แฮร์รี่ แม็กไกวร์ แนวรับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปิดใจตนสนิทสนมกับ จอห์น สโตนส์ ปราการหลังจากทีมคู่อริร่วมเมือง "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ พร้อมดีใจที่เห็นเพื่อนรักเพื่อนเลิฟกลับมาติดทีมชาติอังกฤษ อีกครั้ง
    
แฮร์รี่ แม็กไกรว์ เซนเตอร์แบ็กจอมแกร่งแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เผยเหตุผลตนสนิทสนมกับ จอห์น สโตนส์ ปราการหลัง "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มากๆ เนื่องจากต่างคนต่างคอยให้กำลังใจกันและกันในช่วงเวลาที่ยากลำบาก

แม็กไกวร์ กับ สโตนส์ มีส่วนสำคัญอย่างมากในการนำ อังกฤษ เข้าไปเล่นในรอบรองชนะเลิศ ศึกฟุตบอลโลก 2018 แต่พวกเขาไม่มีโอกาสได้ลงสนามร่วมกันอีกเลยนับตั้งแต่แมตช์ที่ "สิงโตน้ำเงินคราม" ถล่ม มอนเตเนโกร 7-0 เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2019

ช่วงเวลานั้น สโตนส์ หลุดจากตำแหน่งตัวจริงของ แมนฯ ซิตี้ ก่อนที่เขาจะสามารถเรียกฟอร์มเก่งจนกลายเป็นตัวหลักของทีมในฤดูกาลนี้ ขณะที่ แม็กไกวร์ เคยโดนวิจารณ์อย่างหนักเรื่องฟอร์มการเล่นโดยเฉพาะในเกมที่โดนไล่ออกแมตช์ปะทะ เดนมาร์ก เมื่อเดือนตุลาคม

สำหรับตอนนี้ทั้งสองคนทำผลงานได้น่าประทับใจมากๆ และแน่นอนว่า แกเร็ธ เซาธ์เกต ผู้จัดการทีมคาดหวังที่จะเห็นพวกเขาลงเล่นเป็นเซนเตอร์แบ็กคู่ให้กับทีมชาติทั้งในเกมฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก และศึกยูโร ที่จะฟาดแข้งในช่วงซัมเมอร์นี้

แม็กไกวร์ เปิดใจเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเขากับ สโตนส์ ว่า "ผมสนิทกับจอห์น เขาเป็นเพื่อนที่ดี และเราก็มักจะพูดคุยกันตลอดเวลาที่ไม่ได้เล่นฟุตบอล เรามักจะคุยกันในช่วงที่ยากลำบาก และช่วงที่ทำผลงานได้ เราเติบโตใกล้ๆ กัน และต้องสู้กันสมัยที่เล่นให้ทีมรุ่นยู-16 เราเป็นคู่แข่งกันมาตลอดตอนนั้นผมอยู่กับ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ส่วนเขาเล่นให้ บาร์นส์ลี่ย์"

 "เมื่อคุณเล่นตำแหน่งเซนเตอร์แบ็ก คุณมีโอกาสที่ฟอร์มจะขึ้นๆ ลงๆ ไม่มีใครที่จะผ่านช่วงเวลาที่เล่นในตำแหน่งนี้โดยที่ไม่โดนตำหนิเมื่อเสียประตู ผมได้รับการสนับสนุนจาก แกเร็ธ เซาธ์เกต และ โอเล่ กุนนาร์ โซลลา ที่ทำให้ผมมีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น"

"พวกเขาแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นด้วยการเลือกผมลงสนามอย่างต่อเนื่อง และมันสำคัญมากๆ เพราะบางครั้งฟุตบอลมันก็อาจสร้างความยากลำบากได้เช่นกัน เมื่อคุณเสียประตู มันไมใช่เรื่องดีโดยเฉพาะที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด"

"คุณต้องพยายามเชื่อมั่นในตัวเอง และ จอห์น ก็ทำได้ดีเช่นกัน มันยอดเยี่ยมมากๆ ที่ได้เห็นเขากลับมาติดทีมชาติอังกฤษอีกครั้ง เขาเล่นได้ดีในทุกๆ สัปดาห์" อดีตปราการหลังพันล้าน "สุนัขจิ้งจอก" เลสเตอร์ ซิตี้ กล่าวทิ้งท้าย