ทีมชาติอังกฤษปิดท้ายเกมอุ่นเครื่องก่อนทัวร์นาเม้นต์ฟุตบอลยูโร 2020 ด้วยการคว้าชัยชนะเหนือ โรมาเนีย 1-0 โดยเกมนี้ แกเร็ธ เซาธ์เกต ยังคงให้โอกาสกับแข้งอังกฤษบางส่วนที่หลุดจากรายชื่อ 26 คนที่ลุยยูโร ซึ่งผลงานโดยรวมของทีมนี้ยังถือว่าไม่น่าพอใจนักโดยเฉพาะบรรดาแนวรุกที่ขาดๆเกินๆในจังหวะสุดท้ายแถมยังไร้ดวงเนื่องจากยิงชนคาน 2 ครั้งและชนเสาอีก 1 ครั้ง เรามาดูว่านักเตะ "สิงโตคำราม" โชว์ฟอร์มเป้นอย่างไรกันบ้าง

แซม จอห์นสตัน 7.5

เดบิวต์ในทีมชาตินัดแรกด้วยฟอร์มสุดแจ่ม ครึ่งแรกโชว์เซฟลูกยิงเลียดของ ราซวาน มาริน และ เดอัน โซเรสคู ขณะที่ครึ่งหลังมีเซฟแบบเวิลด์-คลาสด้วยการปัดลูกยิงจ่อๆของ อังเดรจ์ อีวาน

เบน ก็อดฟรีย์ 6

ครั้งแรกที่ออกสตาร์ทตัวจริงในทัพอังกฤษ ครึ่งแรกมีจังหวะได้ง้างยิงแต่หลุดไปไกล โดยรวมถือว่าเติมเกมรุกขึ้นมาได้ดีระดับหนึ่ง

เบน ไวท์ 6.5

อีกหนึ่งคนที่สตาร์ทตัวจริงครั้งแรก เป็นคนที่ครองบอลค่อนข้างนิ่ง ป้องกันเกมรับแน่น ดูดีกว่าคู่หู ไทโรน มิงส์

ไทโรน มิงส์ 4

เริ่มต้นเกมก็มีจับบอลพลาดจนเสียเตะมุมง่ายๆ ดูปั่นป่วนไปหมดเวลา ดรมาเนีย บุกขึ้นมา ประกบตัวหลวมหลายครั้ง โชคดีที่ไม่โดนลงโทษ

ลุค ชอว์ 7

เติมเกมรุกสนุกแถมได้เข้าคู่กับเพื่อนร่วมสโมสรอย่าง แรชฟอร์ด ทางฝั่งซ้ายด้วย มีจังหวะวิ่งพาบอลกดดันกองหลังโรมาเนียได้ดี แต่ยังเข้าพื้นที่สุดท้ายน้อยครั้ง

เจมส์ วอร์ด-พราวส์ 8

ยอดเยี่ยมทั้งเวลามีบอลและไม่มีบอลอยู่กับตัว จ่ายบอลฉลาด มีความขยัน ลูกเปิดเซ็ตพีซของเขาได้ลุ้นและเข้าเป้าหลายครั้งมาก มีโอกาสเหมือนกันที่จะไปแทนที่ เทรนต์ ที่ถอนตัว

คัลวิน ฟิลลิปส์ 6

ยังทำหน้าที่ปิดทองหลังพระเช่นเคย คอยเก็บกวาดแดนกลางและถ่ายบอลไปมากลางสนาม มีจ่ายบอลสวยๆอยู่บ้างแต่ยังไม่โดดเด่นมากนัก

แจ็ค กรีลิช 8

เป็นอีกครั้งที่โชว์ให้เห็นว่า กรีลิช ควรได้ออกสตาร์ทตัวจริง โดดเด่นมากในแนวรุก เอาชนะการปะทะถึง 12 ครั้ง และเรียกฟาวล์ได้มากสุดในทีมซึ่งรวมถึงเป็นคนเรียกจุดโทษด้วย

เจดอน ซานโช่ 7

ดูอันตรายมากเวลามีบอล พยายามเลี้ยงจี้คู่แข่งบ่อยครั้ง น่าเสียดายที่ลูกยิงปั่นโค้งบอลดันไปชนคาน ทำชิ่งกับ กรีลิช ยอดเยี่ยม แต่ครึ่งหลังบทบาทน้อยลงก่อนถูกเปลี่ยนตัวออก

มาร์คัส แรชฟอร์ด 6.5

ได้สวมปลอกแขนกัปตันทีมแต่น่าสนใจว่าจะได้เป็นตัวจริงในฟุตบอลยูโรหรือไม่? เขามักจะพยายามตะบี้ตะบันเลี้ยงแหวกแนวรับแต่เสียบอลทุกครั้ง ครึ่งหลังมีจังหวะใช้ความเร็วสวนกลับได้ดีแต่จบสกอร์ไปไกล ยังตัดสินใจจังหวะสุดท้ายแย่เหมือนเดิม หากเกมนี้ไม่ได้เป็นคนยิงจุดโทษเข้าประตู อาจจะนับได้ว่าเป็นฟอร์มที่ไม่ดีเท่าไหร่

โดมินิค คัลเวิร์ต-ลูวิน 6.5

มีโอกาสได้โหม่งจากลูกเปิดฟรีคิกแต่บอลชนคาน ครึ่งหลังมีได้ยิงจ่อๆแต่ดันตรงตัว ก่อนมาเรียกจุดโทษที่สองให้กับทีม โดยรวมถือว่าหาตำแหน่งได้ดีขาดแค่ประตูเท่านั้น

ผู้เล่นสำรองที่ลงสนาม

จอร์แดน เฮนเดอร์สัน 5 (แทน คัลวิน ฟิลลิปส์ น.45)

เป็นคนวางบอลยาวให้ คัลเวิร์ต-ลูวิน หลุดเดี่ยวก่อนได้จุดโทษ แต่ เฮนโด้ ดันสังหารไปติดเซฟ

จู๊ด เบลลิงแฮม 6 (แทน เจดอน ซานโช่ น.65)

ลงมาแล้วฉายแววเช่นเคย มีจังหวะจับบอลสวยๆ มีส่วนทำชิ่งกับ กรีลิช จนได้จุดโทษ โชคร้ายที่โหม่งระยะเผาขนแต่ชนเสา

ดีแคลน ไรซ์ 6 (แทน เจมส์ วอร์ด-พราวส์ น.65)

ทำหน้าที่เก็บกวาดแดนกลางและออกบอลจากแนวลึกเช่นเคย

คีแรน ทริปเปียร์ 6 (แทน ลุค ชอว์ น.75)

ยังไม่มีโอกาสได้เติมเกมรุกมากนัก

เจสซี่ ลินการ์ด 6 (แทน มาร์คัส แรชฟอร์ด น.75)

มีจังหวะทำชิ่งสวยๆกับเพื่อนร่วมทีมอยู่บ้าง

โอลลี่ วัตกินส์ 6.5 (แทน โดมินิค คัลเวิร์ต-ลูวิน น.82)

เป็นคนครอสบอลให้ เบลลิงแฮม โหม่งชนเสา