ผลคะแนนและราคา 2 in 1 คะแนนในการแข่งสด ผลการแข่งขัน ตารางการแข่งขัน อัตราต่อรอง ข้อมูล คะแนนบาสเก็ตบอล
ฟุตบอล » พรีเมียร์ลีก อังกฤษ » "ผี" ลืมหลุม ! เจาะ 5 ประเด็น แมนยู พลิกนรกล้างแค้น สเปอร์ส คาบ้าน

"ผี" ลืมหลุม ! เจาะ 5 ประเด็น แมนยู พลิกนรกล้างแค้น สเปอร์ส คาบ้าน

Posted 12/04/2021 by siamsport

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โชว์ให้เห็นความเป็นยอดทีมที่ไม่เคยยอมแพ้แม้จะโดนนำไปก่อนก็ตาม แต่ก็สามารถจัดการยิงคืนสามประตูรวดในแมตช์บุกถลุง ท็อตแน่ม ฮ็อทสปอร์ 3-1 เกมพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 11 เมษายนที่ผ่านมา
    
สำหรับแมตช์นี้มีประเด็นที่น่าสนใจมากๆ ในครึ่งแรกที่ "วีเออาร์" ริบประตูของ เอดินสัน คาวานี่ เนื่องจาก สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ ไปทำฟาวล์ใส่ ซน ฮึง-มิน ซึ่งหลังเกมมีการแสดงความเห็นมากมาย และยังนำไปสู่การเปิดศึกสงครามน้ำลายระหว่าง โชเซ่ มูรินโญ่ กับ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา

ที่สำคัญชัยชนะของ "ผีแดง" ในแมตช์นี้ ทำให้พวกเขาขยายสถิติไร้พ่ายเกมลีกนอกบ้านเพิ่มเป็น 23 เกม (ชนะ 15 เสมอ 8) ซึ่งทำให้ตอนนี้พวกเขาเป็นทีมไม่แพ้นอกบ้านยาวนานที่สุดเป็นอันดับสองเท่ากับ อาร์เซน่อล ที่ทำเอาไว้ระหว่างเดือนสิงหาคม 2001-กันยายน 2002 ส่วนอันดับ 1 ยังคงเป็นของทัพ "ไอ้ปืนใหญ่" ที่ทำได้ 27 แมตช์ระหว่างเดือนเมษายน 2003-กันยายน 2004

1. เฮนเดอร์สันเหมาะสมมือ 1

ดูเหมือนว่า โซลชา จะตัดสินใจอย่างเด็ดขาดแล้วว่ามือ 1 ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คงเป็นของ ดีน เฮนเดอร์สัน หลังจากที่โกลชาวอังกฤษ ทำผลงานได้ดีเยี่ยมในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้ ดาบิด เด เคอา ต้องกลายเป็นยางอะไหล่ไปโดยปริยาย

นายทวารดีกรีทีมชาติอังกฤษ ไม่ได้ทำผิดพลาดอะไรเลยกับจังหวะที่เสียประตูแรกให้ สเปอร์ส ซึ่งหากมองอย่างเป็นกลางก็ต้องบอกว่าคนที่ควรโดนตำหนิน่าจะเป็น วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ ที่สกัดบอลพลาดจำนำไปสู่การโดนเจ้าบ้านซัดเบิกร่อง

หลังจากนั้น เฮนเดอร์สัน ไม่มีจังหวะไหนที่เล่นได้ผิดพลาดเลย ที่สำคัญเขายังโชว์ไหวพริบที่รวดเร็วด้วยการใช้ขาสกัดจังหวะยิงของ ซน ฮึง-มิน กองหน้าชาวเกาหลีใต้ และ แฮร์รี่ เคน ดาวยิงเลือดผู้ดี ได้อย่างยอดเยี่ยม ซึ่งจังหวะนั้นถือว่าสำคัญมากๆ

ผลงานทั้ง 2 ครึ่งในแมตช์นี้ บอกเลยว่า เฮนเดอร์สัน เล่นได้ยอดเยี่ยมทั้งมีความนิ่ง และความฉลาดในการยืนตำแหน่ง โดยเฉพาะการวิ่งออกมาตัดบอลเร็วก่อนที่ สเปอร์ส จะมีโอกาสยิงประตู ซึ่งนี่คือสไตล์ของผู้รักษาประตูสมัยๆ ในวงการลูกหนัง

