ใครคุ้มสุด ? บิ๊ก 6 พรีเมียร์ลีก กับการใช้เงินซื้อแชมป์
Posted 12/02/2021 by siamsport
"การใช้เงินซื้อความสำเร็จ" เป็นประโยคที่มักจะถูกใช้บ่อยๆ ในวงการกีฬาตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในโลกฟุตบอล เพราะสมัยนี้มันมีการใช้งบในการทำทีมมากกว่าสมัยก่อนจนหลายคนมองว่าทีมที่พึ่งพาการปั้นเยาวชนเกิน 50-60 เปอร์เซ็นต์น่าจะประสบความสำเร็จได้ยาก
อย่างไรก็ตาม มันไม่ใช่ว่าแค่มีเงินเยอะแล้วคุณจะได้ทุกอย่างมาครองง่ายๆ ถ้าใช้เงินแบบสุรุ่ยสุร่ายหรือซื้อคนที่ไม่เหมาะสมมาร่วมทีมมันก็จะกลายเป็นการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ และที่ผ่านมาก็มีตัวอย่างให้เห็นแล้วว่าบางทีมถึงขั้นต้องล้มละลายหลังจากที่ใช้เงินแบบไร้แนวทางที่เหมาะสม
ทั้งนี้ วันนี้เราจะมาลองดูกันว่าในช่วง 1 ทศวรรษที่ผ่านมานั้น บิ๊ก 6 ในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ แต่ละทีมใช้งบประมาณด้านการเสริมทัพได้คุ้มมากแค่ไหนหากเทียบกับความสำเร็จอันเป็นรูปธรรมที่เรียกว่า "แชมป์" โดยจะเป็นการเปรียบเทียบส่วนต่างด้านรายจ่าย-รายรับในด้านการซื้อ-ขายนักเตะต่อแชมป์ 1 ถ้วยในช่วง 10 ปีหลังสุด และจะเรียงลำดับจากทีมที่ใช้เงินซื้อแชมป์แบบคุ้มค่าน้อยที่สุดไปหามากที่สุดด้วย
อันดับ 6 : สเปอร์ส
แน่นอนว่าถ้าเอาไปเทียบกับถ้วยแชมป์ "ไก่เดือยทอง" ก็ใช้เงินไปกับความสำเร็จได้ไม่คุ้มค่ามากที่สุด เพราะตลอดช่วง 10 ปีที่ผ่านมาพวกเขาไม่มีแชมป์รายการใหญ่ๆ ติดมือแม้แต่รายการเดียว โดยในช่วงเวลาที่ผ่านมาพวกเขามีส่วนต่างด้านรายจ่าย-รายรับจากการซื้อ-ขายนักเตะอยู่ที่ 168.02 ล้านยูโร
ถ้าจะบอกว่าส่วนหนึ่งที่ทำให้ สเปอร์ส ยังห่างเหินจากความสำเร็จเป็นเพราะช่วง 1 ทศวรรษมานี้พวกเขายังเน้นขายนักเตะเป็นหลักจนทำให้ทีมขาดความต่อเนื่องก็คงไม่ผิด เพราะถึงแม้จะจ่ายค่าตัวซื้อนักเตะไปรวมแล้ว 790.26 ล้านยูโร แต่พวกเขาก็ขายแข้งไปเยอะจนทำให้มีรายรับด้านนี้ถึง 622.24 ล้านยูโรด้วยกัน
รายจ่ายจากการซื้อ - 790.26 ล้านยูโร
รายรับจากการขาย - 622.24 ล้านยูโร
ส่วนต่าง - 168.02 ล้านยูโร
แชมป์ - 0
ค่าเฉลี่ยส่วนต่างด้านรายจ่าย-รายรับจากการซื้อ-ขายนักเตะต่อการได้แชมป์ 1 รายการ - ไม่มี
อันดับ 5 : แมนฯ ยูไนเต็ด
1,343.61 ล้านยูโร คือจำนวนเงินที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ใช้ไปในการซื้อนักเตะตลอดช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ทำให้ถ้าเทียบกับในบรรดาท็อป 6 ด้วยกันแล้วนั้น พวกเขาเป็นทีมที่ใช้เงินเสริมทัพมากที่สุดเป็นอันดับ 3 ในทางตรงกันข้าม "ปีศาจแดง" ได้เงินจากการขายนักเตะเพียง 399.46 ล้านยูโร
