"ซนนี่ โชคดีมากๆ ที่คุณพ่อของเขาเป็นพ่อที่ดีกว่า โอเล่ เพราะคนเป็นพ่อน่ะต้องคอยหาอาหารมาให้ลูกอยู่เสมอโดยที่ไม่จำเป็นว่าต้องทำด้วยวิธีไหน ต่อให้คุณจะต้องขโมยอาหารเพื่อลูกคุณก็ต้องยอมทำ ผมผิดหวังมากๆ ที่เขาพูดแบบนั้น ที่โปรตุเกสน่ะเรามักจะมีวลีติดปากกันว่าขนมปังก็คือขนมปัง ชีสก็คือชีส ผมบอกกับ โอเล่ ถึงสิ่งที่ผมคิดเกี่ยวกับความเห็นของเขาไปแล้ว" นั่นคือคำพูดของ โชเซ่ มูรินโญ่ ผู้จัดการทีม ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ที่เป็นการตอบโต้เชิงตำหนิ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา กุนซือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หลังจากที่ตอนแรก โซลชา ออกมาเหน็บ ซน ฮึง-มิน โทษฐานที่แกล้งเจ็บเกินกว่าเหตุจนถึงขั้นบอกว่า "ถ้าลูกชายของผมลงไปนอนกองกับพื้น 3 นาที และต้องให้เพื่อนร่วมทีมถึง 10 คนมาช่วยพยุงตัวเขาให้ยืนขึ้นแล้วล่ะก็ วันนั้นลูกชายของผ
   
คำให้สัมภาษณ์ล่าสุดของ มูรินโญ่ ถือเป็นการตอกย้ำว่าตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมาเขาถือเป็นกุนซือที่มีวาทะศิลป์สูงเป็นลำดับต้นๆ ของโลกลูกหนัง เขามักจะให้สัมภาษณ์ในเชิงที่มีสีสันและจิกกัดคู่กรณีแบบแนบเนียนหรือเจ็บแสบได้อยู่เสมอ ซึ่งนั่นก็ทำให้มีไม่กี่คนที่กล้าสวน มูรินโญ่ ไปแบบตรงๆ

อย่างไรก็ตาม โนอาห์ โซลชา ลูกชายแสนรักของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา กุนซือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นหนึ่งในคนที่ตอบโต้ มูรินโญ่ แบบไม่อ้อมค้อม เพราะเขาออกมาพูดเลยว่า "ผมขำก๊ากกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาเหมือนกัน ผมเองได้กินข้าวอิ่มเต็มท้องอยู่เสมอ ผมรับประกันกับทุกคนได้เลย ผมไม่เคยลงไปนอนแบบที่ ซน ทำหรอกนะ ส่วน มูรินโญ่ ก็อาจจะแค่อยากเบี่ยงเบนประเด็นจากการที่ทีมของเขาแพ้ก็ได้"

สำหรับ โนอาห์ นั้น ถือเป็นลูกคนโตสุดจากทั้งหมด 3 คนของตระกูล โซลชา และเขาก็หันมาเอาดีด้านฟุตบอลเหมือนพ่อด้วย เพียงแต่เขาตัดสินใจเล่นเป็นกองกลาง ไม่ใช่กองหน้า ส่วนต้นสังกัดของแข้งวัย 20 ปีในตอนนี้คือ คริสเตียนซุนด์ ทีมในประเทศนอร์เวย์ ซึ่งวันนี้เรามีเกร็ด 3 อย่างที่น่าสนใจเกี่ยวกับเขามานำเสนอกัน

- เพิ่งเริ่มเป็นนักเตะอาชีพ
โนอาห์ อยู่กับ คริสเตียนซุนด์ ในระดับอะคาเดมี่มาตั้งแต่ปี 2014 โดยสาเหตุที่เขาเข้าอะคาเดมี่ของทีมนั้นก็เป็นเพราะเจ้าตัวลืมตาดูโลกที่เมืองดังกล่าว ไม่ได้มีสาเหตุที่พิเศษอะไร แต่เขาก็ทำผลงานได้โดดเด่นมากๆ ในช่วงที่อยู่กับทีมสำรองของที่นั่น

สุดท้ายแล้วเมื่อช่วงเดือนกันยายน ปีก่อน ลูกชายคนโตสุดของ โซลชา ก็ได้รับสัญญาแบบนักเตะอาชีพฉบับแรกกับ คริสเตียน ซุนด์ โดยมีการเซ็นสัญญากันจนถึงเดือนธันวาคมนี้ และเขาก็ประเดิมสนามในเกมแบบเป็นทางการไปเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา จากการลงเป็นตัวสำรองในเกมที่เจอกับ โบโด/กลิมท์ น่าเสียดายที่วันนั้น คริสเตียนซุนด์ แพ้ไป 2-3 โดยจนถึงตอนนี้ โนอาห์ ลงเล่นให้ทีมชุดใหญ่ของ คริสเตียนซุนด์ ไปแล้ว 2 เกม

