แก้แค้นหรือย้ำแค้น!เจาะ 5 ประเด็น แมนซิตี้ ปะทะ เชลซี นัดชิงแชมเปี้ยนส์ ลีก
Posted 29/05/2021 by siamsport
เป๊ป กวาร์ดิโอล่า นายใหญ่แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มีโอกาสได้แก้มือกับ โธมัส ทูเคิ่ล กุนซือเชลซีอีกครั้ง หลังเคยแพ้มาแล้ว 2 แมตช์ในฤดูกาลนี้ แต่ครั้งนี้เป็นเกมที่สำคัญมากๆ เพราะใครพ่ายแพ้นั่นหมายถึงการต้องน้ำตาร่วงเป็นได้เพียงแค่พระรองในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลนี้
ผลงานของ "เรือใบสีฟ้า" กับ "สิงโตน้ำเงินคราม" ต้องบอกว่าโดดเด่นอย่างมาก โดยเฉพาะฝ่ายหลังที่นับตั้งแต่ได้ ทูเคิ่ล เข้ามากุมบังเหียน ทีมโชว์ฟอร์มได้อย่างดุดัน จนสามารถจบซีซั่นด้วยอันดับท็อปโฟร์ พร้อมเข้ารอบชิงถ้วยใบโตยุโรป
สำหรับแมตช์นี้จะบรรเลงเพลงแข้งที่สนาม เอสตาดิโอ โด ดราเกา ในประเทศโปรตุเกส และคอลูกหนังคงจะได้เห็นแท็กติกที่สุดเฉียบคมของทั้งสองกุนซือ เพื่อชิงโทรฟี่ "หูกาง" และนำกลับไปตั้งโชว์ในสโมสรตัวเอง
1. ไม่มีหน้าเป้าก็มันได้
ต้องยอมรับว่าทั้ง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ เชลซี เป็นสองสโมสรที่สามารถใช้ผู้เล่นตำแหน่งอื่นขึ้นมาทำประตู หรือยืนเป็นกองหน้าได้อย่างสบายๆ โดยที่พวกเขาไม่จำเป็นต้องใช้หัวหอกขนานแท้ทำหน้าที่ส่งบอลเข้าไปซุกก้นตาข่าย
สำหรับทัพ "เรือใบสีฟ้า" คุ้นเคยกับการใช้การเล่น "ฟอลส์ไนน์" อยู่แล้ว เพราะมีหลายเกมที่พวกเขาจับหน้าเป้าอย่าง เซร์คิโอ อเกวโร่ และ กาเบรียล เชซุส นั่งตบยุงอยู่ในซุ้มม้านั่งสำรอง โดยเลือกใช้ เควิน เดอ บรอยน์ กับ แบร์นาโด้ ซิลวา หรือบางครั้งก็ดัน ฟิล โฟเด้น กับ ราฮีม สเตอร์ลิง ทำหน้าที่เป็นกองหน้าตัวหลอก
แท็กติกแบบนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า นำมาใช้ เพราะก่อนหน้านี้เขาก็ทำบ่อยๆ สมัยที่กุมบังเหียน "เจ้าบุญทุ่ม" บาร์เซโลน่า เพียงแต่เจ้าตัวยังไม่เคยนำทีมที่ใช้ระบบนี้แล้วนักเตะสามารถช่วยกันยิงประตูได้เป็นกอบเป็นกำเหมือนกับที่ แมนฯ ซิตี้ ทำได้ในฤดูกาล 2020/2021
ขณะที่ เชลซี มีความเป็นไปได้เช่นกันที่จะเริ่มต้นเกมนี้ด้วยการใช้วิธี "ฟอลส์ไนน์" แม้ โธมัส ทูเคิ่ล อาจจะเลือกส่ง ติโม แวร์เนอร์ เป็นตัวจริงแต่ก็คงจะให้นักเตะยืนลึก หรือไม่ก็ขยับไปเล่นทางฝั่งซ้าย โดยอาจใช้ เมสัน เมาท์ กับ คริสเตียน พูลิซิช หรือ ไค ฮาแวร์ทซ์ ซึ่งทั้ง 3 คนเป็นผู้เล่นมิดฟิลด์ตัวรุก ยืนเป็นแนวรุกให้กับ "สิงห์บลูส์"