ด้วยเหตุนี้ ส่วนต่างด้านรายจ่าย-รายรับจากการซื้อ-ขายนักเตะของพวกเขาจึงอยู่ที่ 944.15 ล้านยูโร และถ้าเทียบเป็นค่าเฉลี่ยต่อแชมป์ 1 รายการแล้วนั้น ตัวเลขมันก็อยู่ที่ 236 ล้านยูโรต่อแชมป์ 1 ถ้วย เพราะในช่วง 1 ทศวรรษที่ผ่านมาพวกเขาได้แชมป์เพียง 4 รายการเท่านั้น
รายจ่ายจากการซื้อ - 1,343.61 ล้านยูโร
รายรับจากการขาย - 399.46 ล้านยูโร
ส่วนต่าง - 944.15 ล้านยูโร
จำนวนแชมป์ - 4
ค่าเฉลี่ยส่วนต่างด้านรายจ่าย-รายรับจากการซื้อ-ขายนักเตะต่อการได้แชมป์ 1 รายการ - 236 ล้านยูโร
อันดับ 4 : อาร์เซน่อล
แม้ว่าในช่วง 10 ปีมานี้ อาร์เซน่อล จะได้แชมป์ 4 รายการเท่ากับ แมนฯ ยูไนเต็ด แต่ค่าเฉลี่ยส่วนต่างด้านรายจ่าย-รายรับจากการซื้อ-ขายนักเตะต่อแชมป์ 1 รายการของพวกเขาอยู่ที่ 117.87 ล้านยูโรต่อการได้สัมผัสถ้วยแชมป์ 1 หน ซึ่งถือว่าคุ้มค่ากว่ากรณีของ "ปีศาจแดง" เยอะ
ทั้งนี้ ในรอบ 1 ทศวรรษล่าสุดนั้น อาร์เซน่อล เสียเงินจากการซื้อนักเตะ 906.65 ล้านยูโร และขายนักเตะจนได้เงินเข้าคลัง 435.14 ล้านยูโร จนทำให้ส่วนต่างด้านรายจ่าย-รายรับในด้านนี้อยู่ที่ 471.51 ล้านยูโร
รายจ่ายจากการซื้อ - 906.65 ล้านยูโร
รายรับจากการขาย - 435.14 ล้านยูโร
ส่วนต่าง - 471.51 ล้านยูโร
จำนวนแชมป์ - 4
ค่าเฉลี่ยส่วนต่างด้านรายจ่าย-รายรับจากการซื้อ-ขายนักเตะต่อการได้แชมป์ 1 รายการ - 117.87 ล้านยูโร
อันดับ 3 : แมนฯ ซิตี้
ถ้าจะบอกว่า "เรือใบสีฟ้า" เป็นทีมจากลีกสูงสุดของเกาะอังกฤษที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาก็ไม่ผิดเลย เพราะพวกเขาเล่นได้สุดยอดอย่างต่อเนื่องจนได้แชมป์ไปครองรวมแล้ว 10 รายการ หรือก็คือเฉลี่ยแล้วทุกๆ 1 ปีแฟนบอลของพวกเขาจะได้ฉลองแชมป์กันอย่างสนุกสนาน
แน่นอน ความสำเร็จดังกล่าวมันไม่ใช่ว่าได้มาแบบฟรีๆ หรือมีราคาถูก แมนฯ ซิตี้ ซื้อนักเตะเป็นเงินรวมแล้ว 1,521.91 ล้านยูโร ในขณะเดียวกันพวกเขาก็ขายนักเตะเป็นเงินได้ 499.72 ล้านยูโร จนทำให้ส่วนต่างอยู่ที่ 1022.19 ยูโร แต่มันก็ถือว่าคุ้มค่าเพราะถือว่าพวกเขามีค่าเฉลี่ยส่วนต่างด้านรายจ่าย-รายรับจากการซื้อ-ขายนักเตะอยู่ที่ 102.21 ล้านยูโรต่อแชมป์ 1 ถ้วย
รายจ่ายจากการซื้อ - 1,521.91 ล้านยูโร
รายรับจากการขาย - 499.72 ล้านยูโร
ส่วนต่าง - 1,022.19 ล้านยูโร
จำนวนแชมป์ - 10