ฟอร์มของ เฮนเดอร์สัน ไม่ใช่แค่จะทำให้ เด เคอา ต้องใส่สนับติดก้นนั่งอยู่ในซุ้มม้านั่งสำรองเท่านั้น แต่กับทีมชาติอังกฤษมีความเป็นไปได้ที่เขาจะลุ้นยึดมือ 1 จาก จอร์แดน พิคฟอร์ด และนำ "สิงโตคำราม" ทำศึกยูโร 2020 ในช่วงซัมเมอร์นี้

 

2. แม็คเฟร็ดต้องคู่กัน, ป็อกบาเหมาะริมเส้น

สำหรับแดนกลาง แมนฯ ยูไนเต็ด ในเวลานี้ต้องบอกเลยว่าลงตัวมากๆ เมื่อใช้ บรูโน่ แฟร์นันด์ส ทำหน้าที่เป็นเพลย์เมกเกอร์, ปอล ป็อกบา ยืนทางริมเส้น และมี สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ กับ เฟร็ด คอยทำหน้าที่ยืนแพ็คคู่เพื่อทำให้แผงมิดฟิลด์ "ผีแดง" เหนียวแน่นยิ่งขึ้น

หากสังเกตดีๆ เวลาที่ แม็คโทมิเนย์ กับ เฟร็ด ไม่ได้ลงเล่นพร้อมกัน แผงกองกลางของ แมนฯ ยูไนเต็ด จะค่อนข้างหลวมๆ ไม่แข็งแกร่งมากนัก ฉะนั้นนี่เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องของ โซลชา ที่เลือกจับทั้งคู่ลงสนามพร้อมกัน

เฟร็ด เล่นด้วยความมั่นใจมากยิ่งขึ้นเมื่อมี แม็คโทมิเนย์ คอยเป็นกำลังหนุน และยังยิงประตูตีเสมอให้ทีมด้วย ขณะที่ กองกลางชาวสกอตติช ก็เล่นได้โดดเด่นโดยสามารถตัดเกมแดนกลางของ สเปอร์ส ออกไปได้หมดจนทำให้พวกเขาขึ้นเกมเพื่อกดดันแนวรับของ แมนฯ ยูไนเต็ด แทบไม่ค่อยได้

ยิ่งไปกว่านั้นทั้งสองคนยังช่วยทำให้ บรูโน่, มาร์คัส แรชฟอร์ด และ ป็อกบา ไม่ต้องกังวลเรื่องเกมรับเพราะพวกเขาสามารถรับมือกับกองกลาง "ไก่เดือยทอง" ได้อย่างสบายๆ

ส่วนอีกรายที่ทำผลงานได้โดดเด่นไม่แพ้กันก็คือ ป็อกบา ซึ่งถูกจับไปเล่นทางริมเส้น และ ดาวเตะแชมป์โลกเลือดเฟร้นช์ ก็ใช้ทักษะที่ยอดเยี่ยมทั้งการสร้างสรรค์เกม และการผ่านบอลอย่างเฉียบคมจัดการแนวรับ สเปอร์ส ได้อย่างอยู่หมัด
 
3. คาวานี่ คู่ควรอยู่แมนยูต่อไป

ผลงานของ เอดินสัน คาวานี่ ในแมตช์นี้ต้องบอกเลยว่าคงทำให้สาวก "เร้ด อาร์มี่" เรียกร้องให้สโมสรจัดการขยายสัญญากับเขาออกไปทันที เพราะฟอร์มแบบนี้คือ "หน้าเป้า" ที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เฝ้ารอมานานแล้ว

หัวหอกชาวอุรุกวัย มีโอกาสได้ลงสนามเป็นตัวจริงในแมตช์สำคัญนี้ และเขาก็ไม่ทำให้ นายใหญ่เลือดนอร์เวย์ ผิดหวังเพราะสร้างปั่นป่วนเกมรับที่เหนียวแน่นตามสไตล์รถบัสยี่ห้อมูรินโญ่ ได้ตลอด โดยเฉพาะในครึ่งแรก

ในวัย 34 ปีแต่ คาวานี่ ยังแสดงให้เห็นถึงทักษะการเล่นที่ชาญฉลาด และยังโชว์ลีลาการสัมผัสบอลที่ยอดเยี่ยมหลายต่อหลายครั้ง รวมไปถึงจังหวะจบสกอร์ที่เฉียบคมแต่น่าเสียดายที่ "วีเออาร์" ปฏิเสธลูกยิงที่ยอดเยี่ยมของเขาในครึ่งแรก

