เจาะ 5 ประเด็น แมนยู ปะทะ แมนซิตี้ ตัดเชือก คาราบาวคัพ
Posted 06/01/2021 by siamsport
ศึกแมนเชสเตอร์ ดาร์บี้แมตช์ ภาคคาราบาว คัพ ในรอบรองชนะเลิศ วันพุธที่ 6 มกราคมนี้ ต้องบอกว่าเป็นเกมที่มีความสำคัญกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เพราะจะเป็นการเรียกความมั่นใจให้กับพวกเขาได้มากยิ่งขึ้นหากสามารถทะลุเข้าไปเล่นในรอบชิงชนะเลิศที่สนามเวมบลีย์ได้
ตอนนี้ "ปีศาจแดง" กับ "เรือใบสีฟ้า" ฟอร์มกำลังดีวันดีขึ้นในพรีเมียร์ลีก พวกเขาร้อนแรงจนยากจะมีใครหยุดได้ และมีลุ้นที่จะคว้าแชมป์ลีกในฤดูกาลนี้ อย่างไรก็ตามในเกมถ้วยใบเล็กเมืองผู้ดี โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ค่อนข้างมุ่งมั่นมากๆ เพราะต้องการที่จะลบความผิดหวังจากซีซั่นที่ผ่านมา ที่ตกรอบตัดเชือก 3 รายการรวด
ที่สำคัญหาก โซลชา สามารถดับซ่าเพื่อนบ้านน่ารำคาญได้ ก็ถือเป็นการเอาฤกษ์เอาชัย และสร้างความฮึกเหิมก่อนที่จะนำทัพ "ผีแดง" บุกไปทำศึก "แดงเดือด" เกมลีก ปะทะ ลิเวอร์พูล ที่สนามแอนฟิลด์ ในขณะที่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ซึ่งนำ "เรือใบสีฟ้า" คว้าแชมป์รายการนี้มาแล้ว 2 สมัยติดต่อกัน ดังนั้นเขายังคงมุ่งมั่นที่จะประสบความสำเร็จในรายการนี้เช่นกัน
1. ฟอร์มกำลังเข้าฟักทั้งสองทีม
ตอนนี้ต้องยอมรับว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ฟอร์มกำลังร้อนแรงทั้งสองสโมสร เพราะผลงานในเกมพรีเมียร์ลีกของพวกเขากำลังพุ่งสุดๆ โดยเก็บชัยชนะเป็นว่าเล่นจนตอนนี้ 2 ยอดทีมแห่งเมืองแมนเชสเตอร์ มีลุ้นแชมป์ลีกในฤดูกาลนี้เลยทีเดียว
สำหรับทัพ "ปีศาจแดง" ภายใต้การกุมบังเหียนของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ฟอร์มจัดจ้านเหลือเกินเพราะนับตั้งแต่ที่บุกไปแพ้ แอร์เบ ไลป์ซิก ตกรอบแบ่งกลุ่ม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก พวกเขาสะกดคำว่าแพ้ไม่เปิดเลย โดยชนะ5 แมตช์ และเสมอ 2 เกมเท่านั้น
ขณะที่ในเกมลีกสูงสุดเมืองผู้ดีตั้งแต่ที่แพ้ อาร์เซน่อล หลังจากนั้น "เร้ด เดวิลส์" เดินเครื่องเก็บชัยชนะไปถึง 8 เกมเสมอ 2 แมตช์เท่านั้น ทำให้พวกเขาเก็บไป 33 คะแนนเท่ากับ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล จ่าฝูง แต่แข่งน้อยกว่า 1 นัด โดยทั้งเกมรับและเกมรุกของทีมกำลังอยู่ในช่วงฟอร์มพีคสุดๆ
