ชัยชนะเหนือ แอสตัน วิลล่า 3-1 ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อาจจะดูไม่คุ้มค่าซะแล้ว หลังจากที่ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ กองหลังกัปตันทีมของพวกเขามีอาการบาดเจ็บจนถึงขั้นเล่นต่อไม่ไหว โดยอาการเดี้ยงของเขาน่าจะอยู่ตรงข้อเท้าหรือไม่ก็ท่อนล่างของขา
   
โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ผู้จัดการทีม แมนฯ ยูไนเต็ด ยอมรับเองว่ายังไม่ชัวร์ว่าอดีตแข้ง เลสเตอร์ ซิตี้ ต้องพักนานแค่ไหน แต่มันไม่ใช่ข่าวดีสำหรับ "ปีศาจแดง" เลย เพราะพวกเขายังเหลือเกม ยูฟ่า ยูโรปา ลีก นัดชิงชนะเลิศให้เล่นอยู่ โดยเกมที่ว่าก็จะฟาดแข้งกันในวันที่ 26 พฤษภาคมนี้แล้ว

แม้ว่าบางครั้ง แม็กไกวร์ จะมีชอตที่เล่นผิดพลาดให้เห็นบ้าง แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาถือเป็นคนที่มีความสำคัญกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ในตอนนี้มากในระดับใกล้เคียงกับ บรูโน่ แฟร์นันด์ส กองกลางชาวโปรตุกีสเลย โดยที่ผ่านมาเขาก็ลงเล่นให้ทีมในลีกครบทุกนัดนับตั้งแต่ทื่ย้ายมาจาก เลสเตอร์ ซิตี้ แถมยังเป็นตัวจริงมาโดยตลอดในสภาพที่ไม่เคยโดนเปลี่ยนตัวเลยด้วย ซึ่งนอกจากเรื่องดังกล่าวแล้วนั้นมันยังมีผลงานในฤดูกาลนี้อีกหลายอย่างที่แสดงให้เห็นว่าเขาเป็นคนที่จำเป็นกับทีมมากๆ ลองไปดูเลยว่ามีอะไรบ้าง

- การตัดบอล
นอกจากการพุ่งเสียบใส่คู่แข่งแล้วนั้น การอ่านเกมที่ดีจนสามารถตัดบอลได้โดยไม่ต้องพุ่งสไลด์ก็ถือเป็นคุณสมบัติที่สำคัญเป็นอันดับต้นๆ ของคนเป็นกองหลัง เพราะมันทำให้ทีมไม่ต้องเสียฟาวล์จนต้องเสี่ยงเสียประตูจากลูกฟรีคิก และยังสามารถเล่นเกมสวนกลับเร็วได้อย่างว่องไวด้วย

แน่นอน ในด้านการพุ่งเสียบนั้น แม็กไกวร์ สู้ อารอน วาน-บิสซาก้า แบ็กขวาเพื่อนร่วมทีมไม่ได้ หลังจากอีกฝ่ายเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการสไลด์จนได้รับฉายาว่า "ไอ้แมงมุม" ไปแล้ว แต่ในด้านการอ่านเกมได้ขาดจนตัดบอลได้นั้น แม็กไกวร์ ไม่เป็นสองรองใครในขุมกำลัง แมนฯ ยูไนเต็ด ชุดนี้ หลังจากเขาทำอย่างนั้นได้เฉลี่ยแล้ว 1.8 ครั้งต่อเกม จากการลงเล่นใน พรีเมียร์ลีก ประจำฤดูกาล 2020-21 ส่งผลให้เขาเป็นนักเตะ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่ทำผลงานด้านนี้ได้ดีที่สุดเป็นอันดับ 1 ร่วมกับ วาน-บิสซาก้า เลย

