ในที่สุดก็คือวันที่แฟนบอลแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด รอคอยนั่นก็คือเกมนัดชิงชนะเลิส ศึกยูฟ่า ยูโรปา ลีก ที่จะพบกั บียาร์เรอัล ในเมืองกดัญ​สก์อประเทศโปแลนด์ วันพุธที่ 26 พฤษภาคมนี้

"ปีศาจแดง" กำลังลุ้นแชมป์รายการนี้เป็นสมัยที่ 2 ในรอบ 4 ปี และยังเป็นการลุ้น โอเล่ กุนนาร์ โซลชา คว้าแชมป์แรกในฐานะกุนซือแมนฯ ยูไนเต็ด หลังต้องผิดหวังในรอบตัดเชือกมาแล้ว 4 ครั้งติดต่อกัน

อย่างไรก็ตาม ด่านสำคัญของ โซลชา และลูกทีมก็คือการปะทะกึ๋นกับ อูไน เอเมรี่ เทรนเนอร์ที่ได้ชื่อว่าเป็นตัวพ่อเกมยูโรปา ลีก และงานนี้บอกเลยว่าไม่ง่ายสำหรับ "เร้ด เดวิลส์" ที่จะนำแชมป์รายการนี้ไปประดับในตู้โชว์ที่โอลด์ แทร็ฟฟฟอร์ด

1. โซลชาลุ้นแชมป์แรกกับแมนยู

เป็นเรื่องธรรมดาที่ศิษย์เก่าจะกลับมาร่วมงานกับสโมสรที่สร้างชื่อเสียง และตอนนี้ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา มีโอกาสที่จะสร้างประวัติศาสตร์ให้กับตนเองเมื่อเขาสามารถนำ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทะลุเข้ารอบชิงชนะเลิศเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่ที่เข้ามากุมบังเหียนสโมสรอันเป็นที่รัก

"น้าลูกอม" ประสบความสำเร็จมากมายสมัยที่เป็นนักเตะให้ "ปีศาจแดง" โดยเฉพาะไฮไลท์สำคัญคือการเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ซัดประตูชัยชนะ บาเยิร์น มิวนิค คว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และช่วยให้ทีมเขียนประวัติศาสตร์ในฐานะสโมสรที่คว้า "ทริปเบิ้ลแชมป์" ได้อย่างยิ่งใหญ่ในปี 1999

สำหรับการหันมาทำงานโค้ชก็ถือว่าผลงานไม่ธรรมดาเมื่อร่ำเรียนเขียนอ่านวิชาคุมทีมมาจาก เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน จนสามารถนำ โมลด์ คว้าแชมป์ฟุตบอลลีกบ้านเกิดประเทศนอร์เวย์ 2 สมัยติดต่อกัน

ในส่วนการคุม แมนฯ ยูไนเต็ด ต้องบอกว่า โซลชา เจอกับอถรรพ์ที่น่ากลัวมากๆ เพื่อเขาผิดหวังกับการนำทีมตกรอบรองชนะเลิศมาแล้ว 4 ครั้งติดต่อกัน แต่ตอนนี้เจ้าตัวกำลังจะเดินตามรอยป๋าด้วยการลุ้นแชมป์แรกในฐานะนายใหญ่ "ผีแดง" หลังกุมบังเหียนมาตั้งแต่ปลายปี 2018

ยิ่งไปกว่านั้นหาก โซลชา ทำสำเร็จเขาจะกลายเป็นคนแรกที่สามารถคว้าแชมป์ฟุตบอลถ้วยยุโรปทั้งในฐานะนักเตะ และผู้จัดการทีมในการทำงานให้กับสโมสรอังกฤษทีมเดิม แถมยังเป็นการตอบโต้เสียงวิจารณ์ของหลายๆ คนที่สงสัยในความสามารถของเขา

2. เอเมรี่ เจ้าพ่อยูโรปา ลีก

ความสำเร็จของ โซลชา อาจจะไม่ได้มาง่ายๆ เพราะคู่ต่อกรที่เขาจะต้องวัดกึ๋นด้วยนั่นก็คือ อูไน เอเมรี่ กุนซือชาวสแปนิช ที่มีประสบการณ์โชกโชนในศึกยูฟ่า ยูโรปา ลีก มาตลอดช่วงเกือบ 10 ปีที่ผ่านมา