คาดว่าเกมนี้จะเป็นการวัดกันที่แดนกลาง และเป็นการช่วงชิงจังหวะการเล่น รวมทั้งการหาพื้นที่ว่างในการส่งบอลให้แนวรุกทำประตู กระนั้นจุดเด่นของ เชลซี ก็คือการเล่นสวนกลับ ถ้าพวกเขาทำได้เหมือน 2 เกมที่เจอกับ แมนฯ ซิตี้ งานนี้สาวก "สิงโตน้ำเงินคราม" อาจได้เฮเลยทีเดียว
2. ได้เวลา 2 ดาวรุ่งโชว์ของ
ช่วงที่ผ่านมามีการพูดถึงสองดาวรุ่งฟอร์มแรงอย่างมากในฤดูกาลนี้นั่นก็คือ ฟิล โฟเด้น กับ เมสัน เมาท์ ซึ่งแน่นอนว่าหากทั้งคู่ไม่มีปัญหาบาดเจ็บ คงจะได้ลงเล่นเป็นตัวจริงในเกมนัดชิงถ้วยใบโตยุโรปวันเสาร์นี้
โฟเด้น เกิดและเติบโตในฐานะเด็กท้องถิ่นและเจ้าตัวจะอายุครบ 21 ปีเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา กลายเป็นสตาร์สามคนสำคัญในแนวรุกของ แมนฯ ซิตี้ ฤดูกาลนี้ โดย "เป๊ป" มักจะใช้งานเขามากกว่า สเตอร์ลิง เนื่องจากชื่นชมการเล่นที่ดุดัน กล้าได้กล้าเสีย และพร้อมวิ่งทะลุทะลวงไม่กลัวคู่แข่ง ที่สำคัญในเกมใหญ่ๆ โฟเด้น พร้อมวิ่งกระชากลากเลื้อยเข้าไปทำประตูได้บ่อยๆ
ขณะที่ เมาท์ วัย 22 ปี เป็นนักเตะที่สามารถแสดงศักยภาพได้อย่างสุดยอดจนยึดตำแหน่งตัวจริงของ เชลซี ได้สำเร็จ แม้ต้นสังกัดจะทุ่มเงินช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมาไปมหาศาลกว่า 200 ล้านปอนด์ (ราว 7,600 ล้านบาท) ในการเสริมเกมรุก แต่ เมาท์ สามารถสอดแทรกเข้ามาอยู่ในทีม และเป็นผู้เล่นคีย์แมนด้วย
ศักยภาพของ เมาท์ ต้องบอกเลยว่ามีความหลากหลายมากๆ ทั้งการเล่นลูกฟรีคิกที่เฉียบคม และการคอยสร้างสรรค์เกม รวมไปถึงการเชื่อเกมระหว่างแผงมิดฟิลด์กับแนวรุก ซึ่งสิ่งเหล่านี้เจ้าตัวทำได้อย่างยอดเยี่ยม และนี่คือจุดเด่นสำคัญที่ทำให้ เชลซี มีโอกาสปราบ แมนฯ ซิตี้ ได้อีกครั้ง
ไม่ว่าผลการแข่งขันในแมตช์นี้จะออกมาเป็นอย่างไรก็ตาม แต่คนที่จะได้ประโยชน์มากที่สุดก็คือ แกเร็ธ เซาธ์เกต ผู้จัดการทีมชาติอังกฤษ เพราะทั้งสองคนคือเพชรที่ผ่านการเจียระไนมาแล้ว และจะมีส่วนสำคัญต่อ "สิงโตคำราม" ในศึกยูโร 2020 ช่วงเดือนมิถุนายนนี้
3. เตรียมความพร้อมในการดวลจุดโทษ
ในเกมนัดชิงชนะเลิศหลายคนคงได้เห็นแล้วว่ามันเป็นแมตช์ที่มีความตึงเครียดมากๆ ฉะนั้นมีโอกาสเหลือเกิดที่ทั้งสองทีมอาจจะพยายามเล่นแบบรัดกุม ยิ่งการที่ทีมจากประเทศเดียวกันมาเจอกันเอง ยิ่งรู้ไส้รู้พุงกันเป็นอย่างดี เพราะสู้กันบ่อยๆ ในลีก
