หลังจากที่มีกระแสข่าวลือเมื่อไม่กี่วันก่อนว่าสหพันธ์ฟุตบอลยุโรป (ยูฟ่า) กำลังพิจารณาที่จะยกเลิกกฎประตูทีมเยือน ล่าสุดในที่ประชุมเมื่อวันศุกร์ที่ 28 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ทางคณะกรรมการด้านการแข่งขันของพวกเขาก็มีเสียงโหวตส่วนใหญ่ไปในทิศทางว่าต้องการให้ยกเลิกกฎนี้จริงๆ โดยมองว่ามันเป็นกฎที่ล้าสมัยกันไปแล้ว
    แน่นอน มันยังไม่ได้หมายความว่ากฎประตูทีมเยือนจะโดนยกเลิกอย่างเป็นทางการ เพราะถ้าจะให้มันมีผลแล้วนั้นมันก็ต้องได้รับการอนุมัติจากคณะผู้บริหารของ ยูฟ่า ซะก่อน แต่มันก็เป็นประเด็นที่หลายคนพูดถึงกันมากในระดับหนึ่ง รวมถึงมีความเห็นทั้งในเชิงที่เห็นด้วยกับไม่เห็นด้วยที่จะให้มีการยกเลิกกฎที่อยู่กับวงการฟุตบอลยุโรปมาอย่างยาวนาน 56 ปี

    ปฏิเสธไม่ได้ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมากฎประตูทีมเยือนเป็นสิ่งที่มีความสำคัญในการตัดสินผลการแข่งขันเกมฟุตบอลถ้วยยุโรปอย่างมาก เอาแค่ 5 ฤดูกาลหลังสุดในกรณีที่นับรวมซีซั่นปัจจุบันเข้าไปด้วยมันก็มีหลายเกมที่กฎประตูทืมเยือนทำให้เกิดผลการแข่งขันสุดช็อกในเกมระดับ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก มาแล้ว ซึ่งวันนี้เราจะมาย้อนดูอันที่เด่นๆ สัก 5 เกมกัน

    - อาแอส โรม่า vs บาร์เซโลน่า (ฤดูกาล 2017-18)
    กูรูเกือบทุกสำนักฟันธงตั้งแต่ผลจับสลากรอบก่อนรองชนะเลิศออกมาสดๆ ร้อนๆ เลยว่า บาร์เซโลน่า จะเป็นฝ่ายเอาชนะ โรม่า ได้ อย่างในรอบ 16 ทีมสุดท้าย "อาซูลกราน่า" ก็เพิ่งโชว์ฟอร์มเด็ดด้วยการดับ เชลซี มาด้วยสกอร์รวม 2 นัด 4-1 ขณะที่ โรม่า ผ่านรอบ 16 ทีมสุดท้ายมาได้แบบลุ้นเหนื่อยด้วยกฎประตูทีมเยือน หลังจากเสมอกับ ชัคตาร์ โดเน็ตส์ค 2-2

 

    ใช่ ตอนแรกมันก็ทำท่าจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ เพราะในนัดแรก บาร์เซโลน่า เล่นได้อย่างเหนือชั้นจนเปิดรัง คัมป์ นู เอาชนะทีมจากอิตาลีไปได้ถึง 4-1 อย่างไรก็ตาม พอกลับไปเตะที่ สตาดิโอ โอลิมปิโก กลับกลายเป็น โรม่า ที่เล่นได้อย่างสุดยอดจนชนะแบบขาดลอย 3-0 และเข้ารอบรองชนะเลิศจากสกอร์รวม 4-4 แบบเหนือความคาดหมาย

    - อาแอส โมนาโก vs แมนฯ ซิตี้ (ฤดูกาล 2016-17)
    ตอนนั้น แมนฯ ซิตี้ มีสภาพดีกว่า โมนาโก ทุกด้าน ไม่ว่าจะทั้งขุมกำลังโดยรวมหรือด้านตัวกุนซือที่ของฝั่ง แมนฯ ซิตี้ เพิ่งได้ โจเซป กวาร์ดิโอล่า มาทำงานกับทีมเป็นฤดูกาลแรก ขณะที่ของ โมนาโก มี เลโอนาร์โด้ ชาร์ดิม เป็นนายใหญ่ แม้ว่าในนัดแรกของรอบ 16 ทีมสุดท้าย โมนาโก จะบุกไปยิงที่บ้านของ แมนฯ ซิตี้ ได้ 3 ลูก จนทำให้แพ้ไป 3-5 แต่หลายคนก็มองว่าในนัดสองทีมของ ชาร์ดิม ไม่น่าจะเอาตัวรอดได้อยู่ดี

    ทว่าท้ายที่สุดแล้ว โมนาโก ก็ทำเรื่องที่น่าเหลือเชื่อได้ เมื่อพวกเขาเปิดรัง สต๊าด หลุยส์ เดอซ์ เอาชนะ แมนฯ ซิตี้ ไปได้ 3-1 ทำให้สกอร์รวม 2 นัดเสมอกัน 6-6 และกลายเป็น โมนาโก ที่ได้ตั๋วเข้าสู่รอบก่อนรองชนะเลิศด้วยกฎประตูทีมเยือน