เอเมรี่ ได้ชื่อว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญฟุตบอลถ้วยใบเล็กยุโรปอย่างแท้จริง เมื่อเขาสามารถนำ เซบีย่า คว้าแชมป์รายการนี้ 3 ฤดูกาลติดต่อกัน (2013/14, 2014/15, 2015/16) และเคยนำ อาร์เซน่อล เข้าชิงในซีซั่น 2018/2019 แต่พลาดท่าให้กับ เชลซี

สำหรับการนำ "เรือดำน้ำเหลือง" บียาร์เรอัล เข้าชิงในซีซั่นนี้ถือเป็นเกียรติประวัติของ เอเมรี่ เพราะเขาสามารถเข้ามาเล่นในรอบนี้ได้เป็นสมัยที่ 5 ซึ่งแน่นอนว่าด้วยศักยภาพของเจ้าตัวถือเป็นอุปสรรคสำคัญสำหรับ โซลชา ในการชูโทรฟี่แชมป์แรกของเขาในฐานะนายใหญ่ "เร้ด เดวิลส์"

แม้บรรดากูรูลูกหนังต่างยกให้ แมนฯ ยูไนเต็ด เหนือกว่าเมื่อดูจากขุมกำลังของพวกเขา แต่สิ่งที่ บียาร์เรอัล มีเหนือกว่าคู่แข่งก็คือมันสมองของ เอเมรี่ ซึ่งหากลูกทีมของเขาเล่นได้ตามแท็กติกที่วางเอาไว้ ก็มีโอกาสที่ "เยลโล่ ซับมารีน" จะได้แชมป์รายการใหญ่สมัยแรกในหน้าประวัติศาสตร์ 98 ปีของพวกเขา

3. ภาวนาให้ แม็กไกวร์ ฟิตสมบูรณ์

หนึ่งในเรื่องที่สำคัญที่สุดของแมนฯ ยูไนเต็ดในเวลานี้ก็คืออาการบาดเจ็บของ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ เซนเตอร์แบ็กกัปตันทีม เพราะหากเขาฟิตไม่ทันในแมตช์นี้ ต้องบอกเลยว่าเป็นเรื่องที่เสียหายสำหรับสโมสรอย่างแท้จริง

ต้องยอมรับว่า แม็กไกวร์ คือหัวใจในเกมรับของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เพราะการที่ทีมมีเขายืนคุมด้านหลัง สาวก "เร้ด อาร์มี่" รู้สึกอุ่นใจมากกว่าจะเห็น วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ จับคู่กับ เอริก ไบยี่ หรือ อั๊กเซล ตวนเซเบ้

อย่างไรก็ตามอาการบาดเจ็บข้อเท้าของนักเตะที่ได้รับในแมตช์ปะทะกับ แอสตัน วิลล่า ดูเหมือนจะยังไม่หายสนิท เพราะนักเตะไม่ได้ลงซ้อมเซสชั่นสุดท้ายเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา แถม โซลชา ยังพูดเป็นนัยๆ ให้ลุ้นกันว่า 11 ตัวจริงจะเป็นใคร

แม้ โซลชา ยังรู้สึกว่า แม็กไกวร์ สามารถที่จะฟิตสมบูรณ์ลงเล่นในเกมนี้ได้ แต่ในกรณีที่เขาฟิตไม่เต็มร้อย งานนี้ก็ขึ้นอยู่กับ "น้าลูกอม" ว่าจะกล้าส่งนักเตะลงไปคุมแนวรับหรือไม่ เพราะนี่จะเป็นการตัดสินใจที่สำคัญมากๆ

อย่าลืมว่า อังกฤษ มีโปรแกรมสำคัญในการลงเล่นศึก ยูโร 2000 ในเดือนมิถุนายนนี้ หาก แม็กไกวร์ ร่างกายไม่สมบูรณ์ แต่โดนฝืนให้ลงสนาม คนที่เครียดที่สุดคงหนีไม่พ้น แกเร็ธ เซาธ์เกต ผู้จัดการทีม "สิงโตคำราม" !!!

4. มือ 1 ในแมตช์สำคัญจะเป็นใคร ?