สำหรับเหตุผลนี้จึงมีโอกาสเป็นไปได้สูงที่การตัดสินแชมป์อาจจะยาวไปจนถึงช่วงฏีกาเลยทีเดียว และในกรณีนี้ "สิงห์บลูส์" เข้าใจอย่างลึกซึ้ง เพราะพวกเขาเคยผ่านประสบการณ์เข้าชิงชนะเลิศ แชมเปี้ยนส์ ลีก 2 ครั้ง และต้องหาแชมป์ด้วยการตะบันจุดโทษ
ครั้งแรกคือการแพ้ แมนฯ ยูไนเต็ด ในปี 2008 และอีกครั้งชนะ บาเยิร์น มิวนิค ปี 2012 ส่วน แมนฯ ซิตี้ ยังไม่เคยได้สัมผัสบรรยากาศนัดชิง แต่เรื่องสถิติการยิงจุดโทษของทีมในฤดูกาลนี้ก็ถือว่าพอใช้ได้เพราะพลาดแค่ 4 ครั้งจาก 11 จุดโทษ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็เป็นเกมที่ดวลกับ เชลซี โดย อเกวโร่ พยายามยิงจุดโทษ "ปาเนนก้า" แต่ เอดูอาร์ เมนดี้ ไม่หลงทางรับบอลเข้ามือแบบสบายอุรา และทีมก็แพ้ด้วยสกอร์ 1-2
ยิ่งการที่ได้เห็น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ดวลจุดโทษยาวกับ บียาร์เรอัล ในนัดชิง ยูโรปา ลีก ยิ่งทำให้ กวาร์ดิโอล่า จำเป็นต้องมีการกำชับลูกทีมให้ซ้อมยิงจุดโทษ ไม่เว้นแม้แต่ เอแดร์ซอน ผู้รักษาประตู เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความผิดพลาดเหมือนกับ ดาบิด เด เคอา
4. วัดกึ๋น "เป๊ป" VS ทูเคิ่ล
นี่คือการพบกันระหว่างสองคนสองคมในวงการลูกหนัง โดยทั้ง เป๊ป และ ทูเคิ่ล ต่างผ่านประสบการณ์โชกโชนในการกุมบังเหียน และได้วัดฝีมือกันอยู่บ่อยๆ สมัยที่ทำงานอยู่ในประเทศเยอรมนี
ย้อนไปเมื่อ 7 ปีก่อนทั้งสองคนเคยมีโอกาสพูดคุยกันภายในร้านอาหารแห่งหนึ่งที่นครมิวนิค ซึ่งพวกเขาได้แลกเปลี่ยนแท็กติกลูกหนังกันอย่างเมามันนานหลายชั่วโมง โดยใช้ขวดเกลือ กับพริกไทยเป็นอุปกรณ์ประกอบฉาก ลองนึกภาพดูซิว่าแบบนี้บริกรจะกล้าเข้าไปแทรกในวงสนทนาหรือเปล่า
เรื่องประสบการณ์และความสำเร็จแน่นอนว่า ทูเคิ่ล เป็นรอง เป๊ป หลายขุมเพราะกุนซือชาวสแปนิช ได้แชมป์รายการใหญ่มาแล้วถึง 31 รายการ (รวมทั้ง สแปนิช ซูเปอร์คัพ กับคอมมิวนิตี้ ชิลด์) ตลอด 13 ปีในอาชีพโค้ช แถมยังผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิส 3 ครั้งแต่นี่คือครั้งแรกในรอบ 10 ปี พร้อมกับคว้าแชมป์ได้ 2 ครั้งแรกตอนที่อยู่กับบาร์เซโลน่า
ขณะที่ ทูเคิ่ล กลายเป็นกุนซือคนแรกที่สามารถนำทีมเข้าชิงชนะเลิดได้ติดต่อกันจากสองสโมสร โดยฤดูกาลที่ผ่านมาพวกเขาอดชูโทรฟี่ "บิ๊กเอียร์" เนื่องจากพ่ายแพ้ให้กับ บาเยิร์ส มิวนิค อย่างน่าเสียดาย
