ย้อนกลับไปในช่วงเวลาดังกล่าง ตอนนั้น อาซาร์ ยังเล่นให้กับ เชลซี และนำทีมพบ สวอนซี ซิตี้ ในรอบรองชนะเลิศ ศึกลีก คัพ (ปัจจุบันชื่อ คาราบาว คัพ) ในเกม 2 เมื่อปี 2013 โดยสถานการณ์ "หงส์ขาว" ชนะ 2-0 ในแมตช์แรก ที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ ทำให้ "สิงห์บลูส์" ต้องเร่งเครื่องหลังพลิกสถานการณ์ให้ได้

    เชลซี เดินหน้าหวังที่จะยิงประตูให้ได้แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่สำเร็จ จนกระทั่งนาทีที่ 80 เรื่องสุดช็อกก็เกิดขึ้น เมื่อ อาซาร์ พยายามที่จะเอาบอลที่ออกหลังคืนให้โกลสวอนซี เตะออกมาเร็วๆ  แต่บอลบอยชาวเวลส์ วัย 17 ปี แกล้งทำเป็นนอนทำลูกบอลเอาไว้ เพื่อหวังถ่วงเวลา

     จากนั้น อาซาร์ ก็จัดการเตะเข้าไปที่บริเวณซี่โครงของ มอร์แกน ก่อนจะเอาบอลไปให้นายทวารเจ้าบ้าน ขณะเดียวกันหนุ่มน้อยคู่กรณีก็นอนดิ้นเจ็บปวดเจียนตายอยู่บริเวณป้ายโฆษณาด้านหลัง จากการกระทำดังกล่าวทำให้เขาโดนใบแดงไล่ออก และเกมจบลงแบบไร้สกอร์ แต่ สวอนซี เข้ารอบเพราะบุกไปชนะในเกมแรก 2-0 สุดท้ายพวกเขาคว้าแชมป์รายการนี้ได้สำเร็จในยุคที่ไมเคิ่ล เลาดรู้ป กุมบังเหียน

     เหตุการณ์ดังกล่าวผ่านไปนานหลายปีแล้ว แต่ทุกๆ คนไม่มีวันลืม รวมไปถึง มอร์แกน ที่ต้องบอกว่าเป็นทุกข์ลาภของเขาจริงๆ เนื่องจากเรื่องราวในครั้งนั้นส่งผลให้เจ้าตัวกลายเป็นคนดัง และมีผู้คนกดติดตาม ทวิตเตอร์ มากกว่า 100,000 ฟอลโลว์

     ยิ่งไปกว่านั้นชีวิตของ มอร์แกน ซึ่งเป็นหนึ่งในลูกชายของ มาร์ติน มอร์แกน ผู้ถือหุ้นใหญ่สโมสรสวอนซี ได้เติบโตขึ้นในฐานะนักธุรกิจ และปัจจุบันกำลังมีชีวิตที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงร่วมกับเพื่อนในการทำวอดก้าที่สุดพิเศษแบบอัลตร้า-พรีเมี่ยม

     มอร์แกนที่ปัจจุบันอายุ 19 ปี ซึ่งเป็นเด็กหนุ่มรุ่นใหม่ไฟแรงหัวนักธุรกิจ รวมตัวกับ แจ็คสัน ควินน์ เพื่อนรักนำธุรกิจสุราของพวกเขาเข้าไปแจมส่วนแบ่งตลาดน้ำเมาจนโด่งดังรับทรัพย์มหาศาลในเวลานี้ "ตอนที่เราอายุ 18,19, 20 ปีพวกเพื่อนๆ จะมาร่วมงานวันเกิด แล้วก็มักจะเอาวอดก้าแบบเก่าๆ เดิมๆ มาด้วยเสมอ เรารู้สึกเบื่อ แล้วก็คิดว่าน่าจะทำอะไรที่เจ๋งกว่านี้"

