี้-เวสต์บรอมวิช"

การเจอกับ เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน ถือเป็นของชอบสำหรับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ สุดๆ เมื่อ 13 เกมหลังพวกเขาเอาชนะได้ทุกนัด โดยยิงได้ 37 ประตู และเสียแค่ 9 ลูกเท่านั้น ซึ่งนับเป็นสถิติที่ยาวนานที่สุดในการเจอกันของสองทีมบนลีกสูงสุด

เวสต์บรอมฯ ตั้งเป้าคว้าชัยชนะครั้งแรกที่ถิ่น เอติฮัด สเตเดี้ยม(เสมอ 2 แพ้ 9) โดยครั้งสุดท้ายที่พวกเขาชนะ ซิตี้ ถึงบ้านของ "เรือใบสีฟ้า" ได้ก็ต้องย้อนไปสมัยที่ยังใช้สนาม เมน โร้ด เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2013 ในชัยชนะ 2-1

เควิน เดอ บรอยน์ มีส่วนร่วมกับประตู 12 ลูกจาก 7 นัดหลังสุดในการเจอกับทีมน้องใหม่ โดยทำได้ 5 ประตูกับอีก 7 แอสซิสต์

หาก เวสต์บรอม ชนะได้ ก็จะเป็นครั้งแรกที่พวกเขาเก็บสามแต้มได้ในเกมคืนวันอังคาร หลังจากก่อนหน้านี้ 27 นัดไม่ชนะได้เลย(เสมอ 12 แพ้ 15) ซึ่งเป็นตัวเลขมากที่สุดต่อหนึ่งทีมที่ลงเล่นในวันนั้นๆ ที่ปราศจากชัยชนะ

"อาร์เซน่อล-เซาธ์แฮมป์ตัน"

เกมที่สนามเอมิเรตส์ จะกลับมาลงเล่นแบบไร้คนดูอีกครั้ง หลังรัฐบาลอังกฤษกำหนดให้ ลอนดอน เป็นพื้นที่เสี่ยงติดโควิด-19 สูงสุด

ในรอบ 5 เกมลีกหลังสุด อาร์เซน่อล ไม่เจอกับคำว่า "ชัยชนะ" เลย และเป็นการแพ้ในบ้านตัวเอง 4 นัดติดต่อกันเข้าให้แล้ว อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่แพ้คู่แข่งในบ้านตัวเองเกมลีกยามเล่นในค่ำคืนวันพุธมาแล้ว 25 นัด ซึ่งเป็นสถิติที่ไม่แพ้ใครในวันเดียวนานที่สุดในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก

ขณะที่ เซาธ์แฮมป์ตัน จะทำแต้มแซงหน้า ลิเวอร์พูล และ สเปอร์ส ทันทีหากพวกเขาบุกชนะ "เดอะ กันเนอร์ส" ได้ ซึ่งมีแค่ตอนฤดูกาล 2014/15 เท่านั้น ที่ เซาธ์แฮมป์ตัน มีแต้มมากว่าในตอนนั้น หลังผ่านไป 12 เกม

การเจอกันครั้งนี้ จะเป็นนัดที่ 100 ที่ทั้งคู่พบกัน โดย "ปืนใหญ่" เอาชนะได้ 51 นัด ส่วน "นักบุญ" ชนะ 21 และที่เหลือ 27 นัดลงเอยด้วยผลเสมอ

"เลสเตอร์-เอฟเวอร์ตัน"

เลสเตอร์ ซิตี้ มีโอกาสจะแซงขึ้นจ่าฝูงเต็มตัว หากพวกเขาเอาชนะเกมนี้ และให้ผลคู่ระหว่าง ลิเวอร์พูล กับ ทอตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ ไม่มีผู้ชนะ ขณะที่ เอฟเวอร์ตัน หวังต่อยอดจากเกมก่อนด้วยการคว้าชัยในลีกสองเกมติดต่อกันเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนตุลาคม ที่ผ่านมา

เจมี่ วาร์ดี้ มีส่วนร่วมกับประตูใน พรีเมียร์ลีก ฤดูกาลนี้ไปแล้วถึง 14 ลูก จากการลงสนาม 11 นัด โดยแบ่งเป็นการยิง 10 ประตู และแอสซิสต์อีก 4 ครั้ง ขณะที่ กิลฟี่ ซิกูร์ดส์สัน แข้งไอซ์แลนด์ของ "ทอฟฟี่สีน้ำเงิน" เพิ่งทำประตูได้ในเกมบดชนะ เชลซี ซึ่งนับเป็นประตูแรกของเขานับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ที่ตอนนั้นยิงใส่ เลสเตอร์ ซิตี้

การเจอกันที่สนาม คิง เพาเวอร์ ของคู่นี้ ทั้งคู่สลับกันแพ้-ชนะ มาแล้ว 5 นัด โดยเกมเมื่อซีซั่นก่อนที่สนามแห่งนี้เป็น เลสเตอร์ เอาชนะไปได้ 2-1 จากประตูชัยของ เคลิชี่ อิเฮียนาโช่ ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ

"ลิเวอร์พูล-สเปอร์ส"

การเจอกันเพื่อแย่งชิงจ่าฝูง พรีเมียร์ลีก ทั้งสองทีมต่างพลาดท่าทำแต้มหล่นจากเกมก่อนโดย ลิเวอร์พูล เอาตัวรอดได้ไล่ตีเสมอ ฟูแล่ม ส่วน สเปอร์ส โดน คริสตัล พาเลซ ตามตีเจ๊าช่วงท้ายเกม อีกทั้งยังเป็นการเจอกันของทีมที่มีเกมรุกดีที่สุดในลีกเจอกับทีมที่มีเกมรับดีที่สุดในลีก

หลังจากเก็บชัยชนะได้เหนือ เลสเตอร์ และ วูล์สฟ์ แบบสวยหรูใน แอนฟิดล์ ทำให้ ลิเวอร์พูล มีสถิติคว้าชัยในบ้านตัวเอง 31 เกมจาก 32 นัดสุดสุด เก็บได้ถึง 94 จาก 96 คะแนน ขณะเดียวกันพวกเขาทำประตูใส่คู่แข่งได้ถึง 93 ลูก และไม่แพ้ใครที่สนามแห่งนี้ในเกมลีกมาแล้ว 65 เกม

"ไก่เดือยทอง" ไม่แพ้ใครในเกมลีกมาแล้ว 9 นัดติดต่อกัน ซึ่งเป็นสถิติที่ดีที่สุดของพวกเขานับตั้งแต่เดือนเมษายน ปี 2018 ขณะที่การเจอกับทีมที่เป็นแชมป์เก่า พวกเขาเอาชนะได้ 3 จาก 7 นัดในการออกไปเยือน ซึ่งเป็นตัวเลขเทียบเท่าสถิติ 40 นัดก่อนหน้านี้

โชเซ่ มูรินโญ่ ไม่สามารถเอาชนะได้เลยในการออกไปเยือน 5 เกมหลังสุดในการเจอกับทีมที่มี เจอร์เก้น คล็อปป์ คุมทัพ ซึ่งเป็นสถิติที่ย่ำแย่ที่สุดที่เขาเคยเจอกับกุนซือคนไหนๆ ตลอดอาชีพการคุมทีม

ครั้งสุดท้ายที่ สเปอร์ส บุกคว้าชัยที่ แอนฟิลด์ ได้ ต้องย้อนไปเมื่อเดือนพฤษภาคม ปี 2011 โดยเกมนั้นพวกเขาชนะไป 2-0 จากประตูของ ราฟาเอล ฟาน เดอร์ ฟาร์ท และ ลูก้า โมดริช และที่แย่ยิ่งกว่านั้น 5 เกมหลังที่เจอกัน "ไก่เดือยทอง" เป็นฝ่ายปราชัยทุกนัด

ในการคุม ลิเวอร์พูล เจอกับทีมระดับ บิ๊กซิกซ์ 3 ปีหลังของ คล็อปป์ 51 นัด เขาพา "หงส์แด" คว้าชัยชนะได้ 24 นัด เสมอ 19 และแพ้ 8 เกม

แง่ของสถิติส่วนตัว แฮร์รี่ เคน ชื่นชอบอย่างยิ่งในการเล่นที่ แอนฟิลด์ เนื่องจากเจ้าตัวมีส่วนร่วม 5 ประตูในการมาเล่นที่นี่ 6 นัด (4 ประตู 1 แอสซิสต์)
   
"เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด-แมนฯ ยูไนเต็ด"

เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ฟอร์มย่ำแย่เหลือเกิน แพ้มา 7 นัดรวด โดยซีซั่นนี้เพิ่งเก็บได้แต้มเดียวจากการลงเล่น 12 เกม ขณะที่เกมรุกยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ เมื่อทำได้เพียง 5 ลูกเท่านั้น และเสียไปถึง 21 ประตู

ฝั่ง "ปีศาจแดง" แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นทีมที่เล่นเกมนอกบ้านดีที่สุดในลีก นับเฉพาะซีซั่นนี้พวกเขาคว้าชัยนอกบ้านไปแล้ว 5 นัดรวด และยิ่งหากย้อนไปรวมผลงานซีซั่นก่อน ยูไนเต็ด เก็บชัยได้ถึง 9 นัดติดต่อกัน

มาร์คัส แรชฟอร์ด คือผู้ทำประตูให้กับ "ปีศาจแดง" เกมนอกบ้าน 3 ลูกหลังสุด และเมื่อซีซั่นก่อนที่มาเยือนถิ่น บรามอลล์ เลน เจ้าตัวก็มีส่วนพาทีมรอดพ้นจากความพ่ายแพ้หลังโดนนำไปก่อน 2-0

ขณะที่ อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล ซัดแฮตทริกได้ในเกมเจอกันที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด ในชัยชนะของเจ้าถิ่น 3-0

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน

อัลบั้มภาพเด็ดๆ

More »

คลิปไฮไลท์

More »