- ไอดอลอยู่ใกล้ตัว
แม้ว่าจะสืบสายเลือดมาจาก โซลชา แต่ด้วความที่เป็นกองกลางทำให้ โนอาห์ ไม่ได้ยึดเอาคุณพ่อเป็นแบบอย่างในการเล่น ถึงกระนั้นคนที่เป็นไอดอลของเขาก็ไม่ได้อยู่ไกลตัวอะไรเลย เพราะคนๆ นั้นคือ ไมเคิ่ล คาร์ริค อดีตมิดฟิลด์ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่เขาเคยเห็นฟอร์มด้วยตาตัวเองในตอนที่ยังเป็นเด็ก

โนอาห์ เคยให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องดังกล่าวว่า "ผมยึดเอาการเล่นของ ไมเคิ่ล คาร์ริค มาใช้กับตัวเองนิดหน่อย ตอนแรกๆ ผมก็ได้เล่นเป็นกองหน้าอยู่น่ะนะ แต่พอนานวันเข้าผมก็ถอยต่ำลงมาเรื่อยๆ ตอนนี้ผมเป็นเหมือนพวกนักเตะหมายเลข 6 มากกว่าพวกหมายเลข 10"

ทั้งนี้ คริสเตียน มิเคลเซ่น กุนซือ คริสเตียนซุนด์ ก็เคยกล่าวชม โนอาห์ เช่นกันว่าเป็นคนที่ปั้นเกมได้ดีในระดับหนึ่ง "แม้ว่าคุณพ่อของเขาจะเป็นคนที่จบสกอร์ได้เฉียบขาด และยิ่งเข้าใกล้กรอบเขตโทษเท่าไหร่ก็ยิ่งอันตรายมากขึ้นเท่านั้น แต่ โนอาห์ ออกแนวเป็นพวกสร้างเกมรุกมากกว่า เขามีทักษะหลายอย่าง และมีพรสวรรค์ด้านผุตบอลอยู่ในตัว"

- เกมแรกกับทีมชุดใหญ่ที่น่าจดจำ
อย่างที่บอกไปในเบื้องต้นว่า "เกมอย่างเป็นทางการ" นัดแรกที่ โนอาห์ ลงเล่นให้กับ คริสเตียนซุนด์ คือเกมลีกเมื่อช่วงเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา แต่หากนับรวมเกมอุ่นเครื่องที่ "ไม่ถือเป็นเกมทางการ" เข้าไปด้วยแล้วล่ะก็ นัดแรกที่เขาลงเล่นให้กับทีมชุดใหญ่ของ คริสเตียนซุนด์ ก็ถือเป็นเกมที่ตระกูล โซลชา คงจะจดจำไปอีกนาน เพราะมันเป็นเกมกระชับมิตรที่ คริสเตียนซุนด์ เจอกับ แมนฯ ยูไนเต็ด เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม ปี 2019

ใช่ วันนั้น โนอาห์ กับ โอเล่ ได้เผชิญหน้ากันในคนละบทบาทนั่นเอง โดยที่ฝั่งคนเป็นพ่อให้สัมภาษณ์ในช่วงก่อนเกมแบบภาคภูมิใจเต็มเปี่ยมว่า "ก็ต้องบอกว่าที่ผ่านมาเขาทำได้ดี แค่เราจะทำให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อที่จะหยุดเขาให้ได้ แน่นอนว่านี่เป็นเกมที่พิเศษสำหรับเขา เขาซ้อมกับทีมชุดใหญ่มาตลอดช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา เขาเพิ่งได้ขึ้นมาเล่นให้ทีมชุดใหญ่ เขาฝึกฝีเท้ามาหนักเป็นเวลา 2 ปี ดังนั้นก็ต้องถือว่าตอนนี้เขากำลังเข้าใกล้กับการเป็นนักเตะที่ดี"

ทั้งนี้ ในวันนั้น โนอาห์ ได้รับโอกาสลงสนามในฐานะตัวสำรองในช่วง 4 นาทีสุดท้ายของเกม ก่อนที่ แมนฯ ยูไนเต็ด จะเฉือนชนะไปแบบหวุดหวิด 1-0 จากลูกจุดโทษของ ฆวน มาต้า ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บของครึ่งหลัง