- การเคลียร์พ้นพื้นที่อันตราย
ส่วนหนึ่งที่ทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นทีมที่เสียประตูน้อยที่สุดเป็นอันดับ 3 ของลีกในซีซั่นนี้มันเป็นเพราะแนวรับของพวกเขาเคลียร์บอลกันได้เด็ดขาด มันทำให้บอลไม่ป้วนเปี้ยนอยู่แถวกรอบเขตโทษมากนัก ซึ่งซีซั่นนี้ แม็กไกวร์ มีจังหวะอย่างนั้นถึงเฉลี่ย 3.6 ครั้งต่อเกม

ตัวเลขดังกล่าวถือเป็นตัวเลขที่ดีที่สุดหากเทียบกับแนวรับชุดปัจจุบันของ แมนฯ ยูไนเต็ด โดยอันดับ 2 คือ วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ ที่ทำอย่างนั้นได้ 3.3 ครั้งต่อนัด ส่วน เอริก ไบยี่ แม้ว่าจะทำได้ 3.1 ครั้งต่อเกม แต่เขาก็เพิ่งได้ลงเล่นในลีกไปแค่ 9 นัดเท่านั้น

- การขวางทาง
บางครั้งคนเป็นกองหลังก็ต้องรู้ว่าจะยืนรอคู่แข่งในตำแหน่งไหนเพื่อขวางทางลูกยิงของคู่ต่อสู้ ซึ่งถ้านับรวมขุมกำลังทุกคนของ แมนฯ ยูไนเต็ด ในชุดนี้นั้น ไบยี่ คือคนที่มีตัวเลขด้านนี้ดีที่สุดจากการทำได้เฉลี่ย 1 ครั้งต่อเกม อย่างไรก็ตาม ถ้าจะนับเฉพาะคนที่ได้ลงเล่นในลีกเกิน 20 นัดขึ้นไปแล้วล่ะก็ มันก็เป็นอีกครั้งที่ แม็กไกวร์ คือนักเตะ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่ทำผลงานในด้านนี้ได้ดีที่สุด หลังจากเขาทำไปเฉลี่ย 0.7 ครั้งต่อนัดด้วยกัน

- โดนเลี้ยงผ่านยาก
การเผชิญหน้ากับคู่แข่งที่เลี้ยงบอลเข้าหาเป็นสิ่งที่ แม็กไกวร์ ทำได้อย่างโดดเด่น โดยจนถึงตอนนี้เขาถูกคู่แข่งเลี้ยงผ่านในลีกแค่ 0.3 ครั้งต่อเกม ซึ่งในกลุ่มตัวหลักที่ลงเล่นเกิน 20 นัดขึ้นไปมันไม่มีใครในทีมของ โซลชา ที่ทำได้ดีกว่าเขาแล้ว ขนาด วาน-บิสซาก้า ยังแพ้เขาไปนิดหน่อยเลย โดยตัวเลขของฟูลแบ็กชาวอังกฤษอยู่ที่ 0.4 ครั้งต่อนัด

- จังหวะดวลลูกกลางอากาศ
ด้วยส่วนสูง 194 เซนติเมตร ทำให้มันไม่แปลกเลยที่การเล่นลูกกลางอากาศจะเป็นหนึ่งในสิ่งที่ แม็กไกวร์ ทำได้โดดเด่นอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา โดยตลอดทั้งซีซั่นนี้เขามีจังหวะชนะดวลลูกกลางอากาศในลีกถึงเฉลี่ยแล้ว 4 ครั้งต่อเกม จากการขึ้นโขก 5.3 ครั้งต่อนัด

ผลงานนั้นทำให้ แม็กไกวร์ เป็นนักเตะที่มีค่าเฉลี่ยการชนะลูกกลางอากาศเยอะที่สุดของ แมนฯ ยูไนเต็ด ในซีซั่นนี้ โดยทิ้งห่างอันดับ 2 อย่าง ลินเดอเลิฟ แบบไม่เห็นฝุ่น หลังจากที่กองหลังชาวสวีดิชชนะในการขึ้นโขกเพียง 2.1 ครั้งต่อนัดจากการกระโดดโหม่ง 3.4 ครั้งต่อเกม