ลิเวอร์พูล จัดการเซ็นสัญญานักเตะคนแรกในช่วงซัมเมอร์นี้ เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับทีมเรียบร้อยแล้ว ด้วยการคว้าตัว อิบราฮิม่า โกนาเต้ ปราการหลังจอมแกร่ง จาก แอร์เบ ไลป์ซิก และแน่นอนว่านี่คือนหนึ่งในการเสริมทัพที่ถูกจุดและจำเป็นอย่างยิ่ง
    เจอร์เก้น คล็อปป์ ตัดสินใจที่จะทุ่มเงินจำนวน 36 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1,584 ล้านบาท) ตามค่าฉีกสัญญาที่มีอยู่กับ ไลป์ซิก เพื่อดึงนักเตะเป้าหมายรายนี้มาเสริมทัพ เนื่องจากประสบการณ์ในซีซั่นนี้ การทีมต้องขาดเซนเตอร์แบ็กอาชีพ มันส่งผลกระทบอย่างรุนแรง จน "หงส์แดง" ไม่ได้แชมป์อะไรเลยมาประดับทีม

    การได้ โกนาเต้ มาร่วมทีมทำให้ตอนนี้ แนวรับของ "หงส์แดง" เตรียมกลับมาแกร่งอีกครั้ง เพราะคาดว่า เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ น่าจะฟิตสมบูรณ์ในช่วงปรีซีซั่น ขณะที่ โจ โกเมซ กับ โฌแอล มาติป ก็คงหายเจ็บกลับมาช่วยทีมได้ นั่นจะทำให้ คล็อปป์ มีทางเลือกในเกมรับมากยิ่งขึ้น

    ส่วน กุนซือชาวเยอรมัน จะเลือกใช้ระบบแบบไหนสำหรับ ลิเวอร์พูล ในฤดูกาลหน้า ลองมาดูกันเลยๆ เป็นออเดิร์ฟกันดีกว่า

แผงแบ็กโฟร์ชุดที่ดีที่สุด

    ลิเวอร์พูล อาจจะมีแผงแบ็กโฟร์ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกก็ได้หากพวกเขาได้ 4 นักเตะสำคัญลงสนามพร้อมกัน เพราะนี่คือแนวรับที่สามารถปรับเปลี่ยนไปเล่นเกมรุกได้แบบรวดเร็วทันใจชนิดที่คู่แข่งเปิดตำรารับไม่ทันเลยทีเดียว

    แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน กับ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ทำหน้าที่เป็นฟูลแบ็กกึ่งวิงแบ็ก โดยพวกเขาสามารถที่จะดันเกมขึ้นสูงได้ตลอดเวลา เพราะมี 2 เซนเตอร์ฮาล์ฟที่ไว้วางใจได้คอยทำหน้าที่คุมเกมรับไว้

    ฟาน ไดจ์ ยังคงยืนหนึ่งในตำแหน่งปราการหลังตัวกลางหากเขาฟิตสมบูรณ์ และแน่นอนว่า คล็อปป์ จะจับ โกนาเต้ ทำหน้าที่เป็นคู่หู ลองนึกภาพสองภูเขาหินยืนตะหง่านในเกมรับของ "หงส์แดง" งานนี้แนวรุกคู่แข่งจะขนหัวลุกขนาดไหน

ขยับ "เจ้าหนูเทรนต์" ขึ้นไปเล่นมิดฟิลด์

    มีการพูดกันบ่อยๆ ว่า อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ น่าจะทำหน้าที่เป็นมิดฟิลด์ได้ดีเยี่ยม และงานนี้มีความเป็นไปได้ที่เขาจะได้ขยับขึ้นไปเล่นในตำแหน่งนี้เต็มตัวสำหรับการแข่งขันในฤดูกาล 2021/2022

     การได้ ฟาน ไดค์ กับ โกนาเต้ ยืนคู่กันตำแหน่งเซนเตอร์แบ็ก ขณะที่ โจ โกเมซ ถูกจับเปลี่ยนไปเล่นเป็นแบ็กขวาซึ่งเป็นตำแหน่งที่เจ้าตัวลงเล่นบ่อยๆ สมัยที่ยังเป็นดาวรุ่ง ขณะที่ เนโก วิลเลี่ยมส์ ยังคงต้องรอโอกาสของเขาต่อไป

