คิวต่อไปเชือดลิเวอร์พูล! เจาะ 5 ประเด็น แมนยู คว่ำ เบิร์นลี่ย์ ยึดจ่าฝูง
Posted 13/01/2021 by siamsport
โอเล่ กุนนาร์ โซลชา นำ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ผงาดขึ้นรั้งตำแหน่งจ่าฝูงพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ได้สำเร็จ หลังจากที่สามารถบุกชนะ เบิร์นลี่ย์ ด้วยสกอร์ 1-0 ในเกมเมื่อวันอังคารที่ 12 มกราคมที่ผ่านมา ส่งผลให้พวกเขาสิ้นสุดการรอคอย 40 เดือนซะที
ต้องยอมรับว่า "น้าลูกอม" พยายามปลุกปั้น "ปีศาจแดง" แบบค่อยเป็นค่อยไป และตอนนี้พวกเขาเริ่มเดินมาถูกทางแล้ว ฉะนั้นในเกม "แดงเดือด" ที่ต้องเยือน ลิเวอร์พูล ในแอนฟิลด์ คงจะเพิ่มดีกรีความมั่นมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า
แม้ว่าหนทางในการลุ้นแชมป์ลีกยังอีกยาวไกล แต่หาก แมนฯ ยูฯ บุกชนะ "หงส์แดง" ได้นั่นจะทำให้พวกเขาทิ้งห่างคู่อริตลอดกาล 6 แต้ม ซึ่งจะเป็นการเพิ่มขวัญกำลังใจในการไล่ล่าแชมป์ที่ไม่ได้สัมผัสนับตั้งแต่ฤดูกาล 2012/2013
1. สามประสานเล่นกันได้อย่างเข้าขา
โซลชา ตัดสินใจจับ 3 ประสานอย่าง มาร์คัส แรชฟอร์ด, อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล และ เอดินสัน คาวานี่ ลงสนามเป็นตัวจริงซึ่งเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เกมที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไล่ต้อน อิสตันบูล บาซัคเซเฮียร์ ที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก
มาร์กซิยาล ถูกจับโยกให้ไปยืนทางฝั่งซ้าย ซึ่งเป็นตำนานที่เขาเคยลงเล่นมาแล้วหลายครั้งก่อนหน้านี้ ส่วน แรชฟอร์ด เล่นทางฝั่งขวา โดย คาวานี่ ยืนเป็นหน้าเป้า เพราะด้วยประสบการณ์และการเป็นกองหน้าโดยธรรมชาติทำให้ "เอล มาทาดอร์" อันตรายที่สุดในตำแหน่งนี้
สำหรับ มาร์กซิยาล กับ แรชฟอร์ด สามารถเรียนรู้การเล่นร่วมกับ คาวานี่ ได้เป็นอย่างดี และพวกเขามีการประสานงานกันได้อย่างยอดเยี่ยม ที่สำคัญทั้งสามคนยังสามารถปรับตัวกับการเล่นเวลาที่ต้องสลับตำแหน่งกันด้วย
ตอนนี้สาวก "เร้ด อาร์มี่" คงคาดหวังว่าในช่วงสุดสัปดาห์นี้ที่้ต้องไปเยือนแอนฟิลด์ มาร์กซิยาล, แรชฟอร์ด และ คาวานี่ ยังคงรักษาฟอร์มเก่งแบบนี้ต่อไป งานนี้บอกเลยว่าแนวรับ ลิเวอร์พูล ต้องเจอกับความยากลำบากในการจัดการพวกเขาแน่นอน
2. บรูโน่-ป็อกบา คุณภาพเกินคำบรรยาย
ไม่มีใครปฏิเสธว่า บรูโน่ แฟร์นันด์ส เป็นหัวใจในการเล่นของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เขามีส่วนในการเล่นเกมรุกของทีมตลอดทั้งเกม และยังเป็นคนแรกของทัพ "ผีแดง" ที่ยิงเข้าเป้าในช่วง 45 นาทีแรกของเกมที่สนามเทิร์ฟ มัวร์
เพลย์เมกเกอร์ทีมชาติโปรตุเกส พยายามทำงานหนักในเกมรุกด้วยการมองหาพื้นที่ว่างเพื่อผ่านบอลเข้าไปในพื้นที่สุดท้ายให้กับ 3 ประสาน ในขณะเดียวกับเจ้าตัวก็ยังคอยช่วยเหลือเกมรับของทีมอย่างเต็มที่ แต่ภาพรวมอาจจะไม่ได้โดดเด่นเหมือนกับเกมอื่นๆ ที่ผ่านมา
