ผลคะแนนและราคา 2 in 1 คะแนนในการแข่งสด ผลการแข่งขัน ตารางการแข่งขัน อัตราต่อรอง ข้อมูล คะแนนบาสเก็ตบอล
ฟุตบอล » พรีเมียร์ลีก อังกฤษ » ผียังรั้งรองฝูง! อาร์เซน่อลรัวไม่ซ้ำหน้าบุกสอยเลสเตอร์-จิ้งจอกช้ำสังเวยสองแข้ง

ผียังรั้งรองฝูง! อาร์เซน่อลรัวไม่ซ้ำหน้าบุกสอยเลสเตอร์-จิ้งจอกช้ำสังเวยสองแข้ง

Posted 01/03/2021 by siamsport

อาร์เซน่อล โชว์ฟอร์มสุดแจ่มรัวทีเดียวสามประตูรวดพลิกแซงชนะ เลสเตอร์ ซิตี้ 3-1 โดยได้ ดาวิด ลุยซ์, อเลซ็องดร์ ลากาแซ็ตต์ และ นิกล่าส์ เปเป้ กดคนละตุงช่วยทีมขึ้นมารั้งที่ 9 ส่วนทีม "จิ้งจอก" ชวดแซง แมนยู ขึ้นไปรั้งรองจ่าฝูงชั่วคราว แถมยังต้องมาสังเวย ฮาร์วีย์ บาร์นส์ และ จอนนี่ อีแวนส์ จากอาการบาดเจ็บ ในศึกพรีเมียร์ลีก เมื่อวันที่ 28 ก.พ.ที่ผ่านมา

    ศึกฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ประจำวัน อาทิตย์ที่ 28 กุมภาพันธ์ 2564 ที่สนาม คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม เป็นการพบกันระหว่าง เลสเตอร์ ซิตี้ ทีมอันดับ 3 ของตาราง พบ อาร์เซน่อล ทีมอันดับ 11

    เบรนแดน ร็อดเจอร์ส กุนซือเลสเตอร์ เกมนี้ไม่สามารถใช้งาน เจมส์ แมดดิสัน มิดฟิลด์ตัวเก่งที่มีอาการบาดเจ็บมาตั้งแต่เกมที่แล้ว โดยแนวรุกส่ง เคเลชี่ อิเฮนาโช่ ลงล่าตายข่ายคู่กับ เจมี่ วาร์ดี้ โดยมี ฮาร์วี่ย์ บาร์นส์ ทำเกมรุกทางฝั่งซ้าย

    ด้าน อาร์เซน่อล ของ มิเกล อาร์เตต้า เกมนี้ดร็อป ปิแอร์ เอเมอริค โอบาเมย็อง ไว้ที่ม้านั่งสำรองก่อนแล้วให้ อเลซ็องดร์ ลากาแซ็ตต์ ยืนเป็นหัวหอกตัวเป้า โดยมี วิลเลียน, เอมิล สมิธ โรว์ และ นิโกล่าส์ เปเป้ คอยทำเกมรุกสนับสนุน

    ครึ่งแรกเริ่มเกมมาได้เพียง 6 นาทีเท่านั้น เลสเตอร์ ได้ประตูขึ้นนำก่อนอย่างรวดเร็ว 1-0 จากจังหวะลากบอลเกือบครึ่งสนามเข้าเขตโทษของ ยูริ ตีเลมันส์ แล้วได้หลุดไปซัดโล่งๆส่งบอลเสียบเสาไกลเข้าไปอย่างเฉียบขาด

    จากนั้น นาที 13 ผู้ตัดสินเป่าให้จุดโทษกับ อาร์เซน่อล หลังจาก นิโกล่าส์ เปเป้ โดน วิลเฟร็ด เอ็นดีดี้ ทำฟาวล์ล้มในเขตโทษ แต่เมื่อเช็กวีเออาร์เปลี่ยนคำตัดสินเป็นจังหวะฟรีคิกแทน หลังจังหวะล้มของปีกชาวไอเวอร์รี่โคสต์อยู่นอกเขตโทษ

    อาร์เซน่อล เปิดฉากบุกใส่อยู่ฝ่ายเดียว และครองบอลเหนือกว่าชัดเจน นาที 27 วิลเลียน รับบอลจาก กรานิต ชาคา แล้วยิงหักข้อไปเสาไกลบริเวณหน้าเขตโทษบอลหลุดเสาออกไปนิดเดียว

    จนกระทั่งนาที 39 ความพยายามของ อาร์เซน่อล มาสัมฤทธิ์ผลจากจังหวะเปิดฟรีคิกทางด้านขวาของ วิลเลียน ให้ ดาวิด ลุยซ์ หาพื้นที่ว่างแล้วโฉบมมาโหม่งบอลเปลี่ยนทางเข้าประตูไปให้ อาร์เซน่อล ตามตีเสมอเป็น 1-1