ในส่วนทีมของกุนซือเป๊ป กวาร์ดิโอล่า ผลงานก็ไม่น้อยหน้า นับตั้งแต่ที่แพ้ สเปอร์ส พวกเขาก็ไม่แพ้ใครอีกเลย 11 เกมหลังจากนั้นในทุกรายการ แถมยังเก็บชัยชนะไปถึง 8 แมตช์ ขยับขึ้นมารั้งอันดับ 5 มี 29 คะแนน ตามหลังจ่าฝูงแค่ 4 แต้ม แต่ได้เปรียบมากๆ เพราะมีเกมอยู่ในมือ 2 แมตช์
ฉะนั้นด้วยฟอร์มที่กำลังร้อนแรงทั้งคู่ งานนี้ทั้ง โซลชา และ เป๊ป คงเตรียมวางหมากจัดตัวด้วยการใช้ผู้เล่นที่ดีที่สุด เพราะอย่างลืมคำว่า "แชมป์" มีความหมายมากๆ กับพวกเขา เพื่อเป็นการสานต่อสภาพจิตใจให้ฮึกเหิม เพื่อต่อยอดไปถึงการลุ้นแชมป์ลีกต่อไป
2. โซลชา ต้องการล้างอถรรพ์รอบตัดเชือก
"น้าลูกอม" ประกาศก้องให้โลกรู้ไปก่อนหน้านี้แล้วว่า เขาจะพยายามที่จะลบล้างอาถรรพ์ที่ต้องผิดหวังจากการลงเล่นในรอบรองชนะเลิศให้ได้ หลังจากที่ทัพ "ปีศาจแดง" ในยุคที่เจ้าตัวกุมบังเหียน ต้องน้ำตาตกจากการเล่นในรอบตัดเชือกเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทำผลงานได้อย่างโดดเด่นในการเล่นฟุตบอลถ้วยเมื่อซีซั่น 2019/2020 โดย โซลชา สามารถนำขุนพล "ผีแดง" ทะลุเข้าไปเล่นในรอบ 4 ทีมสุดท้ายทั้ง คาราบาว คัพ, เอฟเอ คัพ และ ยูฟ่า ยูโรปา ลีก แต่พวกเขาต้องน้ำตาตกทั้งหมด
ในเกมถ้วยใบเล็กเมืองผู้ดี แมนฯ ยูไนเต็ด ทำศึกแมนเชสเตอร์ ดาร์บี้ โดยในเวลานั้นเกมยังแข่งแบบเหย้า-เยือน และพวกเขาเปิดรังโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด แพ้เพื่อนบ้านน่ารำคาญ 1-3 ก่อนจะไปแก้เผ็ดด้วยการชนะ 1-0 แต่ไม่เพียงพอที่จะได้ผ่านเข้าไปเล่นในรอบชิงชนะเลิศ
ขณะที่ในศึกเอฟเอ คัพ ทัพ "เร้ด เดวิลส์" มีลุ้นความสำเร็จเพียงแค่ต้องผ่านด่านสำคัญนั่นก็คือการดวลกับ เชลซี ที่มี่ แฟร้งค์ แลมพาร์ด กุมบังเหียน ซึ่ง โซลชา เคยจัดการสั่งสอน แลมพ์ส แบบเรียบวุธทั้งสอยในเกมลีกทั้งเหย้า-เยือน และเขี่ยร่วงตกรอบคาราบาว คัพ แต่งานนี้ แลมพาร์ด เอาคืนแบบทบต้นทบดอกด้วยการถลุง แมนยู 3-1
สุดท้ายก็เกมยูโรปา ลีก โซลชา สามารถเข็น แมนฯ ยูฯ ให้มีลุ้นความสำเร็จในการแข่งขันถ้วยใบเล็กยุโรป แต่พวกเขาก็ไปไม่ถึงฝั่งฝันเมื่อถูก เซบีย่า จัดการสอนเชิงด้วยสกอร์ 1-2 ก่อนที่ทีมดังจากลา ลีกา จะสอย "งูใหญ่" อินเตอร์ มิลาน คว้แชมป์ไปครอง
ด้วยเหตุนี้ โซลชา จึงมุ่งมั่นอย่างมากที่จะให้นำ แมนฯ ยูไนเต็ด ทะลุเข้ารอบชิงชนะเลิศให้ได้ เพราะจะถือเป็นการเริ่มต้นปีฉลูที่สวยหรูเลยทีเดียว
3. บทพิสูจน์ 2 จอมทัพ
หากจะบอกว่าตอนนี้นักเตะคนไหนที่เป็นยอดเพลย์เมกเกอร์ในเมืองผู้ดี ตอนนี้คงหนีไม่พ้นชื่อของ บรูโน่ แฟร์นันด์ส กับ เควิน เดอ บรอยน์ เพราะทั้งสองคนช่วยสร้างสรรค์โอกาสให้กับเพื่อนร่วมทีมในการยิงประตู และจัดการส่องบอลซุกก้นตาข่ายคู่แข่งได้อย่างต่อเนื่อง
