"เรือใบสีฟ้า" ยังเล่นได้ยอดเยี่ยมหลังเปิดบ้านไล่ถลุงเอาชนะ คริสตัล พาเลซ 4-0 จอห์น สโตนส์ เหมาคนเดียวสองประตู พาทีมทำสถิติชนะในลีก 5 เกมติด พร้อมแซงขึ้นรองจ่าฝูงมี 35 คะแนนเท่ากับ เลสเตอร์ แต่ลูกได้เสียดีกว่าแถมแข่งน้อยกว่า 1 เกม โดยตามหลังจ่าฝูง "ผีแดง" 2 คะแนน ขณะที่แชมป์เก่า "หงส์แดง" ที่ไม่ชนะมา 4 เกมติดอันดับหล่นไปอยู่ที่ 4

สนาม : เอติฮัด สเตเดี้ยม

    เกมพรีเมียร์ลีก อังกฤษ คู่สุดท้ายของคืนวันอาทิตย์ที่ 17 มกราคมที่ผ่านมา แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก่อนเกมรั้งอันดับ 5 เปิดรังรับมือ คริสตัล พาเลซ อันดับ 13 ซึ่งเกมนี้หาก "เรือใบสีฟ้า" คว้าชัยจะแซงทั้ง สเปอร์ส, ลิเวอร์พูล และเลสเตอร์ ขึ้นรองจ่าฝูงทันที

    เป๊ป กวาร์ดิโอล่า พาทีมชนะในลีกมา 4 นัดติด เกมล่าสุดเบียดไบรท์ตัน 1-0 แมตช์นี้ใช้สามแนวรุกเป็น ราฮีม สเตอร์ลิง, กาเบรียล เชซุส และ แบร์นาร์โด้ ซิลวา ส่วนทางฝั่ง รอย ฮ็อดจ์สัน กุนซือวัยเก๋าไม่แพ้มา 3 นัดติดในลีกล่าสุดเสมอกับ อาร์เซน่อล 0-0 เกมนี้เน้นมารัดกุมวางทีเด็ดอย่าง จอร์แดน อายิว เป็นหน้าเป้าโดยมี เอเบเรชี่ เอเซ่ และแอนดรอส ทาวน์เซนด์ สนับสนุน

    ครึ่งแรก แม้เรือใบจะครองเกมได้หมดจด แต่ยังหาโอกาสยิงจะๆยังไม่ได้ ต้องรอถึง นาทีที่ 20 กลายเป็น "ดิ อีเกิ้ลส์" ที่ได้ลุ้นจากจังหวะซัดนอกกรอบของ เอเบเรชี่ เอเซ่ แต่บอลเหินคานไปไกล

    นาที 23 ทัพเรือใบโหมบุกเข้าใส่อีก คราวนี้ สเตอร์ลิง ซัดไปติดบล็อคก่อนกระดอนมาเข้าทาง อิลคาย กุนโดกัน ยิงไปติดแนวรับพาเลซอีก ก่อนจังหวะสุดท้าย เควิน เดอ บรอยน์ เก็บบอลได้แต่จังหวะอัดด้วยขวาก็ยังไม่ผ่านบล็อคของทีมเยือน

    หลังพับสนามบุกอยู่นาน นาที 27 "เรือใบสีฟ้า" มาพังประตูขึ้นนำ 1-0 จนได้ บอลจาก สเตอร์ลิง ขวางมาขวาให้ เควิน เดอ บรอยน์ เปิดแบบไซด์ก้อยเข้าไปอย่างเหนือชั้นให้ จอห์น สโตนส์ เทกขึ้นโขกส่งบอลผ่าน บิเซนเต้ ไกวต้า เข้าไปตุงตาข่าย

    นาที 34 เดอ บรอยน์ เรียกฟรีคิกได้นอกกรอบ แต่อิลคาย กุนโดกัน วิ่งมาปั่นด้วยขวาข้ามกำแพงเหินออกหลังไป

    อีก 4 นาทีถัดมา แบร์นาร์โด้ ซิลวา เปิดมาเสาแรกให้ อิลคาย กุนโดกัน โหม่งเสยไปด้านหลังให้ กาเบรียล เชซุส พุ่งโขกแต่ยังไปตรงตัว บิเซนเต้ ไกวต้า