ค่าเฉลี่ยส่วนต่างด้านรายจ่าย-รายรับจากการซื้อ-ขายนักเตะต่อการได้แชมป์ 1 รายการ - 102.21 ล้านยูโร
อันดับ 2 : ลิเวอร์พูล
ช่วงหลายฤดูกาลที่ผ่านมาถือเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขของ ลิเวอร์พูล พวกเขาได้แชมป์ไปครองถึง 5 รายการ และในจำนวนนั้นก็มีแชมป์รายการใหญ่อย่าง พรีเมียร์ลีก และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ด้วย ซึ่งส่วนหนึ่งที่ทำให้พวกเขามีขุมกำลังที่แข็งแกร่งจนประสบความสำเร็จแบบนั้นเป็นเพราะทีมงานของพวกเขาทำการเสริมทัพได้ยอดเยี่ยม อย่างเช่นการได้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์, ซาดิโอ มาเน่, เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ และ อลีสซง เบ็คเกอร์ มาร่วมทัพ เป็นต้น
สำหรับส่วนต่างระหว่างเงินที่ได้จากการขายนักเตะและเงินที่ใช้ไปกับการช็อปของ ลิเวอร์พูล ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาคือ 338.04 ล้านยูโร เพราะพวกเขาควักเงินไป 999.71 ล้านยูโร และได้เงินเข้ากระเป๋า 661.67 ล้านยูโร ดังนั้นเมื่อคิดเป็นค่าเฉลี่ยส่วนต่างด้านรายจ่าย-รายรับจากการซื้อ-ขายนักเตะต่อการได้แชมป์ 1 รายการตัวเลขมันเลยอยู่ที่ 67.6 ล้านยูโรเท่านั้น
รายจ่ายจากการซื้อ - 999.711 ล้านยูโร
รายรับจากการขาย - 661.67 ล้านยูโร
ส่วนต่าง - 338.04 ล้านยูโร
จำนวนแชมป์ - 5
ค่าเฉลี่ยส่วนต่างด้านรายจ่าย-รายรับจากการซื้อ-ขายนักเตะต่อการได้แชมป์ 1 รายการ - 67.6 ล้านยูโร
อันดับ 1 : เชลซี
ด้วยความที่ทั้งรวยและทุ่มเทให้กับ เชลซี อย่างเต็มที่ โรมัน อบราโมวิช เลยอนุมัติเงินให้ เชลซี ใช้ในการซื้อนักเตะในช่วง 10 ปีหลังสุดมากถึง 1,465 ล้านยูโรด้วยกัน ขณะที่ฝ่ายบริหารของ เชลซี ก็ทำการขายนักเตะได้ดีในระดับหนึ่งจนทำให้ได้เงินด้านนี้ 966.56 ล้านยูโร นั่นหมายความว่าส่วนต่างมันอยู่ที่ 498.44 ล้านยูโร
ทั้งนี้ จำนวนเงินดังกล่าวแลกมากับการได้แชมป์ 8 รายการ นั่นทำให้พวกเขามีค่าเฉลี่ยส่วนต่างด้านรายจ่าย-รายรับจากการซื้อ-ขายนักเตะอยู่ที่ 62.3 ล้านยูโรต่อการได้แชมป์ 1 หน ส่งผลให้ เชลซี เป็นบิ๊ก 6 ของ พรีเมียร์ลีก ที่ใช้เงินซื้อแชมป์ได้คุ้มค่ามากที่สุดในช่วง 1 ทศวรรษที่ผ่านมา
รายจ่ายจากการซื้อ - 1,465 ล้านยูโร
รายรับจากการขาย - 966.56 ล้านยูโร
ส่วนต่าง - 498.44 ล้านยูโร
จำนวนแชมป์ - 8
ค่าเฉลี่ยส่วนต่างด้านรายจ่าย-รายรับจากการซื้อ-ขายนักเตะต่อการได้แชมป์ 1 รายการ - 62.3 ล้านยูโร