     ผลิตภัณฑ์ของ มอร์แกน แอนด์โค. ในชื่อ "Au Vodka" ถูกผลิตขึ้นมาจำนวน 2,000 ขวด และมีการเปิดตัวไปแล้วในเมืองสวอนซี ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของเวลส์ โดยงานนี้พวกเขามีแนวคิดที่เจ๋งมากๆ ในเรื่องไอเดียบรรจุภัณฑ์เพราะเป็นขวดสีทองยาวดูเท่ และมีสไตล์อย่างมาก

     ในเวลานี้แบรนด์ของพวกเขาโด่งดังอย่างมาก โดย ชาร์ลี สล็อธ พิธีกรรายการทีวี และดีเจชื่อดัง ยังรู้สึกประทับใจกับผลิตภัณฑ์ของ 2 หนุ่มไฟแรง จนต้องเข้ามาร่วมลงทุนด้วย และเมื่อเร็วๆ นี้พวกเขาได้ออกผลิตภัณฑ์ใหม่เป็นรสชาติ Black Grape เมื่อปี 2019 ซึ่งในปีนั้นสามารถขายให้กับบรรดาแร็พเปอร์ และเซเลบริตี้ในสหราชอาณาจักรมากกว่า 10,000 ขวดเลยทีเดียว

     เมื่อปีที่ผ่านมา มอร์แกน และ ควินน์ ได้นำแบรนด์ของพวกเขามาใช้เป็นชื่อในสื่อสังคมออนไลน์เพื่อหวังจะขายให้ทั่วถึงในสหราชอาณาจักร แข่งกับแบรนด์ "Smirnoff"   แน่นอนว่าหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้ "Au Vodka" เติบโตอย่างรวดเร็วก็คืออินสตาแกรม ซึ่งมีผู้คนติดตามแอคเค้าท์นี้มากกว่า 104,000 ฟอลโลว์

     ยิ่งไปกว่านั้นธุรกิจของ มอร์แกน ยังไปได้สวยเมื่อ ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ตำนานนักชกไร้แพ้ และเป็นหนึ่งในนักกีฬาที่โด่งดังรวมทั้งร่ำรวยมหาศาลที่สุดในโลก ให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ โดยใช้สื่อสังคมออนไลน์ของเขาช่วยผลักดันให้แบรนด์น้ำเมานี้โด่งดังในสหรัฐอเมริกา

     มอร์แกน กล่าวว่า "เราได้ติดต่อกับ ฟลอยด์ โดยผ่านทาง ฟรอสท์ โปรดิวเซอร์ดนตรีซึ่งเป็นเพื่อนของทั้งสองฝ่าย เราได้รับการบอกกล่าวว่า ฟลอยด์ ชื่นชอบแบรนด์นี้มากๆ และชอบรสชาติแบล็ค เกรป เราได้รับการสอบถามว่าพอจะมีให้เขาสักขวดสองขวดก่อนที่เขาจะกลับอเมริกาไหม"

     "เรารีบตอบทันทีว่า มีแน่นอน ได้เลย และ ฟลอยด์ ก็บอกว่าเขาจะโพสต์ภาพนี้ลงในอินสตาแกรมให้นานที่สุดจนกระทั่งเราโด่งดังในอเมริกา ย้อนกลับไปเมื่อหลายปีก่อน เราถามตัวเองว่า ใครจะเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ที่เจ๋งที่สุดที่จะมาถือขวดเหล้าของเรา และผมคิดว่าเราได้คำตอบแล้วนั่นก็คือ ฟลอยด์ มันน่าเหลือเชื่อมากแค่ไหนที่ได้เห็นแบรนด์ของเราอยู่ในมือหนึ่งในคนที่คุณคลั่งไคล้" มอร์แกน ระบุ

     ในขณะที่ มอร์แกน กำลังไปได้สวยกับธุรกิจของเขานับตั้งแต่ที่เขาโดน อาซาร์ ทำร้ายร่างกายเมื่อ 8 ปีก่อน สวนทางกับ ดาวเตะทีมชาติเบลเยียม ที่ปัจจุบันต้องพบกับชีวิตที่แสนยากลำบากในการค้าแข้งให้กับ เรอัล มาดริด !!