เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ ได้รับการแต่งตั้งเป็นกุนซือคนใหม่ของ ปารีส แซงต์-แชร์กแม็ง อย่างเป็นทางการ เมื่อวันเสาร์ที่ 2 มกราคมที่ผ่านมา หลังจากสโมสรปลด โธมัส ทูเคิล ออกจากตำแหน่งในช่วงปลายเดือนธันวาคม
    แน่นอนว่า เป้าหมายหลักของ ยักษ์ใหญ่แห่งลีก เอิง คือการคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก หลังเมื่อปีก่อนอกหักในรอบชิงชนะเลิศที่พ่ายต่อ บาเยิร์น มิวนิค ไปแบบเฉียดฉิว ซึ่งทาง โปเช็ตติโน่ เองก็เคยมีประสบการณ์พา ทอตแน่ม ฮอตสเปอร์ ทะลุเข้าชิงรายการนี้ เมื่อปี 2019 แต่ก็แพ้ต่อ ลิเวอร์พูล 0-2

    ความกระหายของ โปเช็ตติโน่ ยังคงมีอยู่เต็มเปี่ยม แม้จะไม่ได้คุมทีมมานาน 1 ปีเต็มก็ตาม และการที่จะพาอดีตต้นสังกัดสมัยเป็นผู้เล่นกลับสู่ฟอร์มที่ดีอีกครั้ง ยังมีหลายอย่างที่เขาต้องจัดการ ดังเช่น 4 ข้อต่อไปนี้

    1. ขาดผู้นำทีมที่แท้จริง
    การเสีย ติอาโก้ ซิลวา ทำให้เกิดช่องว่างอย่างไม่ต้องสงสัย ซึ่งไม่ใช่แค่เรื่องเกมรับเท่านั้น แต่ยังเป็นเรื่องความเป็นผู้นำที่ เปแอสเช ขาดหายไปอย่างสิ้นเชิง

    ซิลวา เคยเป็นกัปตันทีม เปแอสเช และใช้เวลา 8 ปีกับการเล่นในถิ่น พาร์ค เดอส์ แปร็ง ซึ่งรูโหว่วนี้ไม่มีใครเข้ามาแทนที่ได้เลย

    มาร์กินญอส กองหลังรุ่นน้องที่ขึ้นมาเป็นกัปตันทีมต่อจากเขา และผลงานก็ไม่ได้น่าผิดหวัง แต่เมื่อพูดถึงเรื่องความเป็นผู้นำ กลับทำหน้าที่แทนที่รุ่นพี่ได้ไม่ดีเท่าที่ควร

    เปแอสเช เสียประตูในรอบแบ่งกลุ่ม แชมเปี้ยนส์ ลีก มากกว่าปีก่อน 4 ลูก และเข้ารอบด้วยการเป็นแค่อันดับ 2 ซึ่งสัญญาเตือนที่น่าสนใจมากกว่านั้นคือ แนวรับที่ดูอ่อนปวกเปียก ถึงแม้ทีมจะมีสตาร์หลายคน แต่พวกเขากลับไม่มีผู้เล่นที่เป็นผู้นำทีมได้ และจุดนี้เอง โปเช็ตติโน่ ก็จำเป็นต้องแก้ไข

    2. ปัญหาแดนหน้า
    เปแอสเช อาจอ้างได้ว่าพวกเขามีสองผู้เล่นกองหน้าที่ดีที่สุดในโลก อย่าง เนย์มาร์ และ คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ แต่พวกเขากลับขาดกองหน้าธรรมชาติหมายเลข 9 หลังจากปล่อยตัว เอดินสัน คาวานี่ แบบไร้ค่าตัว ซึ่งหัวหอกอุรุกวัย คือเจ้าของดาวยิงสูงสุดตลอดกาลของสโมสร

    ซึ่งจุดนี้เอง โธมัส ทูเคิล กุนซือคนเก่าก็เคยออกมารับว่าสโมสรทำผิดพลาดในการปล่อยผู้เล่นกองหน้าสไตล์นี้ออกไป

    โดยตอนนี้มีแค่ เนย์มาร์ และ เอ็มบั๊ปเป้ เท่านั้นที่ทำหน้าที่ตรงแดนหน้า แต่ส่วนใหญ่ทั้งคู่ไม่ได้ยืนตรงพื้นที่ตรงกลางหน้าปากประตู โดยมักจะถ่างไปเล่นทางริมเส้นเสียมากกว่าเพื่ออาศัยความสามารถเล่นงานแนวรับคู่แข่ง