    จบครึ่งแรก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ขึ้นนำ คริสตัล พาเลซ 1-0

กลับมาเล่นกันต่อครึ่งหลัง นาที 56 แมนฯซิตี้ ทะยานออกนำห่างเป็น 2-0 จากจังหวะที่ อิลคาย กุนโดกัน แย่งบอลจาก แอนดรอส ทาวน์เซนด์ ได้นอกกรอบก่อนแต่งเข้าขวาปั่นกว่า 20 หลาบอลโค้งหนีมือ ไกวต้า พุ่งเสียบสามเหลี่ยมอย่างงามหยด

    นาที 63 เจ้าบ้านเกือบได้เม็ดที่สามหนีห่าง กาเบรียล เชซุส ไหลคืนให้ เควิน เดอ บรอยน์ ลองซัดด้วยขวาเสาไกลบอลพุ่งถากเสาออกไปแบบได้ลุ้น

    "เรือใบสีฟ้า" มาได้ประตูที่สามนำห่าง 3-0 หลังนาที 68 ได้ลูกเตะมุมทางด้านขวา เควิน เดอ บรอยน์ เปิดมาให้ รูเบน ดิอ๊าส โขกไปติดเซฟไกวต้าบอลมาเข้าทาง จอห์น สโตนส์ ซ้ำด้วยขวาเข้าไปตุงตาข่าย และเป็นประตูที่สองของเจ้าตัวในเกมนี้

    ท้ายเกม นาที 88 เฟร์ราน ตอร์เรส เรียกฟรีคิกนอกกรอบ ก่อนจะเป็น สเตอร์ลิง ปั่นฟรีคิกไม่ถึง 18 หลาบอลโค้งข้ามกำแพงเสียบสามเหลี่ยมอย่างสวยงาม ให้ "เรือใบ" นำโด่งถึง 4-0

    ช่วงเวลาที่เหลือ แมนฯซิตี้ ยังพับสนามรุกเข้าใส่เหมือนเดิม แต่ยิงเพิ่มไม่ได้ จบเกม แมนฯซิตี้ ไล่ถถล่มเอาชนะ คริสตัล พาเลซ แบบสบายเท้า 4-0 คว้าชัยเป็นเกมที่ 5 ในลีกติดต่อกัน พร้อมแซงขึ้นรองจ่าฝูงมี 35 คะแนนเท่ากับ เลสเตอร์ ซิตี้ แต่ลูกได้เสียดีกว่า และแข่งน้อยกว่า แถมไล่จี้ "ผีแดง" จ่าฝูงแค่สองคะแนน ส่วน พาเลซ รั้งอันดับ 13 เหมือนเดิมมีอยู่ 23 คะแนน

    รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม   

    แมนฯ ซิตี้ (4-3-3) : เอแดร์ซอน โมราเอส - ไคล์ วอล์คเกอร์, จอห์น สโตนส์, รูเบน ดิอ๊าส, โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ - เควิน เดอ บรอยน์ (ชูเอา กานเซโล่ น.71), แฟร์นันดินโญ่, อิลคาย กุนโดกัน (เฟร์ราน ตอร์เรส น.71) - ราฮีม สเตอร์ลิง, กาเบรียล เชซุส, แบร์นาร์โด้ ซิลวา (ฟิล โฟเด้น น.60)

    ผู้จัดการทีม : เป๊ป กวาร์ดิโอล่า

    คริสตัล พาเลซ (4-5-1) : บิเซนเต้ ไกวต้า - โจเอล วอร์ด, เจมส์ ทอมคินส์, แกรี่ เคฮิลล์, ไทริค มิทเชลล์ - แอนดรอส ทาวน์เซนด์ (มิชี่ บาตชูอายี่ น.79), เจมส์ แม็คคาร์ธี่ย์, เจมส์ แม็คอาร์เธอร์, ลูก้า มิลิโวเยวิช (ไจโร รีเดวัลด์ น.68), เอเบเรชี่ เอเซ่ - จอร์แดน อายิว

    ผู้จัดการทีม : รอย ฮ็อดจ์สัน

    ผู้ตัดสิน : ลี เมสัน