ขณะที่ ปอล ป็อกบา มีโอกาสได้ดันเกมสูงขึ้นในช่วงครึ่งหลัง และยังเป็นคนที่จัดการซัดประตูชัยสุดท้ายให้กับทีมในเกมนี้ ซึ่งยอมรับว่าประตูดังกล่าวได้มาจากการประสานงานที่ยอดเยี่ยมของเหล่าพลพรรค "เร้ด เดวิลส์" จริงๆ
เริ่มจาก แฟร์นันด์ส ส่งให้ แรชฟอร์ด ที่อยู่ริมสนามก่อนที่จะเปิดบอลมาให้ กองกลางทีมชาติฝรั่งเศส จัดการโชว์ความเป็นผู้เล่นระดับโลกด้วยการวอลเลย์แบบไม่จับบอลพุ่งแรงไปแฉลบแม็ทธิว โลว์ตันก่อนพุ่งผ่านตัว นิค โพ๊พ เข้าไปอย่างสวยงาม
แน่นอนว่าฟอร์มการเล่นในครึ่งหลังของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สุดยอดเกินห้ามใจจริงๆ และส่วนหนึ่งมาจากการประสานงานที่ลงตัวระหว่าง แฟร์นันด์ส กับ ป็อกบา ที่ช่วยขับเคลื่อนเกมรุกของทีมในแมตช์นี้
3. คู่เซนเตอร์แบ็กสุดแกร่ง
ตอนแรกแฟนบอลแมนฯ ยูไนเต็ด ต้องลุ้นระทึกว่า เอริก ไบยี่ จะฟิตทันลงสนามช่วยทีมในเกมนี้หรือไม่ หลังจากที่เขาได้รับบาดเจ็บจากการปะทะกับ ดีน เฮนเดอร์สัน ในเกมที่เฉือน วัตฟอร์ด ศึกเอฟเอ คัพ ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา
สุดท้ายนักเตะผ่านความฟิตและได้ยืนคู่กับ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ซึ่งต้องบอกว่าเป็นสิ่งที่คุ้มค่ามากๆ ที่ ไบยี่ ได้ลงเล่นคุมเกมรับร่วมกับ ปราการหลังทีมชาติอังกฤษ เพราะทำให้กองหลังของ "ปีศาจแดง" แข็งแกร่งขึ้นทันตาเห็น
การผสมผสานสไตล์การเล่นของ แม็กไกวร์ กับไบยี่ ถือว่าลงตัวมากๆ และพวกเขาจัดการเกมรุกของ เบิร์นลี่ย์ ได้อยู่หมัด ฉะนั้นต้องยอมรับว่าพวกเขาน่าจะเป็นคู่เซนเตอร์แบ็กที่แข็งแกร่งที่สุดของ แมนฯ ยูฯ ในเวลานี้
ที่สำคัญแมตช์นี้ แม็กไกวร์ ไม่ได้ถูกลงโทษใบเหลืองซะด้วย ทำให้เขารอดจากการติดโทษแบน เพราะก่อนหน้านี้นักเตะถูกคาดโทษใบเหลืองเอาไว้แล้ว 4 ใบจากการเล่นเกมลีก 16 แมตช์ ถ้าพลาดโดนอีกใบเหลืองในเกมนี้ก็จะครบ 5 ใบภายใน 19 แมตช์ต้องโดนแบน 1 เกมโดยอัตโนมัติ
ดังนั้นสาวก "เร้ด อาร์มี่" คงจะได้เห็น แม็กไกวร์ จับคู่กับ ไบยี่ ในการทำศึก "แดงเดือด" สุดสัปดาห์นี้
4. นิค โพ๊พ ช่วยเบิร์นลี่ย์ไม่แพ้ยับ
สำหรับแมตช์นี้ เบิร์นลี่ย์ แทบจะไม่ค่อยมีโอกาสได้ไปสร้างความหวาดเสียวให้กับ ดาบิด เด เคอา มากนัก ในทางตรงกันข้ามเกมรุกของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีโอกาสสร้างความหวาดเสียวได้หลายต่อหลายครั้ง
อย่างไรก็ตาม เบิร์นลี่ย์ ยังรอดจากการเสียประตูเนื่องจาก โพ๊พ โชว์ฟอร์มได้ดีมากๆ โดยเฉพาะในจังหวะที่เขาป้องกันลูกยิงของ อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล ได้อย่างน่าเหลือเชื่อในช่วงครึ่งแรก หรือจังหวะที่ บรูโน่ แฟร์นันด์ส ซัดเต็มข้อแต่ โพ๊พ ยืนถูกตำแหน่งรับไว้ได้
ส่วนครึ่งหลัง "ปีศาจแดง" ดาหน้าเปิดเกมบุกได้อย่างต่อเนื่อง และมีหลายจังหวะที่พวกเขาจะได้ประตู แต่ก็ยิงเบาไปเข้ามือ โพ๊พ หรือยิงออกไปเอง แต่สุดท้ายลูกยิงงามหยดของ ป็อกบา ก็ทำลายความหนึบของเขาจนได้ กระนั้นหากจังหวะนี้ไม่แฉลบ โลว์ตัน ก็ไม่แน่ว่าบอลจะผ่านมือโพ๊พ หรือเปล่า !!