ตอนนี้สิ่งที่แฟนผีโปรเจกต์กำลังคิดก็คือ โซลชา จะเลือกใครลงทำหน้าที่เฝ้าเสาระหว่าง ดีน เฮนเดอร์สัน กับ ดาบิด เด เคอา เพราะนี่คือตำแหน่งที่มีความสำคัญมากๆ และอาจชี้เป็นชี้ตายในเกมของ แมนฯ ยูไนเต็ด เลยทีเดียว

ช่วงที่ผ่านมา เฮนเดอร์สัน ต้องพยายามอย่างหนักในการเบียดแย่งมือ 1 กับ เด เคอา โดนต้นฤดูกาลเขาไม่สามารถสอดแทรกเป็นตัวจริงในเกมพรีเมียร์ลีกได้เลย ส่วนใหญ่ต้องไปทำหน้าที่เฝ้าเสาแมตช์ฟุตบอลถ้วย รวมไปถึงการเป็นตัวจริงเหย้า-เยือนพบ เรอัล โซเซียดาด และ เอซี มิลาน

อย่างไรก็ตาม โกลดีกรีทีมชาติอังกฤษ สามารถโชว์ฟอร์มได้อย่างเหนียวหนึบจนได้รับความไว้วางใจให้ลงเล่นเป็นมือ 1 แทน เด เคอา ขณะที่ นายด่านชาวสแปนิช ต้องไปฝึกปรือฝีมือในเกมยูโรปาลีก แทน

แน่นอนว่า เด เคอา ทำผลงานได้ดีพอสมควรในถ้วยใบเล็กยุโรปที่พบกับ กรานาด้า ในรอบก่อนรองชนะเลิศ และ โรม่า รอบรองชนะเลิศ ฉะนั้นนี่เป็นคำถามสำคัญสำหรับ โซลชา ว่าเขาจะตัดสินใจยังไงในการเลือกมือ 1 เกมนี้

อย่าลืมว่าถึงแม้ เฮนเดอร์สัน จะมีฟอร์มการเล่นที่โดดเด่น แต่ เด เคอา มีทั้งประสบการณ์ และความสามารถ งานนี้มีความเป็นไปได้ที่หวยจะออกไปที่ ผู้รักษาประตูเครางาม จากดินแดนกระทิงดุ !??!!

5. กำลังใจจาก "ป๋า" สุดสำคัญสำหรับแมนยู

คำว่าผู้เล่นที่ "12" หรือแฟนบอลมีความหมายอย่างมาก เพราะเกมลูกหนังในยุคโควิด-19 ระบาดทำให้เราไม่ได้เห็นกองเชียร์เข้าไปให้กำลังใจทีมรักมานานเกือบ 2 ปีแล้ว และแมตช์นี้ ยูฟ่า อนุญาตให้แฟนบอลกว่า 9,500 คน เข้าชมแบบสดๆ ในสนาม

อย่างไรก็ตามสำหรับแฟนบอลของ แมนฯ ยูไนเต็ด และบียาร์เรอัล จะได้รับตั๋วเพียงทีมละ 2,000 ใบเท่านั้น ส่วนที่เหลือจะจัดสรรให้แฟนบอลเจ้าภาพ ฝ่ายจัดการแข่งขัน รวมทั้งเจ้าหน้าที่ถ่ายทอดสด

แม้ว่าจะมีแฟนบอลเข้าไปชมเกมไม่เยอะเหมือนที่ผ่านมา แต่แค่นี้ก็ทำให้บรรยากาศในเกมลูกหนังสนุกเข้มข้นมากกว่าการเล่นในสนามโล่งๆ ยิ่งไปกว่านั้นแมตช์สำคัญนี้ เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน จะนั่งอยู่บนอัฒจันทร์เพื่อให้กำลังใจลูกๆ หลานๆ รวมทั้งศิษย์รักอย่าง โซลชา ด้วย

"เซอร์เฟอร์กี้" แบกสังขารในวัย 79 ปีขึ้นนกเหล็กลำเดียวกับนักเตะและสตาฟฟ์สโมสร เพื่อมายังสังเวียนนัดชิงที่สนามสตาดิโอน เมียสกี้ ในเมืองกดัญ​สก์ ประเทศโปแลนด์ และนี่คือกำลังใจสำคัญที่ผู้เล่น "ผีแดง" ต้องการอย่างมาก เพราะ "ป๋า" คือหนึ่งในศูนย์ร่วมจิตใจของทีม

แม้แต่ โซลชา ยังยอมรับว่าการที่ได้เห็น บรมกุนซือเลือดวิสกี้ อยู่ร่วมกับทีม เปรียบเสมือนแรงบันดาลใจสำคัญที่จะทำให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คว้าแชมป์รายการแรกนับตั้งแต่ปี 2017 (โชเซ่ มูรินโญ่ คุม)

ฉะนั้นการชูโทรฟี่ยูโรปา ลีก จะเป็นของขวัญที่ดีที่สุดที่มอบให้กับ "ท่านเซอร์" และแฟนบอล หลังให้การหนุนหลังสโมสรแห่งนี้อย่างสัตย์ซื่อมาตลอด