เรื่องของมันสมองในการวางหมากต้องบอกว่า ทูเคิ่ล มีสถิติเป็นรอง เป๊ป เพราะ 7 ครั้งที่ผ่านมา นายใหญ่เลือดกระทิงดุ ชนะ 4 ครั้ง , ส่วน กุนซือชาวเยอรมัน ชนะ 2 ครั้ง , เสมอ 1 ครั้ง โดยชัยชนะของ เป๊ป เกิดขึ้นในเยอรมันทั้งหมด
ส่วน ทูเคิ่ล จัดการดับซ่า เป๊ป 2 ครั้งหลังสุดนั่นก็คือช่วงที่เขาเข้ามาคุม เชลซี โดยสามารถเขี่ย แมนฯ ซิตี้ ตกรอบรองชนะเลิศ ศึกเอฟเอ คัพ และในเกมพรีเมียร์ลีก ที่พลิกสถานการณ์แซงชนะไปได้อย่างสุดยอด
งานนี้บอกเลยว่าทั้งสองคนค่อนข้างจะรู้ไส้รู้พุงกันเลยทีเดียว ฉะนั้นหากคนใดคนหนึ่งสามารถวางแท็กติกได้แยบยลมากกว่า มีความเป็นไปได้ที่ ทูเคิ่ล จะตอกย้ำความช้ำ 3 เกมติดต่อกันในซีซั่นเดียวให้ เป๊ป หรือ กุนซือชาวสแปนิช จะแก้เผ็ดได้สำเร็จ
5. บุรุษผู้ครอบครองพื้นดินวัดฝีเท้ากับเพลย์เมกเกอร์ขั้นเทพ
ตอนนี้สามารถพูดได้เต็มปากว่า เอ็นโกโล่ ก็องเต้ กับ เควิน เดอ บรอยน์ เป็นสองมิดฟิลด์ที่ดีที่สุดในโลก โดยแมตช์นี้ทั้งคู่ซึ่งผ่านความเช็คความฟิตเรียบร้อย น่าจะเป็นคีย์แมนสำคัญของ เชลซี กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในการลุ้นแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก
ก็องเต้ แสดงให้เห็นมาแล้วหลายต่อหลายเกมโดยเฉพาะในแมตช์ที่ปราบ เรอัล มาดริด รอบตัดเชือก ว่าเขามีพละกำลังเหลือเฟือในการวิ่งไล่บี้คู่แข่งเพื่อตัดบอล และยังวิ่งหาพื้นที่เพื่อคอยสร้างสรรค์โอกาสให้เพื่อนร่วมทีม
ในขณะที่ เดอ บรอยน์ ไม่ได้มีพละกำลังมหาศาลแบบ ก็องเต้ แต่เขามีมันสมองที่สุดเฉียบคมในการสร้างสรรค์เกม และยังสามารถแอสซิสต์รวมไปถึงการขึ้นมาทำประตูเองก็ได้ ซึ่งถือเป็นมิดฟิลด์ที่ครบเครื่องมากๆ
สองเกมที่ แมนฯ ซิตี้ พบ เชลซี ในเกมฟุตบอลอังกฤษ เป็น "สิงโตน้ำเงินคราม" ที่เก็บชัยเรียบวุธ โดย ก็องเต้ ได้รับคำชมที่สามารถเล่นได้อย่างครบเครื่องทั้งรุกและรับ
อย่างไรก็ตามแมตช์นี้แฟนบอลทั่วโลกไม่มีทางรู้เลยว่าเมื่อไหร่ที่ จอมทัพทีมชาติเบลเยียม จะร่ายเวทมนต์เพื่อพลิกสถานการณ์ ซึ่งสิ่งนี้คือทีเด็ดของเขา และมีหลายครั้งที่เจ้าตัวทำได้ ไม่อย่างนั้นนักเตะคงไม่มีสถิติซัด 6 ประตูกับ 12 แอสซิสต์ในซีซั่นนี้