จอมทัพทีมชาติเบลเยียม ทำผลงานได้อย่างโดดเด่นมากๆ โดยยิงไป 13 ประตู และทำอีก 20 แอสซิสต์ ทำให้เขาได้รับเลือกนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีประจำฤดูกาล 2019/2020 จากสมาคมนักฟุตบอลอาชีพอังกฤษ (พีเอฟเอ) เมื่อซีซั่นที่ผ่านมา ส่วนในฤดูกาลนี้เจ้าตัวก็ยังคงรักษาฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยการแอสซิสต์ไปแล้ว 8 ครั้ง แต่ทำได้แค่ 3 ประตูในลีกเท่านั้น ในขณะที่ แฟร์นันด์ส แอสซิสต์ไปแล้ว 7 ครั้งแต่ซัดในลีกไปแล้ว 11 ประตู
อย่างไรก็ตาม แฟร์นันด์ส เป็นนักเตะที่มีอิทธิพลกับ แมนฯ ยูไนเต็ด มากๆ เพราะ "ผีแดง" เปอร์เซ็นต์คว้าชัยชนะเพียงแค่ 37.5 เปอร์เซนต์ เมื่อไม่มีสตาร์ชาวโปรตุกีสอยู่ในทีม นั่นแสดงให้เห็นว่าหากทีมมี แฟร์นันด์ส บัญชาการรบพวกเขามีโอกาสคว้าชัยชนะ 64.3 เปอร์เซนต์เลยทีเดียว แถมหาก แฟร์นันด์ส ลงเล่นเป็นตัวจริงสโมสรมีโอกาสในการยิงประตูมากขึ้น,เสียประตูน้อยลง และเก็บแต้มมากขึ้น
ขณะเดียวกัน เดอ บรอยน์ ก็ได้ชื่อว่าเป็นผู้เล่นทรงอิทธิพลสำหรับ แมนฯ ซิตี้ เช่นเดียวกัน โดยเขาไม่ได้ลงสนามเป็นตัวจริงในเกมลีกแค่ 8 แมตช์ในช่วง 2 ซีซั่นที่ผ่านมา และเปอร์เซนต์นำทีมคว้าชัยชนะเมื่อเจ้าตัวอยู่ในสนามมากกว่า 70 เปอร์เซนต์ แต่หากเมื่อไหร่ก็ตามที่เขาไม่ได้เล่นกลายเป็นว่า "เรือใบสีฟ้า" คว้าชัยชนะได้แค่ 37.5 เปอร์เซนต์เท่านั้น
ดังนั้นนี่เป็นอีก 1 แมตช์ที่จะพิสูจน์ให้เห็นว่า แฟร์นันด์ส กับ เดอ บรอยน์ คนไหนที่จะมีส่วนในการนำต้นสังกัดผ่านเข้าไปเล่นในรอบชิงชนะเลิศ ศึกคาราบาว คัพ
4. ตัวหลัก แมนฯ ซิตี้ กลับคืนสนาม (บ้าง)
ช่วงที่ผ่านมาภายในรั้ง แมนฯ ซิตี้ ต้องเจอกับวิกฤติผู้เล่นและสตาฟฟ์ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 หลายคน ทำให้ขุมกำลังของทีมอ่อนด้อยลงไปเยอะ แต่กระนั้นในเกมล่าสุดที่บุกถลุง เชลซี 1-3 เป๊ป ได้แสดงให้เห็นแล้วว่านักเตะที่มีอยู่สามารถทดแทนกันได้
ไคล์ วอล์คเกอร์ กับ กาเบรียล เชซุส สองแข้งที่น่าจะฟิตสมบูรณ์กลับมาลงสนามช่วยทีมได้หลังจากต้องเข้ารับการกักตัวเพราะติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่วน เซร์คิโอ อเกวโร่ เพิ่งจะลงเป็นตัวสำรองในเกมสอย "สิงโตน้ำเงินคราม" เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังหายเจ็บ และคาดว่าคงจะได้ลงตัวจริงในเกมนี้