    แม้ คล็อปป์ อาจจะรู้สึกลังเลใจอยู่บ้างในการปรับเปลี่ยนตำแหน่งให้ "เจ้าหนูเทรนต์" ในช่วงที่ผ่านมา แต่การที่ทีมมีคู่ปราการหลังตัวกลางที่ไว้วางใจได้ การดัน อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ขึ้นสูง ก็ถือว่าทั้งนักเตะและทีมจะได้ประโยชน์อย่างสูง

    ไหนๆ ดาวเตะชาวเมืองผู้ดี ก็มักมีปัญหาเรื่องเกมรับ ก็เปิดโอกาสให้เล่นเกมรุกเต็มตัวไปเลย เหมือน แกเร็ธ เบล ที่เติบโตมาจากการเป็นฟูลแบ็ก ก่อนจะประสบความสำเร็จในฐานะมิดฟิลด์ริมเส้น

วิงแบ็กขาลุย

    หาก ลิเวอร์พูล ต้องการเปิดเกมบุกแหลกและแหกค่าย งานนี้ คล็อปป์ อาจจะตัดสินใจจัด แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน กับ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ทำหน้าที่เป็นวิงแบ็ก วิ่งดันเกมรุกแบบเต็มสูบ

    แต่การจะทำแบบนั้นได้ ลิเวอร์พูล จะต้องมีเกมรับที่คอยช่วยคุมสถานการณ์หากโดนคู่แข่งสวนกลับ แน่นอนว่า โกเมซ กับ โกนาเต้ พร้อมรับผิดชอบคุมพื้นที่ ขณะที่ ฟาน ไดค์ ยืนปักหลักตรงกลาง และนั่นจะทำให้ คล็อปป์ กล้าเลือกจับ โรเบิร์ตสัน กับ "เทรนต์" ดันขึ้นสูง

    นอกจากนี้การมี ฟาบินโญ่ ยืนอยู่ข้างหน้าเซนเตอร์แบ็ก ยิ่งทำให้ทีมมีเกมรับที่เหนียวแน่น และอนุญาตให้ โรเบิร์ตสัน กับ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ วิ่งขึ้นไปเล่นเป็นมิดฟิลด์ตัวริมเส้นได้อย่างอิสระ และทำให้ทีมมีเกมรุกที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น

โรเตชั่นฟูลแบ็ก

    ในฤดูกาลหน้ามีโอกาสที่ โฌแอล มาติป จะกลายเป็นเซนเตอร์แบ็กตัวเลือกอันดับ 4 หรืออาจจะอันดับ 5 ก็ได้ เพราะผลงานของ นาธาเนียล ฟิลลิปส์ ในฤดูกาลนี้โดดเด่นมากๆ ที่สำคัญเขามีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในช่วงโค้งสุดท้ายเกมลีกที่ทำให้ "หงส์แดง" คว้าอันดับ 3

    ฉะนั้น คล็อปป์ อาจจะใช้ระบบโรเตชั่นมาใช้กับทีมในช่วงปรีซีซั่น เพื่อเป็นการทดลองทีม และพักผู้เล่นตัวหลัก หรือเมื่อเปิดฤดูกาลใหม่ มาติป กับ ฟิลลิปส์ อาจจะได้เล่นร่วมกันในเกมฟุตบอลถ้วยในอังกฤษก็ได้

    ขณะที่ เนโก วิลเลี่ยมส์ จะได้โอกาสยืนในตำแหน่งแบ็กขวา เช่นเดียวกับ คอสตาส ซิมิกาส ฟูลแบ็กชาวกรีก จะได้ลงเล่นเป็นยางอะไหล่ของ โรเบิร์ตสัน แน่อนว่าการโรเตชั่นยังคงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับ "เดอะ เร้ดส์" ในยุคที่เกมลูกหนังเตะถี่ยิบ 2 แมตช์ต่อสัปดาห์