แน่นอนว่า ทูเคิ่ล คงจะใช้ ก็องเต้ ในการไล่บี้ เดอ บรอยน์ ไม่ให้เขาได้มีโอกาสสร้างสรรค์เกม แต่ในขณะเดียวกันหาก "สิงห์บลูส์" เปิดพื้นที่ให้ เดอ บรอยน์ ได้มีโอกาสเล่น งานนี้เราๆ ท่านๆ อาจจะได้เห็นการแอสซิสต์ขั้นเทพ หรือการยิงประตูสุดเหลือเชื่อก็ได้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
แฮปปี้เบิร์ดเดย์! ฟีฟ่าโพส์ตทวิตเตอร์ฉลองวันเกิดแข้งแมนฯซิตี้ 3 ราย
วันนี้เป็นวันเกิดของกองหลัง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ สโตนส์,ไคล์ วอล์คเกอร์ และกองกลาง ฟิล โฟเดน และทางฟีฟ่ายังส่งคำอวยพรวันเกิดให้กับสามดาววันเกิดของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทางทวิตเตอร์ฟีฟ่าโโยกล่าวว่า: "สุขสันต์วันเกิด วอล์คเกอร์, สโตนส์ และ โฟเดน! แต่ระวังอย่ากินเค้กวันเกิดมากเกินไป"ใครเด่นด้านไหนบ้าง ? เทียบผลงาน 4 แบ็กขวา อังกฤษ
การประกาศรายชื่อทีมชาติอังกฤษชุดเบื้องต้น 33 คนสำหรับการสู้ศึก ยูโร 2020 มันเรียกได้ว่าน่าสนใจมากในระดับหนึ่งเมื่อ แกเร็ธ เซาธ์เกต ตัดสินใจเรียกแบ็กขวามาติดทีมถึง 4 คน ประกอบด้วย เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ฟูลแบ็ก ลิเวอร์พูล, ไคล์ วอล์คเกอร์ ดาวเตะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้, คีแรน ทริปเปียร์ ฟูลแบ็ก แอตเลติโก มาดริด และ รีซ เจมส์ แบ็กขวาจาก เชลซีมีเซอร์ไพรส์!อังกฤษเปิดโผ33นักเตะเบื้องต้นลุยยูโร
ทีมชาติอังกฤษ เปิดโผ 33 แข้งก่อนตัดให้เหลือ 26 คนลุยยูโร 2020 เซอร์ไพรส์เรียก เบน ก็อดฟรีย์ ขณะที่ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ กลับมามีชื่ออยู่ในทีมระดมทุนล่า2เด็กโหด!สื่อแฉเรอัลมาดริดพร้อมโละ3แข้งพ้นทีม
สกายสปอร์ตส์ สื่อกีฬาชื่อก้องของอังกฤษ ระบุ เรอัล มาดริด ตัดสินใจแล้วว่าพร้อมโละทั้ง เอแด็น อาซาร์, แกเร็ธ เบล และ ลูก้า โยวิช หลังจากต้องการเอาเงินไปเป็นทุนสำหรับการล่า คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ กับ เออร์ลิง เบราต์ ฮาแลนด์ โดย
TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน
อัลบั้มภาพเด็ดๆ
มาย ฮาเร็ม ส่งภาพเขย่าโซเชียล นุ...
เจนนี่ ธมนภัค พริตตี้สุดฮอต นุ่ง...
ฮาน่า ฮาอึน ชอง ดาว TikTok สาวสว...
นาฟ ฉัฐนันท์ ปล่อยแซ่บท้าลมหนาว ...
เต็มที่แล้ว! ไทย พ่าย อุซเบกิสถา...
ตัดเกรด นักเตะไทย เกมเสมอ โอมาน ...
คลิปไฮไลท์