อย่างไรก็ตามตำแหน่งที่น่าเป็นห่วงที่สุดของ "เรือใบสีฟ้า" ก็คือผู้รักษาประตู เพราะ เอแดร์ซอน โกลมือ 1 ยังอยู่ในช่วงกักตัวเนื่องจากติดเชื้อไวรัสโควิด-19 นั่นทำให้ "เป๊ป" จำเป็นต้องใช้งาน แซ็ค สเตฟเฟ่น ซึ่งเกมที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ เขาแสดงให้เห็นถึงการเล่นที่ขาดสมาธิ แต่โชคดีที่แนวรุก เชลซี ไม่ค่อยคมทำให้ไม่โดนทดสอบมากนัก
5. แนวรุกแมนยู อันตรายกว่า "เรือใบสีฟ้า"
แม้แดนกลางน่าจะเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญสำหรับทั้งสองทีม แต่หากมองจากความเป็นจริงแล้ว แนวรุกที่ดุดันจะบ่งชี้ว่าทีมไหนจะคว้าชัยชนะ และตอนนี้เกมบุกของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้องบอกว่าครบเครื่องมากกว่า แมนฯ ซิตี้ พอสมควร
มาร์คัส แรชฟอร์ด กับ อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล กำลังเล่นได้อย่างเข้าขา โดยทั้งสองคนได้กำลังเสริมชั้นดีจาก ปอล ป็อกบา และ บรูโน่ แฟร์นันด์ส ที่คอยทำหน้าที่ป้อนบอลสวยๆ ให้กับพวกเขาได้มีโอกาสที่จะเข้าไปส่องตาข่ายคู่ข่ายได้เป็นว่าเล่นในช่วงที่ผ่านมา
ในเรื่องของความรวดเร็วในเกมรุก แมนฯ ซิตี้ ก็ไม่ได้ด้อยมากนัก เพราะนักเตะอย่าง ราฮีม สเตอร์ลิง, ฟิล โฟเด้น และ อิลคาย กุนโดกัน สามารถกดดันเกมรับของเจ้าบ้านได้เช่นเดียวกัน แต่ตอนนี้ต้องยอมรับว่าเรื่องความเฉียบคมในการยิงประตู "เรือใบสีฟ้า" อาจจะเป็นรอง "ผีแดง"
แม้ว่า เชซุส กับ "กุน" อาจจะได้ลงเล่นตัวจริง แต่การที่เพิ่งได้กลับมาลงสนามอาจจะทำให้ฟอร์มยังไม่โดดเด่นเปรี้ยงปร้าง สวนทางกับ แรชฟอร์ด กับ มาร์กซิยาล ที่ฟอร์มกำลังฮอต แถม เมสัน กรีนวู้ด ก็อาจจะลงสนาม ซึ่งนั่นหมายความว่า แมนฯ ยูฯ จะมีแนวรุกรวดเร็วติดจรวด
ฉะนั้นหากแผงมิดฟิลด์ของทีมไหนสามารถครองเกม และสร้างสรรค์โอกาสให้กับผู้เล่นแดนหน้าได้มากกว่า ก็น่าจะเป็นฝ่ายที่ได้รับชัยชนะไปครองครอบ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
โอซิลลุยมะกัน,เรอัลเล็งซาลาห์!อัพเดตข่าวเด่นตลาดนักเตะลีกดังยุโรป
ถึงแม้ดีลใหญ่ๆ คงยากที่จะเกิดขึ้นในช่วงตลาดซื้อ-ขายนักเตะเดือนมกราคมนี้ แต่เชื่อเหลือเกินว่า น่าจะมีหลายดีลที่น่าสนใจเกิดขึ้นเช่นกัน โดยรอบนี้มีความเคลื่อนไหวล่าสุดเกี่ยวกับอนาคตของ เมซุต โอซิล แข้งส่วนเกิน อาร์เซน่อล มาอัพเดต รวมถึง คริสเตียน อีริคเซ่น ที่อาจจะได้ร่วมงานกับกุนซือ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ อีกครั้ง นอกจากนี้ยังมีข่าวที่น่าสนใจเกี่ยวกับ เซร์คิโอ รามอส และ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ด้วย แต่จะเป็นเรื่องอะไรนั้น เรามาหาคำตอบกันได้เลยสองเดอะแบก! เทียบสถิติบรูโน่ vs เดอ บรอยน์ก่อนดวลคาราบาวคัพ