    - สเปอร์ส vs แมนฯ ซิตี้ (ฤดูกาล 2018-19)
    ตอนที่มีการจับสลากว่า "ไก่เดือยทอง" ต้องมาดวลกับ "เรือใบสีฟ้า" ในรอบก่อนรองชนะเลิศนั้น หลายคนก็มองว่า แมนฯ ซิตี้ มีภาษีดีกว่า ไม่ว่าจะทั้งด้านขุมกำลังที่มีนักเตะชั้นยอดให้เลือกใช้งานมากกว่า หรือกุนซือที่ โจเซป กวาร์ดิโอล่า ยังดูเหนือกว่า เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ นิดหน่อย

    แต่กลับกลายเป็นว่าในนัดแรก สเปอร์ส เปิดรัง ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ สเตเดี้ยม เอาชนะไปก่อน 1-0 และพอในนัดสองที่ต้องไปเยือน เอติฮัด สเตเดี้ยม พวกเขาก็บุกไปยิง แมนฯ ซิตี้ ได้ถึงบ้านของอีกฝ่าย 3 ลูก ทำให้แม้ว่าในนัดสอง สเปอร์ส จะแพ้ไป 4-3 แต่พวกเขาก็ได้เข้ารอบด้วยกฎประตูทีมเยือนหลังจากที่สกอร์รวม 2 นัดจบลงด้วยการเจ๊ากัน 4-4

    - แมนฯ ยูไนเต็ด vs ปารีส แซงต์-แชร์กแมง (ฤดูกาล 2018-19)
    ในตอนแรกหลายคนคิดว่า ปารีส แซงต์-แชร์กแมง น่าจะผ่านเข้าสู่รอบก่อนรองชนะเลิศของศึก แชมเปี้ยนส์ ลีก ในซีซั่นนั้นได้แบบไม่ยากเย็นนัก หลังจากที่ในนัดแรกพวกเขาบุกไปชนะ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ถึง โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ด้วยสกอร์ 2-0 เรียกได้ว่านอกจากชนะแล้วนั้นยังได้อเวย์โกล์มาตั้ง 2 ลูกอีกต่างหาก

    อย่างไรก็ตาม ในนัดสองที่ ปาร์ก เดส์-แพร็งซ์ เรื่องสูดช็อกก็เกิดขึ้นเมื่อ แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นฝ่ายคว้าชัยไปได้ 3-1 จนทำให้สกอร์รวม 2 นัดเสมอกัน 3-3 และส่งผลให้ทีมของกุนซือ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา พลิกเข้ารอบได้อย่างน่าเหลือเชื่อ ที่มันน่าเจ็บปวดยิ่งกว่านั้นสำหรับ "เปแอสเช" ก็คือประตูที่ทำให้พวกเขาตกรอบแบบที่ต้องช็อกกันตาตั้งดันมาเกิดในช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีที่ 4 อีก จากการยิงลูกจุดโทษของ มาร์คัส แรชฟอร์ด

    - สเปอร์ส vs อาแจ็กซ์ (ฤดูกาล 2018-19)
    แน่นอน ชื่อชั้นของ อาแจ็กซ์ ในยุคปัจจุบันมันเทียบไม่ได้เลยกับ แมนฯ ซิตี้ แต่การพลิกสถานการณ์ในหนนี้ของ สเปอร์ส มันถือว่าน่าประทับใจและน่าทึ่งมากกว่าภารกิจพิชิตคู่แข่งร่วมลีกซะอีก เพราะในนัดแรกของรอบรองชนะเลิศนั้น พวกเขาแพ้คาบ้านไปก่อน 0-1 โดยวันนั้น ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ็ค เป็นคนทำประตูชัยให้กับทีมดังจากฮอลแลนด์

 

 

    พอไปเล่นนัดสองกันที่ โยฮัน ครัฟฟ์ อารีน่า อาแจ็กซ์ ก็ออกนำไปก่อน 2-0 จากประตูของ มาต์ไตส์ เดอ ลิกท์ กับ ฮาคิม ซีเย็ค ในนาทีที่ 5 กับ 35 ตามลำดับ จนทำให้ตอนนั้นหลายคนคิดว่า อาแจ็กซ์ จะได้เป็นคู่ชิงชนะเลิศของ ลิเวอร์พูล แน่นอน แต่แล้วในครึ่งหลัง ลูคัส มูร่า มาสวมบทฮีโร่ทำคนเดียว 3 ลูกให้กับ สเปอร์ส ทำให้พอสกอร์รวมเสมอกัน 3-3 แล้วนั้น มันก็เป็น สเปอร์ส ที่ได้เข้ารอบด้วยกฎประตูทีมเยือน ซ้ำร้ายลูกที่ 3 ยังเกิดขึ้นในช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีที่ 6 ด้วย