    อย่างไรก็ตาม นาที 42 อาร์เซน่อล ต้องเสียโควต้าเปลี่ยนตัวเมื่อ เอมิล สมิธ โรว์ มีอาการบาดเจ็บเล่นต่อไม่ไหว และเป็น มาร์ติน โอเดการ์ด ถูกส่งลงมาเล่นแทน   

    ท้ายครึ่งแรกช่วงทดเจ็บ นาที 45+1 อาร์เซน่อล มาได้จุดโทษจากจังหวะที่ นิโกล่าส์ เปเป้ ยิงไปโดนแขนของ วิลเฟร็ด เอ็นดีดี้ ที่กางแขนมาบล็อกลูกยิง ผู้ตัดสินย้อนดูวีเออาร์ก่อนย้อนมาให้จุดโทษ แล้วเป็น อเลซ็องดร์ ลากาแซ็ตต์ รับหน้าที่สังหารเข้าไปไม่พลาดให้ อาร์เซน่อล พลิแซงนำ เลสเตอร์ 2-1 และจบครึ่งแรกไปด้วยสกอร์นี้

    ครึ่งหลังเล่นมาได้เพียง 4 นาที เลสเตอร์ ต้องโชคร้ายซ้ำสองเมื่อ ฮาร์วี่ย์ บาร์นส์ มีอาการบาดเจ็บจนเล่นต่อไม่ไหว และเป็น เจงกิส อุนแดร์ ถูกส่งลงมาเล่นแทนในนาที 50

    หลังจากนั้น อาร์เซน่อล มาได้ประตูนำห่างเป็น 3-1 จากจังหวะสวนกลับเร็วแล้วได้ต่อบอลกันในเขตโทษ ก่อนที่ วิลเลียน จะไหลบอลให้ นิโกล่าส์ เปเป้ ยืนซัดจ่อๆหน้าปากประตูไม่เหลือ

    เท่านั้นไม่พอ นาที 69 เลสเตอร์ ต้องเสียแกนหลักไปอีกราย แต่คราวนี้เป็นแนวรับอย่าง จอห์นนี่ อีแวนส์ ก่อนจะเป็น แดเนียล อมาตีย์ ลงมาเล่นแทน

    เลสเตอร์ พยายามเปิดเกมบุกใส่หวังทวงประตูคืน แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่สามารถเจาะแนวรับ อาร์เซน่อล เข้ามาลุ้นทำประตูได้แบบจะแจ้งสักเท่าไหร่ นาที 80 ริคาร์โด เปเรยร่า เติมขึ้นมาเปิดเข้าเขตโทษแต่ไม่มีเพื่อนโฉบมาลุ้นทำประตูบอลไปเข้าซอง แบรนด์ เลโน่

    "ปืนใหญ่" มีโอกาสโต้กลับมาบ้าง และเกืบได้ประตูที่สี่ นาที 87 ปิแอร์ เอเมอริค โอบาเมย็อง ได้เหลี่ยมปั่นด้วยขวาหน้าเขตโทษตามถนัดบอลพุ่งหลุดเสาไกลออกไปนิดเดียว

    เวลาที่เหลือไม่มีประตูเพิ่ม จบเกม อาร์เซน่อล บุกชนะ เลสเตอร์ 3-1 ขยับขึ้นมารั้งที่ 9 ของตาราง ส่วนทีม "จิ้งจอก" ยังรั้งที่ 3 ชวดแซง แมนยู ขึ้นไปรั้งรองจ่าฝูงชั่วคราว
   
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

เลสเตอร์ ซิตี้ (4-4-2) : แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล - ติโมธี คาสตาญ, จอนนี่ อีแวนส์, ชักลาร์ โซยุนชู, ลุค โธมัส (มาร์ค อัลไบรท์ตัน น.46) - ริคาร์โด้ เปเรยร่า, ยูริ ตีเลมันส์, วิลเฟร็ด เอ็นดิดี้, ฮาร์วี่ย์ บาร์นส์ (เจงกิส อุนแดร์ น.50) - เคเลชี่ อิเฮนาโช่, เจมี่ วาร์ดี้  

อาร์เซน่อล (4-2-3-1) : แบร์นด์ เลโน่ - เซดริก โซอาเรส, ดาวิด ลุยซ์, ปาโบล มารี, คีแรน เทียร์นี่ย์ - โมฮาเหม็ด เอลเนนี่ (โธมัส ปาร์เตย์ น.66), กรานิต ชาคา - วิลเลียน, เอมิล สมิธ โรว์ (มาร์ติน โอเดการ์ด น.42), นิโกล่าส์ เปเป้ - อเลซ็องดร์ ลากาแซ็ตต์ (ปิแอร์ เอเมอริค โอบาเมย็อง น.84)

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน

อัลบั้มภาพเด็ดๆ

More »

คลิปไฮไลท์

More »