คืนวันพุธนี้จะมีศึก “แมนเชสเตอร์ ดาร์บี้แมตช์” ยกที่สองของฤดูกาลซึ่งหนนี้เป็นรองรองชนะเลิศฟุตบอล คาราบาว คัพ ถือเป็นเกมที่น่าดูน่าชมเป็นอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาจากฟอร์มการเล่นที่สุดยอดของทั้งสองทีม ณ ตอนนี้ และสิ่งที่น่าจับตามองไม่แพ้กันคือคีย์แมนแต่ละฝั่ง แน่นอนว่า แมนฯ ยูไนเต็ด มี บรูโน่ แฟร์นันด์ส ส่งเข้าประกวด ขณะที่ แมนฯ ซิตี้ ชูจอมทัพอย่าง เควิน เด บรอยน์ มาสู้ ก่อนเกมคืนนี้เรามาเจาะลึกสถิติของจอมทัพทั้งสองทีมกันอยากได้แชมป์ก็ย้ายซะ!วู้ดเกตแนะเคนซบเรอัลมาดริด
โจนาธาน วู้ดเกต ชี้ แฮร์รี่ เคน หัวหอก สเปอร์ส ควรจะไปซบ เรอัล มาดริด เพื่อผลดีต่อตัวเขาเอง ไม่ว่าจะทั้งเพื่อให้ได้แชมป์รายการใหญ่ๆ และเพื่อที่จะได้อยู่ในระดับเดียวกับ ลิโอเนล เมสซี่ กับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ พร้อมมองว่า "ไก่เดือยทอง" ยังไม่มีทางได้แชมป์ลีกในเร็วๆ นี้แน่นอนเกิดเมืองไทย แข้งอินโดฯกลายเป็นเป้าหมายแมนฯยู
สื่ออินโดนีเซียอย่าง indos.transfer ออกมารายงานว่า เอลแกน แบกกอต แข้งเยาวชน 20 ปี ทีมชาติอินโดนีเซีย ลูกครึ่งอินโดนีเซีย-อังกฤษ ที่เกิดในเมืองไทย ซึ่งปัจจุบันมีสัญญากับทีมเยาวชนของอิปวิช ทาวน์ ในลีกอังกฤษ กำลังตกเป็นข่าวว่า มี 3 สโมสรใหญ่ในพรีเมียร์ลีกอังกฤษให้ความสนใจที่จะดึงดาวเตะรายนี้ไปร่วมทีม หลังสัญญาของดาวเตะลูกครึ่งอินโดฯ รายนี้กำลังจะหมดลงในช่วงเดือน มิ.ย.64
TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน
ห้ามทำตาม! อดีตแข้งอินเตอร์ เมาหยำเป,มีเซ็กซ์ไม่ป้องกัน
ทางการ! เอฟเอลงโทษแบนยาว เบนตานกูร์ เหยียด ซน ฮึง มิน
ดีทั้งปัจจุบันและอนาคต!เด ลา ฟวนเต้ ลั่นวงการบอล สเปน กำลังอยู่ในช่วงรุ่ง
อดเซิ้งบอลโลก 2026 ! ฟีฟ่า, ยูฟ่า มติแบน รัสเซีย ต่อไป
ผลงาน 5 ดาว!แฟน ฟิออเรนติน่า โหวต เด เคอา แข้งยอดเยี่ยมตุลาคม
อัลบั้มภาพเด็ดๆ
มาย ฮาเร็ม ส่งภาพเขย่าโซเชียล นุ...
เจนนี่ ธมนภัค พริตตี้สุดฮอต นุ่ง...
ฮาน่า ฮาอึน ชอง ดาว TikTok สาวสว...
นาฟ ฉัฐนันท์ ปล่อยแซ่บท้าลมหนาว ...
เต็มที่แล้ว! ไทย พ่าย อุซเบกิสถา...
ตัดเกรด นักเตะไทย เกมเสมอ โอมาน ...
คลิปไฮไลท์