สำหรับครึ่งหลัง คาวานี่ มีส่วนอย่างยิ่งในจังหวะที่ เฟร็ด ยิงตีเสมอ จากนั้นก็โชว์ทักษะการพุ่งโหม่งอย่างงดงามให้ทีมขึ้นนำ ฉะนั้นผลงานทั้งหมดนี้ของ "เอล มาทาดอร์" จึงคู่ควรอย่างยิ่งที่จะได้รับคำสรรเสริญอย่างล้นหลาม

แน่นอนว่าตอนนี้แฟนบอล "ผีแดง" คงกระตุ้นให้ โซลชา และเหล่าบอร์ดบริหารรีบใช้ความพยายามอย่างเต็มที่ในการโน้มน้าว คาวานี่ ให้อยู่ร่วมกับต้นสังกัดต่อไป เพราะเชื่อว่าทั้งประสบการณ์และความยอดเยี่ยมของเขา อาจจะนำสิ่งที่ยิ่งใหญ่มาสู่ถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด
 
4. กรีนวู้ดซูเปอร์ซับคนใหม่
นับตั้งแต่ที่ โซลชา แขวนสตั๊ดไป แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ไม่ค่อยได้เห็นนักเตะคนไหนที่มีศักยภาพในฐานะซูเปอร์ซับได้ดีเท่ากับ "เพชฌฆาตหน้าทารก" อีกแล้ว จนกระทั่งทีมมีผู้เล่นดาวรุ่งพุ่งแรงอย่าง เมสัน กรีนวู้ด หัวหอกเลือดผู้ดี

กรีนวู้ด เป็นเด็กปั้นขนานแท้ของสโมสร และมีศักยภาพที่ยอดเยี่ยมจนถึงขั้นถูกวางให้เป็นอนาคตของทีม แต่ด้วยวัยวุฒิและประสบการณ์ทำให้เวลาที่เจ้าตัวมีโอกาสได้ลงเป็นตัวจริงมักจะทำผลงานได้ไม่ค่อยดีนัก แต่เมื่อไหร่ที่ถูกส่งลงไปเป็นตัวสำรองเขามักจะช่วยให้ทีมพลิกสถานการณ์ได้เสมอ

ในแมตช์กับ "ไก่เดือยทอง" กรีนวู้ด เป็นคนแอสซิสต์ให้กับ คาวานี่ พุ่งโหม่งช่วยทีมขึ้นนำ 2-1 และยังเป็นคนที่จัดการกดเต็มข้อในช่วงทดเจ็บเป็นประตูตอกฝาโลงนำ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ชำระแค้นได้สำเร็จ หลังจากที่เคยแพ้ยับเยินในช่วงต้นซีซั่นนี้

ที่สำคัญผลงานของ กรีนวู้ด ในวัย 19 ปีกับ 192 วัน ทำให้เขากลายเป็นนักเตะดาวรุ่งคนแรกที่ทั้งยิงประตูและแอสซิสต์ในฐานะตัวสำรองของ แมนฯ ยูไนเต็ด ในเกมพรีเมียร์ลีก นับตั้งแต่ที่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เคยทำได้เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2003 (ในเกมพบ พอร์ทสมัธ)
 
5. "อาซน" จุดประเด็นเดือด "เฮียมู" VS "โอเล่"

จังหวะที่ ซน ฮึง-มิน โดน สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ สะบัดมือฟาดไปที่ใบหน้าจนเป็นสาเหตุให้ "วีเออาร์" ริบประตูของ เอดินสัน คาวานี่ ในครึ่งแรก กลายเป็นประเด็นเดือดให้กับบรรดานักวิจารณ์ลูกหนัง และเกรียนคีย์บอร์ดอย่างเมามัน

แม้เกมนี้จะจบลงที่ "ผีแดง" ชำระแค้นได้สำเร็จก็ตาม แต่เรื่องดันมาพีคเมื่อ โซลชา ให้สัมภาษณ์ในเชิงแซะ "อาซน" กับปฏิกิริยาที่ดิ้นทุรนทุรายเหมือนจะเป็นจะตายให้ได้ โดยถึงขนาดบอกว่าหากลูกชายของตนทำตัวแบบนี้จะไม่ให้กินอาหารเย็นเลยทีเดียว

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน

อัลบั้มภาพเด็ดๆ

More »

คลิปไฮไลท์

More »