    เอาจริงๆ เปแอสเช ก็มีกองหน้าหมายเลข 9 คนหนึ่งที่ยังอยู่กับทีม นั่นก็คือ เมาโร อีการ์ดี้ แต่หัวหอกอาร์เจนไตน์ โดนอาการบาดเจ็บเล่นงานในซีซั่นนี้

    การหากองหน้าเพิ่มเข้ามาก็อาจเป็นตัวเลือกที่ดีเพื่อคอยแบ่งเบาภาระของ เนย์มาร์ และ เอ็มบั๊ปเป้

    3. บรรยากาศในห้องแต่งตัว
    โธมัส ทูเคิล อาจบาดหมางเล็กน้อยกับ เลโอนาร์โด้ ผอ.กีฬาของทีม แต่กุนซือเยอรมันก็ยังเป็นที่ชื่นชอบของบรรดาผู้เล่นยามอยู่ในห้องแต่งตัว
   
    เป็นเรื่องยากที่ผู้จัดการทีมที่มีชื่อเสียงจะทำตามใจของผู้เล่น โดยเฉพาะการที่ทีมมีนักเตะหลายคนจัดอยู่ในระดับซูเปอร์สตาร์ และมีอีโก้สูง
 
    โปเช็ตติโน่ จะต้องได้รับความไว้วางใจจากบรรดาลูกทีมใหม่ และสิ่งต่างๆ อาจกลายเป็นเรื่องลบอย่างรวดเร็วหากเขาไม่ได้จัดการในทิศทางที่ถูกต้อง

    เอ็มบั๊ปเป้ เคยจุดประเด็นพูดถึง ทูเคิล ในแง่ดี หลังจากอดีตเจ้านายถูกปลดจากตำแหน่งแบบไร้ความปราณีช่วงก่อนวันคริสต์มาส โดยกองหน้าทีมชาติฝรั่งเศส ยอมรับว่าเป็นเรื่องน่าเศร้าที่ต้องเห็น ทูเคิล จากทีมไป และยืนยันว่าจะไม่มีวันลืมบุญคุณของ ทูเคิล

    "มันเป็นกฎแห่งฟุตบอลที่น่าเศร้า แต่จะไม่มีใครที่ลืมช่วงเวลาของคุณกับที่นี่ คุณเขียนเรื่องราวที่ยอดเยี่ยมเอาไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ของสโมสร และผมก็อยากจะบอกกับคุณว่าขอบคุณนะครับ โค้ช" เอ็มบั๊ปเป้ กล่าวผ่าน อินสตาแกรม

    4. เดือนมกราคม สุดสำคัญ
    หลายคนคิดว่า เปแอสเช จะลงทุนเรื่องตัวผู้เล่นมากขึ้น หลังจากเกือบคว้าถ้วย "บิ๊กเอียร์" มาครองได้เมื่อซีซั่นก่อน แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือดีลคว้าตัว อีการ์ดี้ แบบถาวรด้วยค่าตัว 50 ล้านยูโร นับเป็นบิ๊กดีลดีลเดียวที่เกิดขึ้นในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา

    ตามรายงานจากสื่อหลายฉบับใน ฝรั่งเศส แฉว่า ทั้ง ทูเคิล และ เลโอนาร์โด้ ต่างปะทะคารมณ์กันในเรื่องการซื้อผู้เล่นเข้ามาเพื่อปรับปรุงทีม

    จากข้อที่ 2 นอกจากเรื่องปัญหาแดนหน้าแล้ว ยังมีเรื่องแผงกองกลางที่ผลงานคุณภายไม่ดีเท่าที่ควร ซึ่งมีแค่ มาร์โก แวร์รัตติ เท่านั้นที่อยู่ในผู้เล่นระดับชั้นนำ แต่เขาก็มีปัญหาอาการบาดเจ็บถามหาอยู่ตลอด

    นอกเหนือจากนั้น ผู้เล่นที่จะคอยเป็นอะไหล่ เนย์มาร์ และ เอ็มบั๊ปเป้ ก็ไม่มีใครที่จะมีฝีเท้าใกล้เคียงระดับพวกเขาเลย และหาก เปแอสเช ยังหวังที่จะคว้าแชมป์ ยุโรปให้ได้เป็นสมัยแรกแล้วนั้น โปเช็ตติโน่ ก็ต้องกระโดดเข้าสู่ตลาดซื้อ-ขาย เพื่อหาตัวสร้างสรรค์เกมระดับโลกเข้ามา