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
ฟังจากปากเพื่อนซี้! "ลอฟเรน" เผยคุยซาลาห์เรื่องอนาคตค้าแข้งแล้ว
เดยัน ลอฟเรน กองหลังชาวโครแอตออกโรงเผยเกี่ยวกับแผนในอนาคตของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ สตาร์ดัง "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล หลังจากที่เจ้าตัวตกเป็นข่าวได้รับความสนใจจากสโมสรยักษ์ใหญ่ในยุโรปโฟเด้น,ฟานเดอเบ็คผ่านมาแล้ว!เผยภาพ6แข้งสตาร์ดังที่เคยเป็นเด็กเก็บบอล
มีนักฟุตบอลชื่อดังมากมายที่ในอดีตเคยเป็น "บอลบอย" หรือเด็กเก็บบอลข้างสนามมาก่อน แต่ไม่ใช่ทุกคนที่มีภาพในอดีตมายืนยัน และนี่คือ 6 แข้งดังตัวอย่างในปัจจุบัน ที่ครั้่งหนึ่งเคยถูกจับภาพสมัยเป็นบอลบอย และได้นั่งดูไอดอลของตัวเองวาดลวดลายในสนามอย่างใกล้ชิด ด้วยความหวังว่าสักวันหนึ่งจะได้เป็นนักฟุตบอลอาชีพเก่งๆ แบบพวกพี่ๆ บ้าง (ข้อมูลจาก เดอะ ซัน สื่อดังอังกฤษ)เอเยนต์เผยลิเวอร์พูลเกือบได้1แข้งดังช่วงตลาดหน้าหนาว
ในตลาดรอบ 2 ที่เพิ่งปิดตัวลงไปนั้น ลิเวอร์พูล เกือบที่จะได้ตัว อิสไมล่า ซาร์ ปีก วัตฟอร์ด ไปเสริมแกร่ง ตามการเปิดเผยของ เธียร์โน่ เซย์ดี้ นายหน้าของเจ้าตัว โดยที่ เซย์ดี้ ยังบอกด้วยว่า แมนฯ ยูไนเต็ด เคยสนใจที่จะเอานักเตะในความดูแลของตนไปร่วมทัพตอนตลาดเมื่อช่วงซัมเมอร์ ปีก่อนเหมือนกันลิเวอร์พูลไม่ปลื้ม!บาร์เซโลน่าส่อดองคูตินโญ่เพื่อเลี่ยงจ่ายเงิน
ยุค "โควิด-19" ถ้าประหยัดได้ก็ควรประหยัด... สื่อดังปูด บาร์เซโลน่า อาจดอง ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ มิดฟิลด์เลือดแซมบ้า ยาวจนกระทั่งจบฤดูกาล ซึ่งนั่นจะทำให้ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ชวดได้เงินก้อนหนึ่งที่สมควรได้ด้วย
TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน
เพิ่งมาก็ไม่รอด! รูเบน อโมริม รับอาจโดนปลดหากแมนยูผลงานยังห่วย
วิเคราะห์บอล ทีมชาติฟิลิปปินส์ พบ ทีมชาติไทย วันศุกร์ที่ 27 ธ.ค. 67
ตามนั้น! วินิซิอุส หน้าบาน โรนัลโด้ เชิดชูแข้งเก่งสุดในโลก
เขี่ยอินโดฯตกรอบ แข้งฟิลิปปินส์ โดนสโมสรอินโดฯยกเลิกสัญญา
แฟนหงส์ว่าไง? เนมานยา วิดิช เผยเคยเกือบเซ็นสัญญากับ ลิเวอร์พูล
อัลบั้มภาพเด็ดๆ
แม่เจ้าโว้ย! นักร้องสาวนุ่งบิกิน...
มาย ฮาเร็ม ส่งภาพเขย่าโซเชียล นุ...
เจนนี่ ธมนภัค พริตตี้สุดฮอต นุ่ง...
ฮาน่า ฮาอึน ชอง ดาว TikTok สาวสว...
นาฟ ฉัฐนันท์ ปล่อยแซ่บท้าลมหนาว ...
เต็มที่แล้ว! ไทย พ่าย อุซเบกิสถา...
คลิปไฮไลท์