5. บุกแอนฟิลด์ในฐานะจ่าฝูง
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สิ้นสุดการรอคอย 40 เดือนเมื่อสามารถขึ้นไปนำจ่าฝูงได้สำเร็จ แน่นอนว่านี่คือขวัญกำลังใจที่จะทำให้บรรดานักเตะ "ปีศาจแดง" สุดคึกในการบุกเยือนทีมของเจอร์เก้น คล็อปป์ ที่แอนฟิลด์ วันอาทิตย์ที่ 17 มกราคมนี้
ย้อนกลับไปช่วยต้นซีซั่นนี้ไม่มีใครเชื่อน้ำยา โซลชา ว่าจะนำ แมนฯ ยูไนเต็ด กลับมาผงาดได้ หลังจากที่ทีมโชว์ฟอร์มกระท่อนกระแท่นโดยเฉพาะในเกมที่แพ้ยับไม่นับญาติ "ไก่เดือยทอง" ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ 1-6 คาถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ในเดือนตุลาคม
หลังจากนั้น "น้าลูกอม" ค่อยๆ ปรับแก้ข้อบกพร่องไปเรื่อยๆ จนกระทั่ง แมนฯ ยูฯ แข็งแกร่งขึ้น และในที่สุดพวกเขาก็เดินหน้าคว้าชัยชนะได้อย่างต่อเนื่องจนกระทั่งแซงหน้าแชมป์เก่าขึ้นไปรังบัลลังก์จ่าฝูงได้สำเร็จ
แน่นอนว่าแฟนบอล "ผีแดง" ทั่วโลกรวมไปถึงนักเตะ แมนฯยูฯ เริ่มฝันถึงการคว้าแชมป์ลีกสมัยแรกในรอบ 8 ปี แต่หนทางยังอีกยาวไกล กระนั้นหากพวกเขาสามารถบุกชนะ ลิเวอร์พูล ได้อย่างน้อยๆ ก็จะเป็นการทำแต้มทิ้งห่าง "หงส์แดง" ไปไกล 6 คะแนน
ทั้งหมดทั้งมวลนี้ต้องยกเครดิตให้กับ โซลชา ที่พยายามอดทน และแก้ไขทีมตามแนวทางของเขา จนกระทั่งตอนนี้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กำลังเดินมาถูกทางแล้ว !!
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
จ่าฝูงจะไปแอนฟิลด์! ป็อกบาซัดดับเบิร์นลี่ย์ ส่งแมนยูยึดที่1ก่อนแดงเดือด
"ผีแดง" ผงาดขึ้นไปรั้งจ่าฝูงเป็นหนแรกได้สำเร็จ หลังบุกไปอัดเจ้าถิ่น เบิร์นลี่ย์ แบบหวุดหวิด 1-0 จากประตูชัยของ ปอล ป็อกบา ทำให้ แมนฯยูไนเต็ด มีเพิ่มเป็น 36 แต้มทิ้ง ลิเวอร์พูล ที่แข่งเท่ากันอยู่ 3 คะแนน ก่อนที่ทั้งคู่จะเจอกันในเกมแดงเดือดวันอาทิตย์ที่จะถึงนี้สนาม : เทิร์ฟมัวร์เกมพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อคืนวันอังคารที่ 12 มกราคม ที่ผ่านมา เป็นแมตช์ตกค้างจากนัดแรกของซีซั่น เจ้าบ้าน เบิร์นลี่ย์ ทีมอ...ผีข่มมิด!ย้อนดูสถิติ "แมนยู VS ลิเวอร์พูล" ในศึกเอฟเอคัพ
ทำเอาแฟนบอลซี๊ดปากกันเลยทีเดียว เพราะเมื่อคืนวันจันทร์ที่ผ่านมา มีการจับสลากประกบคู่ศึก เอฟเอ คัพ รอบสี่ ซึ่งปรากฏว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กับ ลิเวอร์พูล ถูกจับมาชนกันเองตั้งแต่หัววัน โดยมีกำหนดการฟาดแข้งที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด รังเหย้า "ปีศาจแดง" ในวันที่ 23 หรือ 24 มกราคมนี้ หรือพูดง่ายๆ ก็คือ แค่สัปดาห์เดียวหลังดวลกันในศึก พรีเมียร์ลีก นัด "แดงเดือด" ที่ แอนฟิลด์ วันอาทิตย์ที่ 17 มกราคมนี้ส่องไลน์อัพย้อนวันวาน ครั้งล่าสุดแมนยูขึ้นจ่าฝูงพรีเมียร์ลีก เมื่อไหร่?!
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีคิวลงแข่งเกม พรีเมียร์ลีก นัดตกค้าง กับ เบิร์นลี่ย์ ในคืนวันอังคารนี้ ซึ่งหากพวกเขาได้ผลเสมอเป็นอย่างน้อย ก็เพียงพอต่อการทำให้ตัวเองขึ้นไปรั้งจ่าฝูงของลีก แซงหน้า "แชมป์เก่า" ลิเวอร์พูล แบบเดี่ยวๆลุ้นแซงลิเวอร์พูลนำจ่าฝูงเดี่ยว! เช็ก "ป็อกบา" แมนยูจัด "แรชฟอร์ด-คาวานี่" บุกยิงเบิร์นลี่ย์
แค่มีแต้มจะแซง "หงส์" ขึ้นบัลลังก์จ่าฝูงทันที.."ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เกมนี้ต้องเช็กฟิตทั้ง ปอล ป็อกบา และ เอริก ไบยี่ ที่มีอาการบาดเจ็บโดย มาร์คัส แรชฟอร์ด กับ เอดินสัน คาวานี่ พร้อมลงพังตาข่ายเกมบุกถิ่น เบิร์นลี่ย์ ในศึกฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ วันอังคารที่ 12 ม.ค. ศกนี้ ถ่ายทอดสด : True Premier Football HD 1 (เวลา 03:15 น.)
TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน
ห้ามทำตาม! อดีตแข้งอินเตอร์ เมาหยำเป,มีเซ็กซ์ไม่ป้องกัน
ทางการ! เอฟเอลงโทษแบนยาว เบนตานกูร์ เหยียด ซน ฮึง มิน
วิเคราะห์บอล บาเยิร์น พบ เอาก์สบวร์ก วันศุกร์ที่ 22 พ.ย. 67
เพื่อนไม่ทิ้งกัน! เป๊ป เผยแพ้ 4 เกมติดเหตุผลต่อสัญญาใหม่ แมนซิตี้
ดีทั้งปัจจุบันและอนาคต!เด ลา ฟวนเต้ ลั่นวงการบอล สเปน กำลังอยู่ในช่วงรุ่ง
อัลบั้มภาพเด็ดๆ
มาย ฮาเร็ม ส่งภาพเขย่าโซเชียล นุ...
เจนนี่ ธมนภัค พริตตี้สุดฮอต นุ่ง...
ฮาน่า ฮาอึน ชอง ดาว TikTok สาวสว...
นาฟ ฉัฐนันท์ ปล่อยแซ่บท้าลมหนาว ...
เต็มที่แล้ว! ไทย พ่าย อุซเบกิสถา...
ตัดเกรด นักเตะไทย เกมเสมอ โอมาน ...
คลิปไฮไลท์